การพิชิตจ๊กก๊กโดยวุยก๊ก

การพิชิตจ๊กก๊กโดยวุยก๊ก (จีน: 魏滅蜀之戰) เป็นการทัพที่เริ่มต้นด้วยรัฐวุยก๊กกระทำต่อรัฐจ๊กก๊กในช่วงปลายปี ค.ศ. 263 ในยุคสามก๊กของจีน การทัพนี้สิ้นสุดลงด้วยการล่มสลายของจ๊กก๊ก และเป็นการสิ้นสุดของการคงสมดุลไตรภาคีในจีนที่กินเวลามากกว่า 40 ปีนับตั้งแต่การสิ้นสุดของราชวงศ์ฮั่นตะวันออกในปี ค.ศ. 220 การพิชิตครั้งนี้เป็นการวางรากฐานสำหรับการรวมจีนเป็นหนึ่งเดียวในที่สุดภายใต้การปกครองของราชวงศ์จิ้นตะวันตกในปี ค.ศ. 280

การพิชิตจ๊กก๊กโดยวุยก๊ก
ส่วนหนึ่งของ สงครามในยุคสามก๊ก

การพิชิตจ๊กก๊กโดยวุยก๊ก
วันที่ป. กันยายนหรือตุลาคม[a] - พฤศจิกายนหรือธันวาคม ค.ศ. 263[b]
สถานที่
ผล วุยก๊กชนะ จ๊กก๊กล่มสลาย
คู่สงคราม
วุยก๊ก จ๊กก๊ก
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ
สุมาเจียว
จงโฮย
เตงงาย
จูกัดสู
เล่าเสี้ยน Surrendered
เกียงอุย Surrendered
เลียวฮัว Surrendered
จูกัดเจี๋ยม 
กำลัง
160,000–180,000[c] 90,000–102,000[d]
การพิชิตจ๊กก๊กโดยวุยก๊ก
อักษรจีนตัวเต็ม魏滅蜀之戰
魏滅漢之戰
อักษรจีนตัวย่อ魏灭蜀之战
魏灭汉之战

ภูมิหลัง

แก้
 
ยุคสามก๊กในปี ค.ศ. 262 ก่อนการพิชิตจ๊กก๊กโดยวุยก๊ก

หลังการการสิ้นสุดของราชวงศ์ฮั่นตะวันออกในปี ค.ศ. 220[7] รัฐที่ขัดแย้งกัน 3 รัฐได้ก่อตั้งขึ้นในจีนและรบกันเพื่อควบคุมดินแดนของอดีตจักรวรรดิฮั่น ในบรรดา 3 รัฐนี้ วุยก๊กเป็นรัฐที่มีอำนาจมากที่สุดในแง่ของความแข็งแกร่งทางกำลังทหาร ทรัพยากรทางเศรษฐกิจ กำลังคน และขนาดทางภูมิศาสตร์ อีก 2 รัฐคือจ๊กก๊กและง่อก๊กได้ก่อตั้งความเป็นพันธมิตรขึ้นใหม่เพื่อต่อต้านวุยก๊กในปี ค.ศ. 223[8]

ระหว่างปี ค.ศ. 228 และ ค.ศ. 234 จูกัดเหลียงผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งจ๊กก๊กซึ่งสนับสนุนนโยบายแข็งกร้าวต่อวุยก๊ก ได้ยกทัพ 5 ครั้ง (เป็นที่รู้จักในคำเรียกว่า "การบุกขึ้นเหนือ") เพื่อโจมตีอาณาเขตของวุยก๊กในมณฑลยงจิ๋วและเลียงจิ๋ว (ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของมณฑลกานซู่และมณฑลฉ่านซีในปัจจุบัน) เป้าหมายสูงสุดของการทัพคือการเปิดทางให้ทัพจ๊กก๊กเข้ายึดลกเอี๋ยง (洛陽 ลั่วหยาง) นครหลวงของวุยก๊ก และฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่น การบุกทุกครั้งล้วนประสบความล้มเหลว[9] หลังจูกัดเหลียงเสียชีวิตในปี ค.ศ. 234 ผู้สืบทอดอำนาจคือเจียวอ้วนและบิฮุยมีท่าทีในเชิงป้องกันต่อวุยก๊กมากขึ้น และมุ่งเน้นไปที่นโยบายส่งเสริมการพัฒนาภายในและความมั่นคงภายในจ๊กก๊ก แต่ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 240 ถึง ค.ศ. 262 เกียงอุยขุนพลจ๊กก๊กสานต่อเจตนารมณ์ของจูกัดเหลียงด้วยการยกทัพบุกวุยก๊กอีก 11 ครั้ง แต่การบุกแต่ละครั้งถูกยกเลิกไปในที่สุดเนื่องจากเสบียงอาหารไม่เพียงพอ, การสูญเสียอย่างหนักในสนามรบ และเหตุผลอื่น ๆ การทัพเหล่านี้ไม่เพียงทำให้ทรัพยากรที่มีจำกัดอยู่แล้วในจ๊กก๊กให้ร่อยหรอลงเป็นอย่างมาก แต่ยังส่งผลกระทบอย่างหนักต่อประชากรของจ๊กก๊ก และยังส่งผลทำให้เกิดความไม่พอใจอย่างมากในหมู่ราษฎรที่มีต่อเกียงอุยอีกด้วย[10]

ในช่วงเวลานั้น สุมาอี้ขุนพลวุยก๊กขึ้นมามีอำนาจหลังก่อรัฐประหารได้สำเร็จในปี ค.ศ. 249 หลังสุมาเสียชีวิตในปี ค.ศ. 251 สุมาสูบุตรชายคนโตขึ้นสืบทอดอำนาจในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ผูกขาดอำนาจและควบคุมราชสำนักวุยก๊ก[11] ในปี ค.ศ. 254 สุมาสูปลดโจฮองจักรพรรดิวุยก๊กที่พยายามจะชิงอำนาจคืนจากสุมาสู แล้วสุมาสูก็ตั้งโจมอขึ้นครองราชย์แทน หลังสุมาสูเสียชีวิตในปี ค.ศ. 255 สุมาเจียวน้องชายของสุมาสูขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์คนใหม่และยังคงผูกขาดอำนาจในวุยก๊กต่อไป[12] ในปี ค.ศ. 260 โจมอทรงพยายามจะก่อรัฐประหารเพื่อโค่นอำนาจสุมาเจียวแต่ไม่สำเร็จ ตัวพระองค์เองก็ถูกปลงพระชนม์ โจฮวนที่ขึ้นสืบราชบัลลังก์ถัดจากโจมอในฐานะจักรพรรดิแห่งวุยก๊กก็ยังคงเป็นผู้ปกครองหุ่นเชิดภายใต้อิทธิพลและการควบคุมของสุมาเจียว[13]

การวางกลยุทธ์ของวุยก๊ก

แก้
ลำดับเหตุการณ์การพิชิตจ๊กก๊กโดยวุยก๊ก[14]
ช่วงเวลาโดยประมาณ สถานที่ เหตุการณ์
ฤดูหนาว ค.ศ. 262 นครลั่วหยาง มณฑลเหอหนาน สุมาเจียวประกาศแผนการพิชิตจ๊กก๊กแก่ราชสำนักวุยก๊ก สุมาเจียวมอบหมายให้จงโฮยรับผิดชอบราชการทหารในภูมิภาคกวนต๋ง วุยก๊กระดมกำลังทหารประมาณ 180,000 นายจากหลายมณฑลเพื่อเตรียมการบุกจ๊กก๊ก
ต้นปี ค.ศ. 263 อำเภอโจวชฺวี มณฑลกานซู่ เกึยงอุยส่งคำแจ้งเตือนไปถึงนครหลวงเซงโต๋ว่าวุยก๊กดูเหมือนกำลังเตรียมการจะบุกจ๊กก๊ก ฮุยโฮทูลแนะนำเล่าเสี้ยนให้ทรงเพิกเฉยต่อคำแจ้งเตือน
ฤดูใบไม้ร่วง ค.ศ. 263 นครลั่วหยาง มณฑลเหอหนาน ราชสำนักวุยก๊กออกพระราชโองการกำหนดแนวทางในการบุกแบบสามทิศทาง โดยจงโฮย เตงงาย และจูกัดสูต่างนำกำลังพลของตนเข้าโจมตีจ๊กก๊กจากปีกตะวันออก ปีกตะวันตก และปีกกลางตามลำดับ
20 กันยายน – 19 ตุลาคม ค.ศ. 263 นครลั่วหยาง มณฑลเหอหนาน ทัพวุยก๊กยกออกจากลกเอี๋ยง
มณฑลฉ่านซี จงโฮยสั่งประหารชีวิตเคาหงีจากความล้มเหลวในภารกิจกำกับดูแลการก่อสร้างถนนที่นำเข้าสู่จ๊กก๊ก
อำเภอเฉิงกู้และอำเภอเหมี่ยน มณฑลฉ่านซี จงโฮยสั่งให้ลิจูและซุนไคเข้าโจมตีอำเภอก๊กเสียและฮั่นเสียตามลำดับ เวลานั้นอองหำและเจียวปินขุนพลจ๊กก๊กตั้งมั่นรักษาอำเภอก๊กเสียและฮั่นเสียตามลำดับ
อำเภอหนิงเฉียง มณฑลฉ่านซี จงโฮยส่งเฮาเหลกเข้าโจมตีด่านเองเปงก๋วน เจียวสียอมจำนนต่อเฮาเหลกและช่วยเฮาเหลกในการพิชิตด่านเองเปงก๋วน ปอเฉียมถูกสังหารในที่รบระหว่างป้องกันด่าน
20 ตุลาคม – 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 263 นครเทียนฉุ่ย, อำเภอหล่งซี และอำเภอยฺหวีจง มณฑลการซู่ และนครอานคาง มณฑลฉ่านซี อองกิ๋น, คันห่อง, เอียวหัว และหลิว ชินนำกำลังพลจากเมืองของตนเข้าร่วมการบุกจ๊กก๊ก
นครหล่งหนานและอำเภอเหวิน มณฑลกานซู่ เล่าเสี้ยนส่งเลียวฮัวและเตียวเอ๊กกับตังควดให้นำกำลังเสริมไปยังท่าจงและด่านเองเปงก๋วนตามลำดับ กำลังเสริมของจ๊กก๊กหยุดอยู่ที่อิมเป๋งเมื่อทั้งหมดทราบว่าทัพของจูกัดสูกำลังโจมตีเจี้ยนเวย์
อำเภอโจวชฺวี มณฑลกานซู่ เตงงายเอาชนะเกียงอุยที่ท่าจง
จุดตัดของแม่น้ำไป๋หลงกับแม่น้ำเจียหลิง เกียงอุยพยายามล่าถอยไปยังไป๋ฉุ่ย แต่เอียวหัวสกัดไว้ที่เฉียงชฺวานโข่วและเอาชนะเกียงอุยได้
อำเภอเหวิน มณฑลกานซู่ เกียงอุยมุ่งหน้าไปยังหุบเขาข่งหานเพื่อเลี่ยงการปะทะกับจูกัดสูซึ่งกำลังปิดกั้นสะพานอู๋เจียใกล้กับอิมเป๋ง เมื่อจูกัดสูยกเลิกการปิดกั้น เกียงอุยก็ยกหันกลับมาทันที ข้ามสะพานและเคลื่อนไปยังเกียมโก๊ะ จูกัดสูพยายามจะมาหยุดเกียงอุยแต่ไม่ทันกาล
อำเภอเจี้ยนเก๋อ มณฑลเสฉวน เกียงอุย, เลียวฮัว, เตียวเอ๊ก และตังควดล่าถอยมายังเกียมโก๊ะ จงโฮยโจมตีเกียมโก๊ะหลายครั้ง แต่ไม่สามารถฝ่าแนวป้องกันของจ๊กก๊กได้
อำเภอเหวิน มณฑลกานซู่ และอำเภอเจี้ยนเก๋อ มณฑลเสฉวน เตงงายเสนอความคิดที่จะใช้ทางลัดจากอิมเป๋งไปยังกิมก๊กเพื่อเลี่ยงแนวป้องกันของเกียมโก๊ะ และมุ่งตรงไปยังเซงโต๋ เตงงายขอให้จูกัดสูร่วมแผนกับตนแต่จูกัดสูปฏิเสธ จงโฮยใส่ร้ายจูกัดสูว่าขี้ขลาดและยึดอำนาจบัญชาการทหารของจูกัดสู
18 พฤศจิกายน – 17 ธันวาคม ค.ศ. 263 อำเภอเหวิน มณฑลกานซู่ เตงงายนำกำลังทหารฝีมือดีผ่านทางลัดที่เลี่ยงเกียมโก๊ะและนำทางจากอิมเป๋งสู่เซงโต๋
นครเจียงโหยว มณฑลเสฉวน ม้าเชียวเจ้าเมืองอิวกั๋งของจ๊กก๊กยอมจำนนต่อเตงงาย
นครเหมียนจู๋ มณฑลเสฉวน เตงงายเอาชนะจูกัดเจี๋ยมที่กิมก๊ก จูกัดเจี๋ยม, จูกัดสง, หฺวาง ฉง, หลี่ ฉิว และเตียวจุ๋นถูกสังหารในที่รบ
นครเหมียนหยาง มณฑลเสฉวน เกียงอุยทิ้งเกียมโก๊ะและมุ่งไปยังเมืองปากุ๋น จงโฮยยกไปยังอำเภอโปยเสียและสั่งให้เฮาเหลก, เตนซก และบังโฮยไล่ตามตีเกียงอุย
นครเฉิงตูและนครกว่างฮั่น มณฑลเสฉวน เล่าเสี้ยนทรงส่งเตียวเซีย, เจาจิ๋ว และเตงเลียงให้นำเอกสารยอมจำนนและตราพระราชลัญจกรไปส่งให้เตงงายที่อำเภอลกเสีย เล่าเสี้ยนยังทรงมีรับสั่งให้จาง จฺวิ้นและเจียวเอี๋ยนให้นำรับสั่งไปถึงคนที่เหลือในจ๊กก๊กให้ยอมจำนนต่อวุยก๊ก พระองค์ทรงส่งลิเฮาไปแจ้งเกียงอุยให้ยอมจำนนต่อจงโฮยที่อำเภอโปยเสีย
นครเฉิงตู มณฑลเสฉวน เตงงายนำทัพเข้ายึดเซงโต๋
นครเหมียนหยาง มณฑลเสฉวน เกียงอุยยอมจำนนต่อจงโฮยที่อำเภอโปยเสีย

วุยก๊กตัดสินใจโจมตีจ๊กก๊ก

แก้

ในปี ค.ศ. 262[e] สุมาเจียวเห็นว่าจ๊กก๊กอ่อนแอลงและขาดแคลนทรัพยากรหลังการทำศึกกับวุยก๊กอย่างต่อเนื่อง สุมาเจียวจึงต้องการเปิดฉากการบุกจ๊กก๊กครั้งใหญ่เพื่อกำจัดภัยคุกคามจากจ๊กก๊ก ในบรรดาผู้ที่สุมาเจียวปรึกษา มีเพียงจงโฮยที่เห็นด้วยว่าวุยก๊กมีความสามารถจะพิชิตจ๊กก๊กได้ จงโฮยจึงได้ช่วยสุมาเจียวในการกำหนดกลยุทธ์เพื่อการพิชิตจ๊กก๊ก[15]

สุมาเจียวจัดทำประกาศถึงราชสำนักวุยก๊กความว่า:

"นับตั้งแต่กบฏหลายครั้ง��นฉิวฉุน เราก็ไม่ได้ยกทัพไปทำศึกเป็นเวลา 6 ปีแล้ว เราได้ฝึกฝนทหารและซ่อมแซมชุดเกราะ เพื่อที่เราจะได้กำจัดรัฐป่าเถื่อนทั้งสองลงได้ หากเราวางแผนพิชิตง่อ ข้าพระพุทธเจ้าประมาณการว่ากระบวนการสร้างเรือและเปิดเส้นทางน้ำจะใช้กำลังทหารมากกว่า 1,000 กองพล กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเราจะต้องใช้แรงงาน 100,000 นายเพื่อทำงานในช่วงเวลามากกว่า 100 วัน นอกจากนี้แดนใต้ยังมีอากาศชื้น กำลังพลของเราจะตกเป็นเหยื่อของโรคระบาดเป็นแน่ ข้าพระพุทธเจ้าจึงเห็นว่าเราควรพิชิตจ๊กก่อน สามปีหลังจากนั้นเราจึงสามารถใช้ข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ของจ๊กในการส่งทัพเรือลงไปตามแม่น้ำเพื่อโจมตีง่อ ขณะเดียวก็ก็ส่งทัพเข้าบุกง่อทางบก การจะง่ายเหมือนกับที่รัฐจิ้น (晉) พิชิตรัฐหงี (虞 ยฺหวี) และรัฐเค็ก (虢 กั๋ว) กับรัฐจิ๋น (秦 ฉิน) กำจัดรัฐหัน (韓 หาน) และรัฐงุย (魏 เผย์) จากการประมาณการของเรา จ๊กมีทหารเข้มแข็ง 90,000 นาย ซึ่งมากกว่า 40,000 นายอยู่รักษาเซงโต๋ (成都 เฉิงตู) และเมืองชั้นใน นั่นหมายความว่ามีกำลังพลน้อยกว่า 50,000 นายในที่อื่น ๆ บัดนี้เราสามารถเบี่ยงเบนความสนใจของเกียงอุยที่ท่าจงทำให้เกียงอุยไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ทางตะวันออก จากนั้นเราก็สามารถส่งทัพผ่านหุบเขาล่อก๊ก (駱谷 ลั่วกู่) ที่มีการป้องกันน้อยที่สุด เพื่อเข้ายึดเมืองฮันต๋ง (漢中 ฮั่นจง) หากทัพจ๊กยังอยู่ในป้อมและด่าน ก็จะโดดเดี่ยวจากกองกำลังอื่น ๆ เราสามารถส่งทัพใหญ่เข้ายึดเมือง และส่งกองกำลังแยกที่ขนาดย่อมลงเข้ายึดอำเภอและหมู่บ้าน เมื่อถึงเวลานั้น ข้าศึกก็ไม่มีเวลาและกำลังคนเพียงพอที่จะรักษาด่านเกียมโก๊ะ (劍閣 เจี้ยนเก๋อ) และด่านเองเปงก๋วน (陽平關 หยางผิงกวาน) เมื่อถึงจุดนั้น ด้วยความไร้ความสามารถในฐานะผู้ปกครองของเล่าเสี้ยน ด้วยการป้องกันบริเวณชายแดนของจ๊กก๊กที่พังทลาย และด้วยราษฎรที่สั่นเทิ้มด้วยความกลัว การล่มสลายของจ๊กก็เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้"[5]

เตงงายขุนพลวุยก๊ผู้เคยนำทัพวุยก๊กในการต้านการบุกของจ๊กก๊กตามแนวชายระหว่างวุยก๊กและจ๊กก๊กหลายครั้งตั้งแต่ปี ค.ศ. 255[f] ทัดทานการยกทัพบุกจ๊กก๊กอย่างหนักแน่น สุมาเจียวกังวลว่าเตงงายจะกระตุ้นคนอื่น ๆ ให้คัดค้านการทำศึกเช่นกัน จึงตั้งให้สุเมา (師纂 ชือ จฺว่าน) นายทะเบียนของสุมาเจียวให้เป็นนายกองพันในสังกัดของเตงงาย และสั่งให้สุเมา "โน้มน้าว" เตงงาย เตงงานจึงเปลี่ยนใจมาสนับสนุนการทำศึก[16]

การบุกจ๊กก๊กแบบสามทางของวุยก๊ก

แก้

ในฤดูหนาวของปี ค.ศ. 262 สุมาเจียวแต่งตั้งให้จงโฮยเป็นขุนพลพิทักษ์ภาคตะวันตก (鎮西將軍 เจิ้นซีเจียงจฺวิน) และมอบอาญาสิทธิ์ในการกำกับดูแลราชการทหารในภูมิภาคกวนต๋ง (關中 กวานจง) ราชสำนักวุยก๊กยังได้ระดมกำลังทหารประมาณ 180,000 นายจากมณฑลต่าง ๆ ทั่ววุยก๊กเพื่อเตรียมการบุกจ๊กก๊ก ในเวลาเดียวกัน ราชสำนักวุยก๊กยังมอบหมายให้ต๋องจูรับผิดชอบกำกับดูแลการสร้างเรือรบเพื่อเตรียมสำหรับการบุกง่อก๊กที่เป็นอีกรัฐอริของวุยก๊กในอนาคต[17][18]

ในฤดูใบไม้ร่วงของปี ค.ศ. 263 ราชสำนักวุยก๊กออกพระราชโองการกำหนดการบุกจ๊กก๊กแบบสามทาง:

  • เตงงายจะนำกำลังพล 30,000 นายผ่านกานซง (甘松; ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอำเภอเตี๋ยปู้ มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) เพื่อโจมตีที่มั่นของเกียงอุยที่ท่าจง (沓中; ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอำเภอโจวชฺวี มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน)
  • จูกัดสูจะนำกำลังพล 30,000 นายไปยังสะพานอู่เจีย (武街橋 อู่เจียเฉียว; ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอำเภอเหวิน มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) เพื่อสกัดทางถอยของเกียงอุย
  • จงโฮยจะนำกำลังพลมากกว่า 100,000 นายเข้าโจมตีจ๊กก๊กผ่านหุบเขาเสียดก๊ก (斜谷 เสียกู่; ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอำเภอเหมย์ มณฑลฉ่านซีในปัจจุบัน)
    • ผู้ใต้บังคับบัญชาของจงโฮยคือลิจู (李輔 หลี ฝู่) และเฮาเหลก (胡烈 หู เลี่ย) จะนำกองกำลังแยกผ่านหุบเขาล่อก๊ก (駱谷 ลั่วกู่; ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอำเภอโจวจื้อ มณฑลฉ่านซีในปัจจุบัน)[3][18]
    • ราชสำนักวุยก๊กมอบหมายให้อุยก๋วนให้กำกับดูแลปฏิบัติการทางทหารของจงโฮยและเตงงาย อุยก๋วนยังดำรงตำแหน่งเป็นรักษาการตุลาการทัพในสังกัดของจงโฮย และบัญชากำลังพล 1,000 นาย[19]

การวางกลยุทธ์ของจ๊กก๊ก

แก้

การเปลี่ยนแปลงแนวป้องกันของจ๊กก๊กที่ฮันต๋ง

แก้

ก่อนหน้านี้เมื่ออุยเอี๋ยนขุนพลจ๊กก๊กเข้าทำหน้าที่ป้องกันเมืองฮันต๋งเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 219[20] อุยเอี๋ยนยืมแนวคิดเรื่อง "ประตูคู่" จากคัมภีร์อี้จิง (易經) และจัดกำลังพลติดอาวุธหนักที่ค่ายที่เชื่อมกันกันบริเวณชานเมืองและทางออกของเส้นทางที่มุ่งมาสู่ฮันต๋ง ค่ายเหล่านี้มีไว้เพื่อสกัดและยับยั้งกำลังทหารใด ๆ ที่บุกเข้ามา[21] ในช่วงยุทธการที่ซิงชื่อ (興勢) ในปี ค.ศ. 244 อองเป๋งขุนพลจ๊กก๊กใช้ยุทธวิธีเดียวกันนี้ในการป้องกันฮันต๋งจากการบุกของวุยก๊กที่นำโดยโจซอง[22]

เกียงอุยชี้ให้เห็นว่าแนวคิดเรื่องค่ายที่เชื่อมต่อกันของอุยเอี๋ยนมีประโยชน์สำหรับการป้องกันเท่านั้นและไม่ทำให้มีข้อได้เปรียบเพิ่มเติม[23] เกียงอุยเสนอให้ยกเลิกค่ายเหล่านี้และโยกย้ายกำลังพลและทรัพยากรทั้งหมดไปยังป้อมปราการ 2 แห่งที่อำเภอฮั่นเสีย (漢城 ฮั่นเฉิง; อยู่ทางตะวันออกของอำเภอเหมี่ยน มณฑลฉ่านซีในปัจจุบัน) และก๊กเสีย (樂城 เล่อเฉิง; อยู่ทางตะวันออกของอำเภอเฉิงกู้ มณฑลฉ่านซีในปัจจุบัน) ซึ่งทำให้ครอบคลุมการเข้าถึงที่ราบฮันต๋ง แนวคิดคือการลวงให้ข้าศึกโจมตีป้อมปราการ ขยายเส้นทางส่งเสบียง และทำให้ข้าศึกอ่อนกำลังลงด้วยการโจมตีแบบกองโจร เมื่อข้าศึกตัดสินใจล่าถอย กองกำลังป้องกันก็จะใช้โอกาสนี้โจมตีโต้กลับและเอาชนะ[24]

ในปี ค.ศ. 258[13] เกียงอุยสั่งให้เอาเจ้ (胡濟 หู จี้), เจียวปิน (蔣斌 เจี่ยง ปิน) และอองหำ (王含 หวาง หาน) ซึ่งดูแลแนวป้องกันของฮันต๋ง ให้รื้อค่ายที่เชื่อมต่อกัน และโยกย้ายกำลังพลกับทรัพยากรไปยังอำเภอเซียวเส (漢壽 ฮั่นโช่ว; ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอำเภอเจี้ยนเก๋อ มณฑลเสฉวนในปัจจุบัน), ฮั่นเสีย และก๊กเสียตามลำดับ เกียงอุยยังสั่งให้เสริมโครงสร้างป้องกันในสถานที่ต่าง ๆ รอบเมืองฮันต๋ง ได้แก่ ซีอาน (西安), เจี้ยนเวย์ (建威), อู่เว่ย์ (武衛), ฉือเหมิน (石門), อู่เฉิง (武城), เจี้ยนชาง (建昌) และหลิน-ยฺเหวี่ยน (臨遠)[25]

คำเตือนล่วงหน้าของเกียงอุย

แก้

ในช่วงต้นปี ค.ศ. 263 เกียงอุยเขียนฎีกาถึงเล่าเสี้ยนจักรพรรดิจ๊กก๊กมีความดังนี้:

"ข้าพระพุทธเจ้าได้ยินว่าจงโฮยกำลังระดมทหารในกวนต๋ง และดูท่าจะเตรียมการเพื่อจะเปิดการบุก เพื่อเป็นการป้องกัน ข้าพระพุทธเจ้าเห็นว่าเราควรส่งเตียวเอ๊กและเลียวฮัวให้นำทัพไปป้องกันด่านเองเปงก๋วนและสะพานที่อิมเป๋ง"[26]

ฮุยโฮขันทีคนสนิทคนหนึ่งของเล่าเสี้ยนเป็นผู้เชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ เชื่อคำทำนายของหมอดูว่าวุยก๊กจะไม่บุกจ๊กก๊ก จึงทูลแนะนำจักรพรรดิเล่าเสี้ยนให้เพิกเฉยต่อฎีกาของเกียงอุย และไม่นำความไปหารือในราชสำนัก[27]

โหมโรง

แก้

ในระหว่างวันที่ 20 กันยายนถึง 19 ตุลาคม ค.ศ. 263[a] กำลังทหารวุยก๊กที่ระดมพลเพื่อทำศึกได้มารวมตัวกันที่ลกเอี๋ยงนครหลวงของวุยก๊ก และพร้อมที่จะยกพล ก่อนที่จะยกไป ราชสำนักวุยก๊กได้เลื่อนขั้นและมอบรางวัล และจัดการซ้อมรบเพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจ ในช่วงเวลานี้ เติ้ง ตุน (鄧敦) ขุนนางวุยก๊กกล่าวว่าจ๊กก๊กไม่สามารถพิชิตได้ สุมาเจียวจึงสั่งให้ประหารชีวิตเติ้ง ตุนเป็นการเตือนคนอื่น ๆ ไม่ให้พูดจาเกี่ยวกับการทัพในทางไม่ดี[28]

จงโฮยได้สั่งให้เคาหงี (許儀 สฺวี่ อี๋) บุตรชายของเคาทูขุนพลผ่านศึกของวุยก๊ก ให้กำกับดูแลการก่อสร้างถนนที่นำไปสู่จ๊กก๊ก แต่ถนนสายนั้นสร้างได้ไม่ดี จงโฮยก็ไม่สนใจภูมิหลังของเคาหงีและสั่งให้ประหารชีวิตเคาหงีฐานที่ทำภารกิจล้มเหลว เหล่าทหารวุยก๊กต่างตกตะลึงที่จงโฮยกล้ากระทำเช่นนี้[29]

การเสริมกำลังของวุยก๊ก

แก้

ในระหว่างวันที่ 20 ตุลาคมถึง 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 263[g] สุมาเจียวสั่งให้เจ้าเมืองของสามเมืองนำกำลังทหารประจำการของตนเข้าร่วมในการศึก ได้แก่ อองกิ๋น (王頎 หวาง ฉี) นำกำลังพลจากเมืองเทียนซุย (天水郡 เทียนฉุ่ยจฺวิ้น) ไปโจมตีค่ายของเกียงอุย คันห่อง (牽弘 เชียน หง) นำกำลังพลจากเมืองหลงเส (隴西郡 หล่งซีจฺวิ้น) และเปิดฉากโจมตีด้านหน้าที่มั่นของเกียงอุย และเอียวหัว (楊欣 หยาง ซิน) นำกำลังพลจากเมืองกิมเสีย (金城郡 จินเฉิงจฺวิ้น; อยู่บริเวณอำเภอยฺหวีจง มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) ไปโจมตีกานซง[30]

หลิว ชิน (劉欽) ก็นำกำลังพลจากเมืองเว่ย์ซิง (魏興郡 เว่ย์ซิงจฺวิ้น; อยู่บริเวณนครอานคาง มณฑลฉ่านซีในปัจจุบัน) เพื่อโจมตีเมืองฮันต๋งผ่านหุบเขาจูงอก๊ก (子午谷 จื๋ออู๋กู่; ทางตะวันออกของอำเภอหยาง มณฑลฉ่านซีในปัจจุบัน)[31]

การตอบสนองต่อการรุกรานของวุยก๊กโดยจ๊กก๊ก

แก้

หลังได้รับข่าวการบุกของวยก๊ก ราชสำนักจ๊กก๊กจึงสั่งให้เลียวฮัวนำกำลังเสริมไปหนุนช่วยเกียงอุยที่ท่าจง ในเวลาเดียวกันก็ส่งเตียวเอ๊ก ตังควด และคนอื่น ๆ นำกำลังพลไปยังด่านเองเปงก๋วน (陽平關 หยางผิงกวาน) หรือหยางอานกวาน (陽安關; อยู่ในอำเภอหนิงเฉียง มณฑลฉ่านซีในปัจจุบัน) และช่วยเหลือทัพจ๊กก๊กในการป้องกันปริมณฑลภายนอก[32]

เมื่อกำลังเสริมของจ๊กก๊กยกมาถึงอิมเป๋ง (陰平 อินผิง; ปัจจุบันคืออำเภอเหวิน มณฑลกานซู่) ก็ได้ยินว่าทัพวุยก๊กที่นำโดยจูกัดสูเข้าโจมตีเจี้ยนเวย์ (建威; ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเขตอู่ตู นครหล่งหนาน มณฑลกานซู่ในปัจจุบัน) จึงหยุดการเดินทัพที่อิมเป๋ง[33]

ปีกด้านตะวันออก

แก้
 
 
ฮั่นเสีย
 
ก๊กเสีย
 
ด่านเองเปงก๋วน
 
เซงโต๋
แผนที่ของมณฑลเสฉวนในปัจจุบัน แสดงสถานที่สำคัญบนปีกด้านตะวันออก ได้แก่ ฮั่นเสีย, ก๊กเสีย และด่านเองเปงก๋วน

ก๊กเสียและฮั่นเสีย

แก้

ประมาณเดือนกันยายนหรือตุลาคม ค.ศ. 263 หลังจากทัพของจงโฮยผ่านหุบเขาเสียดก๊กและล่อก๊ก จงโอยสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาคือลิจูและซุนไค (荀愷 สฺวิน ข่าย) ให้นำกองกำลังแยกคนละ 10,000 นายเข้าโจมตีก๊กเสียและฮั่นเสียตามลำดับ[34][35] ในเวลานั้น ก๊กเสียและฮั่นเสียมีผู้รักษาคือนายทหารของจ๊กก๊กอองหำ (王含 หวาง หาน) และเจียวปิน (蔣斌 เจี่ยง ปิน) ตามลำดับ โดยมีทหารใต้บังคับบัญชาคนละ 5,000 นาย[36]

ในช่วงเวลานั้น จงโฮยเขียนจดหมายถึงเจียวปินเพื่อถามที่ตั้งของหลุมศพของเจียวอ้วนบิดาของเจียวปิน เจียวปินเขียนจดหมายตอบกลับอย่างสุภาพและบอกจงโฮยว่าหลุมศพของบิดาอยู่ที่อำเภอโปยเสีย (涪縣 ฝูเซี่ยน; ปัจจุบันคือนครเหมียนหยาง มณฑลเสฉวน) จงโฮยส่งคนเป็นตัวแทนตนไปเคารพหลุมศพของจูกัดเหลียงที่เขาเตงกุนสัน (定軍山 ติ้งจฺวินชาน)[37] ภายหลังเมื่อจงโฮยไปถึงอำเภอโปยเสียก็เข้าเยี่ยมหลุมศพของเจียวอ้วน[38]

อองหำและเจียงปินสามารถตั้งมั่นรักษาที่มั่นของแต่ละคนที่ก๊กเสียและฮั่นเสียตามลำดับ หลังจงโฮยไม่สามารถยึดป้อมปราการทั้งสองได้ จงโฮยจึงนำทัพเลี่ยงป้อมปราการทั้งสองและเคลื่อนพลไปยังด่านเองเปงก๋วน (陽平關 หยางผิงกวาน) หรือหยางอานกวาน (陽安關; อยู่ในอำเภอหนิงเฉียง มณฑลฉ่านซีในปัจจุบัน)[39] ชะตากรรมในท้ายที่สุดของอองหำไม่มีการระบุไว้ ในขณะที่มีบันทึกว่าหลังการล่มสลายของจ๊กก๊ก เจียวปินยอมจำนนต่อจงโฮยที่อำเภอโปยเสียและกลายเป็นมิตรกันกับจงโฮย[40]

ด่านเองเปงก๋วน

แก้

ในขณะที่จงโฮยกำลังบัญชาการการโจมตีก๊กเสียและฮั่นเสีย ก็สั่งให้เฮาเหลกนำทัพหน้าเข้าโจมตีด่านเองเปงก๋วนและเข้ายึดคลังเสบียงและคลังแสงของด่าน[41]

ปอเฉียมขุนพลจ๊กก๊กเป็นผู้รักษาด่านเองเองก๋วน ผู้ใต้บังคับบัญชาของปอเฉียมชื่อเจียวสี (蔣舒 เจี่ยง ชู) เคยดำรงตำแหน่งเป็นแม่ทัพพื้นที่ของอำเภออู่ซิง (武興縣 อู่ซิงเซี่ยน; ปัจจุบันคืออำเภอเลฺว่หยาง มณฑลฉ่านซี) แต่เพราะเจียวสีขาดความสามารถจึงถูกปลดจากตำแหน่งแล้วย้ายไปประจำการที่ด่านเองเปงก๋วน เป็นผลทำให้เจียวสีรู้สึกแค้นราชสำนักจ๊กก๊กและแอบต้องการแปรพักตร์ไปเข้าด้วยวุยก๊ก[42]

เจียวสีเริ่มจากพยายามโน้มน้าวปอเฉียมให้นำกำลังทหารออกจากด่านเองเปงก๋วนเข้ารบกับข้าศึก แต่ปอเฉียมปฏิเสธเพราะเห็นว่าเสี่ยงเกินไป เจียวสีจึงพูดปดต่อปอเฉียมว่าตนจะยกออกไปรบกับข้าศึก ส่วนปอเฉียมให้คงอยู่รักษาด่าน หลังจากปอเฉียมเห็นด้วย เจียวสีจึงนำกำลังพลออกจากด่านเองเปงก๋วนไ��ยังอิมเป๋ง แล้วเข้าสวามิภักดิ์ต่อเฮาเหลก เฮาเหลกเห็นว่าการป้องกันของด่านเองเปงก๋วนอ่อนแอลงหลังการแปรพักตร์ของเจียวสี จึงนำกำลังพลเข้าโจมตีด่านและยึดด่านพร้อมด้วยทรัพยากรในด่านได้สำเร็จ ปอเฉียมต่อสู้เพื่อต้านทานข้าศึกอย่างกล้าหาญ แต่ในที่สุดก็เสียชีวิจในที่รบ ทหารวุยก๊กประทับใจในวีรกรรมของปอเฉียม[43][44]

ปีกด้านตะวันตก

แก้
 
 
ท่าจง
 
อิมเป๋ง
 
อำเภอโปยเสีย
 
เกียมโก๊ะ
 
เซงโต๋
แผนที่ของมณฑลเสฉวนในปัจจุบัน แสดงสถานที่สำคัญบนปีกด้านตะวันตก ได้แก่ ท่าจง, อิมเป๋ง, อำเภอโปยเสีย และ เกียมโก๊ะ

จากท่าจงถึงอิมเป๋ง

แก้

ประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 263 หนึ่งเดือนหลังยุทธการที่ท่าจง เตงงายเอาชนะเกียงอุยในยุทธการและทำให้เกียงอุยจำต้องล่าถอยไปยังอิมเป๋ง[45] หลังเกียงอุยได้รับข่าวว่าทัพของจงโอยยึดได้ด่านเองเปงก๋วนและเข้าครองเมืองฮันต๋งแล้ว เกียงอุยจึงพยายามล่าถอยไปยังไป๋ฉุ่ย (白水; อยู่ในอำเภอชิงชฺวาน มณฑลเสฉวนในปัจจุบัน)[46] แต่เอียวหัวยกไล่ตามตีและเอาชนะเกียงอุยได้ที่เฉียงชฺวานโข่ว (彊川口; จุดบรรจบของแม่น้ำไป๋หลงและแม่น้ำเจียงหลิง) ใกล้กับอิมเป๋ง[47][48]

เมื่อเกียงอุยทราบว่าจูกัดสูสกัดทางถอยของตนที่สะพานอู่เจียใกล้กับอิมเป๋ง เกียงอุยจงนำกำลังพลที่เหลือผ่านหุบเขาข่งหาน (孔函谷 ข่งหานกู่; ทางใต้ของเขตซีกู้ นครหลานโจว มณฑลกานซู่) ไปยังถนนทางเหนือเพื่อพยายามเลี่ยงที่ตั้งมั่นของจูกัดสู เมื่อจูกัดสูทราบเรื่องนี้จึงล่าถอยไป 30 ลี้ ในเวลานั้นเกียงอุยนำกำลังพลเดินทางไปประมาณ 30 ลี้บนถนนทางเหนือ เมื่อได้ยินว่าจูกัดสูยกเลิกการปิดกั้นสะพานแล้ว เกียงอุยจึงสั่งกำลังพลให้หันกล��บและยกข้ามสะพานไปอย่างรวดเร็ว จูกัดสูพยายามหันกลับมาจะสกัดเกียงอุยอีกครั้งแต่มาถึงสะพานช้าไปหนึ่งวัน หลังจากเกียงอุยข้ามสะพานไปแล้วก็เคลื่อนพลไปยังด่านเกียมโก๊ะ (劍閣 เจี้ยนเก๋อ; อยู่ในอำเภอเจี้ยนเก๋อ มณฑลเสฉวนในปัจจุบัน) ซึ่งเป็นด่านภูเขาและรักษาการณ์อยู่ที่นั่น[49]

การป้องกันของจ๊กก๊กที่เกียมโก๊ะ

แก้
 
ด่านเกียมโก๊ะ (ด่านเจี้ยนเหมิน) ที่บูรณะขึ้นใหม่ในอำเภอเจี้ยนเก๋อ มณฑลเสฉวนในปัจจุบัน

เมื่อกองกำลังเสริมที่นำโดยเตียวเอ๊กและตังควดมาถึงอำเภอเซียวเส เกียงอุยและเลียวฮัวตัดสินใจทิ้งที่มั่นที่อิมเป๋ง แล้วสมทบกับเตียวเอ๊กและตังควดที่เกียมโก๊ะ[50][51]

ในช่วงเวลานั้น จงโฮยเปิดฉากโจมตีเกียมโก๊ะหลายครั้งแต่ไม่สามารถฝ่าการป้องกันของด่านเกียมโก๊ะได้[52] จากนั้นจงโฮยจึงเขียนจดหมายถึงเกียงอุยเพื่อเกลี้ยกล่อมให้ยอมจำนน:

"ท่านเป็นผู้มีความสามารถทั้งราชการพลเรือนและราชการทหาร ท่านมีความเฉียบแหลมในยุทธวิธีอย่างยิ่ง และชื่อเสียงของตนก็เป็นที่รู้จักกันดีตลอดภูมิภาคปาจ๊กและที่อื่น ๆ ในแผ่นดิน ผู้คนทั้งใกล้และไกลต่างชื่นชมท่าน ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าทบทวนประวัติศาสร์ ก็หวังว่าเราจะได้ร่วมรับใช้ราชวงศ์เดียวกัน ความสัมพันธ์ของเราเปรียบได้กับมิตรภาพระหว่างจี้จ๋า (季札) และจื๋อฉ่าน (子產)"[53]

เกียงอุยไม่ได้ตอบจดหมายของจงโฮย และสั่งกำลังพลให้เสริมการป้องกันเกียมโก๊ะ[54] จงโฮยยังเขียนหนังสือขนาดยาวถึงทัพจ๊กก๊กเพื่อโน้มน้าวให้ยอมจำนน ความว่า:

"ในอดีตเมื่อราชวงศ์ฮั่นเสื่อมถอย แผ่นดินแตกแยกและราษฎรต้องทุกข์ยากแสนสาหัส ไทล่อฮูฮ่องเต้ (太祖武皇帝 ไทจู๋อู่หฺวางตี้; หมายถึงโจโฉ) ทรงใช้พระอัจฉริยภาพทางการทหารที่สวรรค์ประทานให้ในการนำระเบียบมาจัดการความโกลาหล ช่วยเหลือราษฎรจากควาททุกข์ยาก ฟื้นฟูสันติและความมั่นคงแก่แผ่นดิน เกาจู่เหวินหฺวางตี้ (高祖文皇帝; หมายถึงโจผี) ทรงสานต่อพระปณิธานและสร้างความสำเร็จยิ่งใหญ่ในรัชสมัยของพระองค์ ภายนอกชายแดนของเรา มีผู้คนจำนวนมากที่อาศัยอยู่ภายใต้การปกครองที่แตกต่างและมีวัฒนธรรมที่แตกต่างจากเรา และคนเหล่านี้ยังไม่ได้รับพระคุณและพระเมตตาของแผ่นดินเรา จักรพรรดิทั้งสามพระองค์ก่อนหน้าทรงเห็นว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายยิ่ง จักรพรรดิองค์ปัจจุบัน (โจฮวน) มีพระทัยที่เอื้อเฟื้อและมีพระประสงค์จะสืบต่อพระปณิธานของบรรพชน ข้าราชบริพารของพระองค์รับใช้ด้วยความจงรักภักดีสูงสุด ทำอย่างเต็มกำลังเพื่อรับใช้ราชวงศ์ รักษาระเบียบและความมั่นคงในราชสำนัก นำสันติและความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ราษฎร นั่นคือเหตุผลที่แผ่นดินของเรามีการปกครองที่ดี เมื่อเราแสดงความเมตตาต่อชนกลุ่มน้อย คนเหล่านั้นก็เต็มใจที่จะยอมจำนนต่อการปกครองของเรา ราษฎรในจ๊กแตกต่างอะไรจากราษฎรที่อื่น ๆ เล่า น่าเสียดายที่ราษฏรจ๊กต้องถูกผูกมัดกับภาระจำยอมตลอดชีวิต ทัพของเราได้รับภารกิจให้กระทำตามเจตจำนงแห่งฟ้าและลงโทษผู้ต่อต้านราชวงศ์ ขุนพลโจมตีภาคตะวันตก (เตงงาย), ข้าหลวงมณฑลยงจิ๋ว (จูกัดสู) และขุนพลพิทักษ์ภาคตะวันตกกำลัวนำห้าทัพมาในภารกิจนี้ กองทัพในยุคโบราณไปทำศึกในนามของความชอบธรรมและความเมตตา ทัพของผู้ปกครองควรเอาทางชนะใจของราษฎรแทนที่จะเพียงแค่ต่อสู้ งีซุ่น (虞舜 ยฺหวีชุ่น) ปกครองด้วยความเมตตาเพื่อพิชิตชนเผ่าเหมียว (苗) เมื่อครั้งจิวบูอ๋อง (周武王 โจวอู่หวาง) โค่นล้มราชวงศ์เซียง (商 ชาง) พระองค์เปิดพระคลังและแจกจ่ายทรัพย์สมบัติให้กับราษฎร และให้เกียรติข้าราชการมีคุณธรรมที่เคยรับใช้ราชวงศ์เซียง ในกาลนี้ ขุนพลพิทักษ์ภาคตะวันตกยกมาทำศึกไม่ใช่เพื่อแสวงหาความรุ่งโรจน์ให้กับตนเองและราชวงศ์ แต่แท้จริงแล้วต้องการช่วยเหลือราษฎรจากความทุกข์ยาก ขออธิบายสถานการณ์เลวร้ายที่พวกท่านกำลังเผชิญอยู่ และหวังว่าพวกท่านจะรับฟังคำแนะนำที่จริงใจ[55] เจ้านายคนก่อนของมณฑลเอ๊กจิ๋วมีความทะเยอทะยานยิ่งใหญ่เมื่อสร้างกองทัพขึ้นจากศูนย์ เมื่อพ่ายแพ้ในมณฑลกิจิ๋วและชีจิ๋ว กับถูกคุกคามโดยอ้วนเสี้ยวและลิโป้ จักรพรรดิฮูฮ่องเต้ของเราก็มาช่วยเหลือและพัฒนาความเป็นพันธมิตรด้วยเขา แต่ภายหลังเขากลับทรยศต่อจักรพรรดิฮูฮ่องเต้และไม่มีความเชื่อเดียวกันอีกต่อไป ขณะที่จูกัดขงเบ้งปกครองจ๊กเป็นอย่างดีและรักษาชายแดนไว้ เจียง ปั๋วเยฺว[h] (姜伯約) กลับเอาแต่ทำศึกคุกคามชายแดนของเรา และสร้างอันตรายให้กับชนเผ่าเกี๋ยง (羌 เชียง) และตี (氐) ในเวลานั้นขณะที่เรากำลังยุ่งกับเรื่องอื่น เราไม่มีเวลาที่จะจัดการกับการรุกรานของเกียงอุย บัดนี้เมื่อชายแดนของเราสงบและแผ่นดินมั่นคงแล้ว เราจึงตัดสินใจระดมทัพและรอคอยโอกาสที่จะเปิดฉากการโจมตีโต้ตอบเต็มกำลัง จ๊กระดมกำลังทหารได้จากเพียงมณฑลเดียวและกระจายกำลังป้องกันโดยรอบ จึงไม่มีทางจะสู้กับทัพหลวงของเราได้ ทัพจ๊กประสบความพ่ายแพ้ยับเยินที่ตวนโกะ (段谷 ตฺว้านกู่) และเฮาโห (侯和 โหวเหอ) ไม่อาจหวังจะต้านทานกำลังของทัพเราได้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จ๊กไม่เคยสงบสุขเลยเนื่องจากอยู่ในภาวะสงครามอย่างต่อเนื่อง และชาวจ๊กก็เหนื่อยล้าเต็มที จ๊กจะหวังที่จะต้านทานทัพที่รวมเป็นหนึ่งด้วยจิตวิญญาณและเจตนารมณ์ได้อย่างไร พวกท่านก็เห็นอยู่แล้ว ในอดีต เฉิน จวาง (陳莊) อัครมหาเสนาบดีของรัฐจ๊ก (蜀 ฉู่) ถูกรัฐจิ๋น (秦 ฉิน) จับตัวได้ ส่วนกองซุนสุด (公孫述 กงซุน ชู่) ถูกงอฮั่น (吳漢 อู๋ ฮั่น) สังหาร อย่างที่พวกท่านเห็นได้ ไม่มีอำนาจใดจะยึดครองและปกครองมณฑใด ๆ ในเก้ามณฑลได้เป็นเวลานาน พวกท่านคงเคยได้ยินมาว่าคนฉลาดสามารถคาดการณ์อันตรายและคนมีปัญญาสามารถหลีกเลี่ยงภัยพิบัติ นั่นคือการที่เวยจื่อ (微子) ตีจากราชวงศ์เซียงและกลายเป็นแขกของจิว (周 โจว) และคือการที่ตันแผง (陳平 เฉิน ผิง) ตีจากห้างอี๋ (項羽 เซี่ยง ยฺหวี่) ไปรับใช้ราชวงศ์ฮั่น และสร้างความสำเร็จใหญ่หลวงในภายหลัง ความปรารถนาของพวกท่านที่จะแสวงหาความสงบสุขชั่วคราวนั้นก็เปรียบเหมือนการกินยาพิษที่ออกฤทธิ์ช้า พวกท่านคิดไม่ได้เลยหรือที่จะทำอะไรบางอย่างที่ดีไปกว่าการจำกัดตัวเองกับการรับใช้จ๊ก จักรวรรดิของเราเต็มใจที่ไว้ชีวิตศัตรูของเรา และพวกผู้นำของเราก็เต็มใจที่จะแสดงความเมตตา ผู้ใดที่ยอมจำนนต่อเราก่อนจะได้รับการปฏิบัติอย่างเอื้อเฟื้อ ผู้ที่ยอมจำนนต่อเราทีหลังจะไม่ได้รับการไว้ชีวิต เมื่อขุนพลง่อซุน อี (孫壹) ยอมจำนนต่อเรา ก็ได้รับการเลื่อนขั้นและได้รับบำเหน็จ บุนขิมและต๋องจูทรยศเราและเข้าร่วมกับข้าศึก ท้ายที่สุดเมื่อต๋องจูถูกจับ และบุตรชายสองคนของบุนขิมยอมจำนนต่อเรา เรายังคงปฏิบัติต่อพวกเขาเป็นอย่างดีโดยการมอบตำแหน่งและแต่งตั้งให้เป็นขุนพล ต๋องจูยังมีโอกาสได้มีส่วนร่วมในราชการระดับสูง จักรพรรดิยังโปรดซุน อีอย่างสูง จ๊กมีผู้มีความสามารถและคุณธรรมจำนวนมาก ดังนั้นเราจึงยินดีต้อนรับด้วยอ้อมแขนที่เปิดกว้าง หากพวกท่านสามารถประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบและตัดสินใจดำเนินรอยตามเวยจื่อและตันแผง เราก็ยินดีที่จะปฏิบัติต่อพวกท่านและลูกหลานของพวกท่านเป็นอย่างดี ลองนึกดูว่าจะดีมากเพียงใดที่ทุกคนในแผ่นดินอยู่อย่างสันติและกลมเกลียว ชาวนาทำงานในนา ตลาดคึกคักด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ไม่มีอันตรายใด ๆ มีแต่ความเจริญรุ่งเรืองสำหรับทุกคน หากพวกท่านยังคงแสวงหาความสงบชั่วคราวและปฏิเสธที่แก้ไขทางของตน ก็อาจจะสายเกินไปที่จะเสียใจเมื่อยามที่ทัพของเราทำลายจ๊ก โปรดพิจารณาทางเลือกของพวกท่านอย่างรอบคอบและตัดสินใจทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อตัวของพวกท่านเอง พวกท่านควรแจ้งให้คนอื่น ๆ ได้ทราบและให้ทุกคนทราบถึงเจตนาของเราด้วย"[56]

เมื่อเสบียงอาหารของกองทัพพร่องลง จงโฮยตคิดจะที่ยกเลิกการยึดเกียมโก๊ะและล่าถอย[57]

จงโฮยยึดอำนาจบัญชากำลังทหารของจูกัดสู

แก้

เมื่อเตงงายขอให้จูกัดสูมาร่วมกับตนในการเคลื่อนพลผ่านเส้นทางเบี่ยงเพื่อเลี่ยงเกียมโก๊ะไป จูกัดสูปฏิเสธเพราะตนไม่ได้รับอนุญาตให้ทำเช่นนั้น จากนั้นจูกัดสูจึงนำกำลังพลของตนไปยังไป๋ฉุ่ยเพื่อสมทบกับจงโฮยและร่วมกันโจมตีเกียงอุยที่เกียมโก๊ะ จงโฮยต้องการเข้าบัญชาการกำลังทหารของจูกัดสู จึงลอบรายงานไปยังราชสำนักวุยก๊กว่าจูกัดสูแสดงความขี้ขลาดระหว่างการศึก เป็นผลทำให้จูกัดสูถูกปลดจากอำนาจบัญชาการทหารและถูกจับใส่รถนักโทษส่งตัวกลับลกเอี๋ยงนครหลวงของวุยก๊ก[58]

เส้นทางเบี่ยงของเตงงาย

แก้
 
 
อิมเป๋ง
 
กิมก๊ก
 
เซงโต๋
แผนที่ของมณฑลเสฉวนในปัจจุบัน แสดงสถานที่สำคัญบนเส้นทางเบี่ยงของเตงงายไปยังเซงโต๋ ได้แก่ อิมเป๋ง, กิมก๊ก และเซงโต๋

ระหว่างที่เตงงายอยู่ที่อิมเป๋ง เตงงายได้เสนอความคิดที่จะใช้ทางลัดผ่านหมู่บ้านเต๊กหยง (德陽 เต๋อหยาง) ไปยังอำเภอโปยเสีย ซึ่งจะนำไปยังพื้นที่ที่ห่างไปประมาณ 100 ลี้ ทางตะวันตกของเกียมโก๊ะ และประมาณ 300 ลี้ จากเซงโต๋นครหลวงของจ๊กก๊ก ความคิดของเตงงายคือการลวงให้เกียงอุยส่งกำลังเสริมจากเกียมโก๊ะไปยังอำเภอโปยเสียและทำให้การป้องกันของเกียมโก๊ะอ่อนกำลังลง หากเกียงอุยไม่ส่งกำลังเสริมไป โปยเสียก็จะโดดเดี่ยวและพิชิตได้โดยง่าย[59]

จงโฮยเห็นด้วยกับความคิดของเตงงายและสั่งให้เถียน จาง (田章) ผู้ใต้บังคับบัญชาของคนให้เข้าร่วมกับเตงงายในการเดินทัพ ในช่วงระหว่างวันที่ 18 พฤศจิกายนและ 17 ธันวาคม ค.ศ. 263[i] เตงงายนำกองกำลังจู่โจมจากอิมเป๋งผ่านทางลัด โดยเลี่ยงไปทางตะวันตกของเกียมโก๊ะและมุ่งหน้าตรงไปยังอิวกั๋ง (江油 เจียงโหยว) ทางลัดครอบคลุมระยะทางมากกว่า 700 ลี้ และตัดข้ามภูมิประเทศที่เป็นภูเขา เตงงายและทหารต้องสร้างสะพานหลายแห่งตลอดทาง ภูเขาสูงและหุบเขาลึกทำให้การเดินทัพมีความอันตรายอย่างมาก หลังจากนั้นไม่นาน เตงงายและทหารก็ทิ้งห่างจากกองลำเลียงเสบียง เตงงงายใช้สักหลาดผืนใหญ่ห่อร่างกายตนเองแล้วกลิ้งลงจากภูเขา ทหารของเตงงายปีนต้นไม้และไต่หน้าผาลงมาเป็นแถว[60] ระหว่างทางเตงงายและทหารปะทะกับกองกำลังซุ่ม 3 กองของจ๊กก๊ก เตงงายเข้าโจมตีกองซุ่มจนแตกพ่ายและเข้าทำลายค่ายของกองซุ่มเหล่านี้ เตงงายให้เถียน จางนำกองหน้าไปแผ้วถางเส้นทาง[61] เตงงายและกองหน้าไปปรากฏที่อิวกั๋ง ม้าเชียว (馬邈 หมา เหมี่ยว) เจ้าเมืองอิวกั๋งที่จ๊กก๊กแต่งตั้งยอมจำนนต่อเตงงาย[62]

ยุทธการที่กิมก๊ก

แก้

หลังยึดได้อิวกั๋ง เตงงายนำพลรุดหน้าไปยังอำเภอโปยเสียและเผชิญกับการต้านทานจากทัพจ๊กก๊กที่นำโดยจูกัดเจี๋ยม ผู้ใต้บังคับบัญชาของจูกัดเจี๋ยมชื่อหฺวาง ฉง (黃崇) โน้มน้าวจูกัดเจี๋ยทให้เข้ายึดครองพื้นที่ภูเขาโดยรอบอำเภอโปยเสียและใช้ข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ในการหยุดยั้งทัพวุยก๊กจากการเข้าพื้นที่ราบ เมื่อจูกัดเจี๋ยมลังเล หฺวาง ฉงก็ร้องไห้ขอให้จูกัดเจี๋ยมกระทำตามที่เสนอหลายครั้ง[63]

จากนั้นจูกัดเจี๋ยมจึงสั่งทัพหน้าให้เข้าโจมตีเตงงายที่อำเภอโปยเสียแต่ทัพหน้าก็พ่ายแพ้ในการรบ จูกัดเจี๋ยมและกำลังพลที่เหลือจึงล่าถอยไปยังกิมก๊ก (綿竹 เหมียนจู๋) ต่อมาไม่นานที่กิมก๊ก จูกัดเจี๋ยมได้รับจดหมายจากเตงงายที่ขอให้จูกัดเจี๋ยมยอมจำนน จูกัดเจี๋ยมโกรธมากจึงสั่งประหารชีวิตคนนำสารที่นำจดหมายมาส่ง[64] แล้วสั่งกำลังพลให้จัดกระบวนทัพนอกกิมก๊กและนอกเข้าต่อสู้กับข้าศึก

เตงงายสั่งให้เตงต๋ง (鄧忠 เติ้ง จง) บุตรชาย และสุเมา (師纂 ชือ จฺว่าน) ผู้ใต้บังคับบัญชา ให้แต่ละคนนำกองกำลังแยกตีกระหนาบจูกัดเจี๋ยมจากด้านขวาและด้านซ้ายตามลำดับ ทั้งสองตีกระบวนทัพของจ๊กก๊กไม่สำเร็จ จึงกลับมาหาเตงงายและบอกกับเตงงายว่า "ไม่อาจเอาชนะข้าศึกได้" เตงงายตอบด้วยความโกรธว่า "ศึกนี้จะกำหนดว่าเราจะอยู่หรือตาย ที่พวกเจ้าพูดว่าไม่อาจเอาชนะข้าศึกนั้นหมายความว่าอย่างไร" เตงงายขู่จะประหารชีวิตทั้งสองฐานที่ขี้ขลาด ทั้งสองจึงรีบหันกลับไปและนำพลเข้าโจมตีอีกครั้ง ในการโจมตีครั้งที่สองนี้ ทั้งสองตีกระบวนทัพของจ๊กก๊กแตกเป็นผลสำเร็จและจึงเข้ายึดกิมก๊ก จูกัดเจี๋ยมพร้อมด้วยจูกัดสงบุตรชายและผู้ใต้บังคับบัญชา ได้แก่ หฺวาง ฉง[65] หลี่ ฉิว (李球)[66] และเตียวจุ๋น (張遵 จาง จุน)[67] ต่างถูกสังหารในที่รบที่กิมก๊ก[68][69]

การล่มสลายของจ๊กก๊ก

แก้

เมื่อเกียงอุยทราบว่ากิมก๊กถูกตีแตกแล้ว จึงนำทัพของตนไปทางตะวันออกไปยังเมืองปากุ๋น (巴郡 ปาจฺวิ้น; นครฉงชิ่งในปัจจุบัน) จงโฮยนำทัพของตนไปที่อำเภอโปยเสียและสั่งให้เฮาเหลก เตนซก บังโฮย และคนอื่น ๆ ให้นำกำลังทหารไล่ตามตีเกียงอุย[70]

การยอมจำนนของเล่าเสี้ยน

แก้

การยอมจำนนของเกียงอุย

แก้

ในขณะเดียวกัน ทัพจ๊กก๊กที่นำโดยเกียงอุยได้รับข้อมูลที่สับสนปนเปเกี่ยวกับสถานการณ์ในนครเซงโต๋ บ้างก็ว่าเล่าเสี้ยนทรงต้องการอยู่ในเซงโต๋และป้องกันเมือง บ้างก็อ้างว่าเล่าเสี้ยนทรงกำลังจะทิ้งเซงโต๋หนีลงใต้ไปยังเมืองเกียมเหลง (建寧郡 เจี้ยนหนิงจฺวิ้น; ครอบคลุมพื้นที่ของมณฑลยูนนานและมณฑลกุ้ยโจวในปัจจุบัน) เกียงอุยจึงเตรียมนำกำลังไปไปยังอำเภอชี (郪縣 ชีเซี่ยน; ปัจจุบันคืออำเภอซานไถ มณฑลเสฉวน) ซึ่งอยู่ใกล้กับเซงโต๋มากกว่าเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง[71] ไม่นานหลังจากนั้น เกียงอุยและทหารก็ได้รับคำสั่งจากนครเซงโต๋ให้วางอาวุธและยอมจำนนต่อจงโฮยที่อำเภอโปยเสีย ทหารจ๊กก๊กหลายนายรู้สึกตกใจและโกรธมากที่รู้ว่าจักรพรรดิเล่าเสี้ยนยอมจำนน จึงชักกระบี่ฟันกับหินเพื่อระบายความคับข้องใจ[72][73]

ในที่สุดเมื่อจงโฮยพบกับเกียงอุย จงโฮยถามว่า "เหตุใดท่านถึงมาช้า" เกียงอุยตอบด้วยสีหน้าจริงจังแต่มีน้ำตาไหลอาบแก้มว่า "การพบกันของเราวันนี้ต่างหากที่มาเร็วเกินไป" จงโฮยประทับใจกับคำตอบของเกียงอุยอย่างมาก[74]

กำลังเสริมของง่อก๊ก

แก้

ในระหว่างวันที่ 18 พฤศจิกายนถึง 17 ธันวาคม ค.ศ. 263[j] ราชสำนักจ๊กก๊กร้องขอการสนับสนุนอย่างเร่งด่วนจากง่อก๊กที่เป็นรัฐพันธมิตรทางตะวันออก จากนั้นในวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 264[j] ซุนฮิวจักรพรรดิง่อก๊กมีรับสั่งให้นายทหารห้านายนำกองกำลังสามกองแยกกันเข้าไปโจมตีอาณาเขตของวุยก๊ก โดยหวังจะเบี่ยงเบนความสนใจของวุยก๊กออกจากจ๊กก๊ก เตงฮองเข้าโจมตีฉิวฉุน (壽春 โช่วชุน; ปัจจุบันคืออำเภอโช่ว มณฑลอานฮุย)[76] หลิว ผิง (留平) และชือ จี (施績) เข้าโจมตีลำกุ๋น (南郡 หนานจฺวิ้น; อยู่บริเวณนครจิงโจว มณฑลหูเป่ย์ในปัจจุบัน) ติง เฟิง (丁封) และซุนฮี (孫異 ซุน อี้) เข้าโจมตีอาณาเขตของวุยก๊กตลอดตอนกลางของแม่น้ำไกซุย (沔水 เหมียนฉุ่ย) ทัพง่อก๊กถอนทัพกลับหลังได้รับข่าวการล่มสลายของจ๊กก๊ก[75]

ผลสืบเนื่อง

แก้

การจับกุมและความล่มจมของเตงงาย

แก้

เตงงายรู้สึกภูมิใจในความสำเร็จของตน จึงกลายเป็นคนเย่อหยิ่งและยกตนอย่างมากหลังได้ควบคุมและดูแลอาณาเขตของจ๊กก๊กหลังเสร็จศึก ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 264 เตงงายเขียนจดหมายถึงสุมาเจียวเพื่อเสนอแนวคิดในการพิชิตง่อก๊กที่เป็นอีกหนึ่งรัฐอริของวุยก๊ก สุมาเจียวบอกเตงงายว่าข้อเสนอของเตงงายจะต้องนำไปหารือในราชสำนักก่อนที่จะอนุมัติ เตงงายรู้สึกไม่พอใจจึงพูดเปรยว่าตนมีเหตุผลที่จะปฏิเสธระเบียบวิธีมาตรฐานและใช้วิธีแบบเผด็จการตราบที่ตนกระทำเพื่อประโยชน์ของวุยก๊ก[77] จงโฮยผู้แอบต้องการก่อกบฏต่อวุยก๊ก ฉวยโอกาสนี้มาใช้ให้เป็นประโยชน์และจัดการความเย่อหยิ่งของเตงงายให้เกิดผลดีต่อตัวจงโฮยอย่างมาก จงโฮยยับยั้งรายงานจากเตงงายที่ส่งไปถึงราชสำนักวุยก๊ก เลียนลายมือเตงงายและแก้ไขรายงานให้มีสำนวนภาษาที่ดูหยาบคายและเรียกร้องมากเกินไป จงโฮยยังทำลายจดหมายจากสุมาเจียวถึงเตงงายอีกด้วย[78]

ในช่วงปลายกุมภาพันธ์ ค.ศ. 264 ราชสำนักวุยก๊กมีคำสั่งให้จงโฮยและอุยก๋วนไปจับกุมเตงงาย ปลดอำนาจบังคับบัญชาทหาร และส่งตัวกลับไปลกเอี๋ยงด้วยรถนักโทษ[79] ในวันที่ 3 มีนาคม ค.ศ. 264 หลังจากนั้น อุยก๋วนส่งเตนซกให้นำทหารไปสกัดและสังหารเตงงาย, เตงต๋งบุตรชายของเตงงาย และสุเมาผู้ใต้บังคับบัญชาของเตงงายที่ทางตะวันตกของกิมก๊ก[80][81]

กบฏจงโฮย

แก้

หลังเตงงายถูกจับกุมและถูกนำตัวไป จงโฮยจึงถือครองอำนาจบัญชาการทัพวุยก๊กที่กำลังยึดครองอาณาเขตของอดีตจ๊กก๊ก ด้วยการยุยงของเกียงอุย[82] จงโฮยจึงตัดสินใจก่อการกบฏต่อสุมาเจียว และวางกลยุทธ์โจมตีลกเอี๋ยงโดยมีเกียงอุยช่วยเหลือ[83]

บุคคลในยุทธการ

แก้

ในวัฒนธรรมประชานิยม

แก้

เมี่ยฉู่จี้ (滅蜀記; แปลว่าเรื่องราวการล่มสลายของจ๊กก๊ก; ISBN 9789867480972) เป็นนวนิยายใน ค.ศ. 2008 โดยหลี่ ปั๋ว (李柏) ที่เล่าถึงเหตุการณ์ที่นำไปสู่การล่มสลายของจ๊กก๊ก โดยมีเกียงอุย เตงงาย และจงโฮยเป็นตัวละครหลัก[84]

หมายเหตุ

แก้
  1. 1.0 1.1 จือจื้อทงเจี้ยนบันทึกว่าราชสำนักวุยก๊กออกพระราชโองการให้เตงงาย, จูกัดสู และจงโฮยนำทัพวุยก๊กเข้าโจมตีจ๊กก๊กจากสามทิศทาง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงระหว่างเดือน 5 ถึงเดือน 7 ของศักราชจิ่ง-ยฺเหวียน (景元) ปีที่ 4 ศักราช ในรัชสมัยของโจฮวน ทัพวุยก๊กเคลื่อนออกจากนครหลวงลกเอี๋ยงในเดือน 8[1] เดือน 8 ของศักราชจิ่ง-ยฺเหวียนปีที่ 4 เทียบได้กับช่วงเวลาระหว่างวันที่ 20 กันยายนถึง 19 ตุลาคม ค.ศ. 263 ในปฏิทินกริกอเรียน
  2. บทพระราชประวัติสุมาเจียวในจิ้นชูบันทึกว่า รายงานชัยชนะของขุนพลวุยก๊กมาถึงลกเอี๋ยงในเดือน 10 ของศักราชจิ่ง-ยฺเหวียนปีที่ 4 ในรัชสมัยของโจฮวน[2] เดือนนี้เทียบได้กับช่วงเวลาระหว่างวันที่ 18 พฤศจิกายน ถึง 17 ธันวาคม ค.ศ. 263 ในปฏิทินกริกอเรียน
  3. บทชีวประวัติของจงโฮยในสามก๊กจี่บันทึกว่าเตงงายกับจูกัดสูนำกำลังพลคนละ 30,000 นาย ส่วนจงโฮยนำกำลังพลมากกว่า 100,000 นายในการทัพครั้งนี้[3] ส่วนบทพระราชประวัติสุมาเจียวในจิ้นชูบันทึกว่าทัพวุยก๊กในการทัพครั้งนี้มีทั้งหมด 180,000 นาย[4]
  4. สุมาเจียวประมาณการก่อนการรบว่าจ๊กก๊กมีกำลังพลรวม 90,000 นาย (50,000 นายที่แนวหน้า และอีก 40,000 นายอยู่รักษาเซงโต๋และดินแดนภายใน)[5] แต่ฉู่จี้บันทึกว่าจ๊กก๊กมีกำลังพล 102,000 นายในช่วงเวลาที่เล่าเสี้ยนยอมจำนนต่อเตงงาย[6]
  5. จือจื้อทงเจี้ยนบันทึกว่าสุมาเจียวทำประกาศนี้ในศักราชจิ่ง-ยฺเหวียน (景元) ปีที่ 3 ในรัชสมัยของโจฮวน ปีนี้เทียบได้กับปี ค.ศ. 262 ในปฏิทินกริโกเรียน[1] แต่ในบทพระราชประวัติสุมาเจียวในจิ้นชูบันทึกว่าสุมาเจียวทำประกาศนี้ในฤดูร้อนของศักราชจิ่ง-ยฺเหวียนปีที่ 4 ซึ่งเทียบได้กับฤดูร้อนของปี ค.ศ. 263[5] บทความนี้อิงตามที่ระบุในจือจื้อทงเจี้ยน
  6. ดูเตงงาย#ป้องกันชายแดนวุยก๊ก
  7. บทพระราชประวัติสุมาเจียวในจิ้นชูบันทึกว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเดือน 9 ปีที่ 4 ของศักราชจิ่ง-ยฺเหวียน (景元) ในรัชสมัยของโจฮวน[30] เดือนนี้เทียบได้กับช่วงเวลาระหว่างวันที่ 20 ตุลาคมถึง 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 263 ในปฏิทินกริกอเรียน
  8. หมายถึงเกียงอุย (姜維 เจียง เหวย์) ปั๋วเยฺว (伯約) เป็นชื่อรองของเกียงอุย
  9. บทชีวประวัติเตงงายในสามก๊กจี่บันทึกว่าเตงงายใช้ทางลัดในเดือน 10 ของศักราชจิ่ง-ยฺเหวียน (景元) ปีที่ 4 ในรัชสมัยของโจฮวน[60] เดือนนี้เทียบได้กับช่วงเวลาระหว่างวันที่ 18 พฤศจิกายนและ 17 ธันวาคม ค.ศ. 263 ในปฏิทินกริกอเรียน
  10. 10.0 10.1 บทประวัติซุนฮิวในสามก๊กจี่บันทึกว่าจ๊กก๊กขอการหนุนช่วยจากง่อก๊กในเดือน 10 ของศักราชหย่งอาน (永安) ปีที่ 6 ในรัชสมัยของซุนฮิว[75] เดือนนี้เทียบได้กับช่วงเวลาระหว่างวันที่ 18 พฤศจิกายนถึง 17 ธันวาคม ค.ศ. 263 ในปฏิทินกริกอเรียน บทประวัติซุนฮิวยังบันทึกอีกว่าซุนฮิวทรงมีรับสั่งให้เตงฮอง, หลิว ผิง, ติง เฟิง และซุนฮีนำทัพง่อก๊กไปโจมตีอาณาเขตของวุยก๊กในวันเจี่ยเชิน (甲申) หลังเดือน 10 ของศักราชหย่งอานปีที่ 6[75] วัน เจี่ยเชินหลังเดือน 10 ที่ใกล้ที่สุดคือวันที่ 22 ของเดือน 11 ซึ่งเทียบได้กับวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 264 ในปฏิทินกริกอเรียน

อ้างอิง

แก้
  1. 1.0 1.1 Sima (1084), vol. 78.
  2. ([景元四年]冬十月,天子以諸侯獻捷交至, ...) จิ้นชู เล่มที่ 2.
  3. 3.0 3.1 ([景元]四年秋,乃下詔使鄧艾、諸葛緒各統諸軍三萬餘人,艾趣甘松、沓中連綴維,緒趣武街、橋頭絕維歸路。會統十餘萬衆,分從斜谷、駱谷入。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
  4. (於是征四方之兵十八萬, ...) จิ้นชู เล่มที่ 2.
  5. 5.0 5.1 5.2 (景元[四年]夏,帝將伐蜀,乃謀眾曰:「自定壽春已來,息役六年,治兵繕甲,以擬二虜。略計取吳,作戰船,通水道,當用千餘萬功,此十萬人百數十日事也。又南土下濕,必生疾疫。今宜先取蜀,三年之後,在巴蜀順流之勢,水陸並進,此滅虞定虢,吞韓並魏之勢也。計蜀戰士九萬,居守成都及備他郡不下四萬,然則餘眾不過五萬。今絆姜維於遝中,使不得東顧,直指駱穀,出其空虛之地,以襲漢中。彼若嬰城守險,兵勢必散,首尾離絕。舉大眾以屠城,散銳卒以略野,劍閣不暇守險,關頭不能自存。以劉禪之暗,而邊城外破,士女內震,其亡可知也。」) จิ้นชู เล่มที่ 2.
  6. (又遣尚書郎李虎送士民簿, ... 帶甲將士十萬二千, ...) อรรถาธิบายจากฉู่จี้ในสามก๊กจี่ เล่มที่ 33.
  7. Sima (1084), vol. 69.
  8. Sima (1084), vol. 70.
  9. Sima (1084), vols. 71-72.
  10. Sima (1084), vols. 74-78.
  11. Sima (1084), vol. 75.
  12. Sima (1084), vol. 76.
  13. 13.0 13.1 Sima (1084), vol. 77.
  14. สามก๊กจี่ เล่มที่ 28, 33 และ 44, จิ้นชู เล่มที่ 2 และจือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 78.
  15. (文王以蜀大將姜維屢擾邊陲,料蜀國小民疲,資力單竭,欲大舉圖蜀。惟會亦以為蜀可取,豫共籌度地形,考論事勢。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
  16. (征西將軍鄧艾以為未有釁,屢陳異議。帝患之,使主簿師纂為艾司馬以喻之,艾乃奉命。) จิ้นชู เล่มที่ 2.
  17. (景元三年冬,以會為鎮西將軍、假節都督關中諸軍事。文王勑青、徐、兖、豫、荊、揚諸州,並使作船,又令唐咨作浮海大船,外為將伐吳者。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
  18. 18.0 18.1 (於是征四方之兵十八萬,使鄧艾自狄道攻姜維於遝中,雍州刺史諸葛緒自祁山軍於武街,絕維歸路,鎮西將軍鐘會帥前將軍李輔、征蜀護軍胡烈等自駱穀襲漢中。) จิ้นชู เล่มที่ 2.
  19. (鄧艾、鐘會之伐蜀也,瓘以本官持節監艾、會軍事,行鎮西軍司,給兵千人。) จิ้นชู เล่มที่ 36.
  20. Sima (1084), vol. 68.
  21. (初,先主留魏延鎮漢中,皆實兵諸圍以禦外敵,敵若來攻,使不得入。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
  22. (及興勢之役,王平捍拒曹爽,皆承此制。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
  23. (維建議,以為錯守諸圍,雖合周易「重門」之義,然適可禦敵,不獲大利。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
  24. (不若使聞敵至,諸圍皆歛兵聚穀,退就漢、樂二城,使敵不得入平,且重關鎮守以捍之。有事之日,令游軍並進以伺其虛。敵攻關不克,野無散穀,千里縣糧,自然疲乏。引退之日,然後諸城並出,與游軍并力搏之,此殄敵之術也。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
  25. (於是令督漢中胡濟却住漢壽,監軍王含守樂城,護軍蔣斌守漢城,又於西安、建威、武衞、石門、武城、建昌、臨遠皆立圍守。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
  26. ([景耀]六年,維表後主:「聞鍾會治兵關中,欲規進取,宜並遣張翼、廖化督諸軍分護陽安關口、陰平橋頭以防未然。」) สามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
  27. (皓徵信鬼巫,謂敵終不自致,啟後主寢其事,而羣臣不知。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
  28. ([景元四年]秋八月,軍發洛陽,大賚將士,陳師誓眾。將軍鄧敦謂蜀未可討,帝斬以徇。) จิ้นชู เล่มที่ 2.
  29. (先命牙門將許儀在前治道,會在後行,而橋穿,馬足陷,於是斬儀。儀者,許褚之子,有功王室,猶不原貸。諸軍聞之,莫不震竦。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
  30. 30.0 30.1 ([景元四年]九月,又使天水太守王頎攻維營,隴西太守牽弘邀其前,金城太守楊頎趣甘松。) จิ้นชู เล่มที่ 2.
  31. (魏興太守劉欽趣子午谷,諸軍數道平行,至漢中。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
  32. (及鍾會將向駱谷,鄧艾將入沓中,然後乃遣右車騎廖化詣沓中為維援,左車騎張翼、輔國大將軍董厥等詣陽安關口以為諸圍外助。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
  33. (比至陰平,聞魏將諸葛緒向建威,故住待之。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
  34. (會使護軍荀愷、前將軍李輔各統萬人,愷圍漢城,輔圍樂城。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
  35. (鐘會分為二隊,入自斜谷,使李輔圍王含于樂城,又使部將荀愷攻蔣斌於漢城。) จิ้นชู เล่มที่ 2.
  36. (蜀令諸圍皆不得戰,退還漢、樂二城守。蜀監軍王含守樂城,護軍蔣斌守漢城,兵各五千。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
  37. (會徑過,西出陽安口,遣人祭諸葛亮之墓。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
  38. (魏大將軍鍾會至漢城,與斌書曰: ... 會得斌書報,嘉歎意義,及至涪,如其書云。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
  39. ([鍾]會攻樂城,不能克,聞關口已下,長驅而前。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
  40. (後主旣降鄧艾,斌詣會於涪,待以交友之禮。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
  41. (使護軍胡烈等行前,攻破關城,得庫藏積糓。會直指陽安,護軍胡烈攻陷關城。) จิ้นชู เล่มที่ 2.
  42. (蜀記曰:蔣舒為武興督,在事無稱。蜀命人代之,因留舒助漢中守。舒恨,故開城出降。) อรรถาธิบายจากฉู่จี้ในสามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
  43. (漢晉春秋曰:蔣舒將出降,乃詭謂傅僉曰:「今賊至不擊而閉城自守,非良圖也。」僉曰:「受命保城,惟全為功,今違命出戰,若喪師負國,死無益矣。」舒曰:「子以保城獲全為功,我以出戰克敵為功,請各行其志。」遂率衆出。僉謂其戰也,至陰平,以降胡烈。烈乘虛襲城,僉格鬬而死,魏人義之。) อรรถาธิบายจาก'ฮั่นจิ้นชุนชิวในสามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
  44. (鍾會攻圍漢、樂二城,遣別將進攻關口,蔣舒開城出降,傅僉格鬬而死。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
  45. (月餘,維為鄧艾所摧,還住陰平。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
  46. (未到,聞其已破,退趣白水, ...) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
  47. (姜維聞之,引還,王頎追敗維於強川。) จิ้นชู เล่มที่ 2.
  48. (維聞鍾會諸軍已入漢中,引退還。欣等追躡於彊川口,大戰,維敗走。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
  49. (聞雍州已塞道屯橋頭,從孔函谷入北道,欲出雍州後。諸葛緒聞之,却還三十里。維入北道三十餘里,聞緒軍却,尋還,從橋頭過,緒趣截維,較一日不及。維遂東引,還守劒閣。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
  50. (維與張翼、廖化合軍守劍閣,鐘會攻之。) จิ้นชู เล่มที่ 2.
  51. (翼、厥甫至漢壽,維、化亦舍陰平而退,適與翼、厥合,皆退保劒閣以拒會。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
  52. (鍾會攻維未能克。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
  53. (會與維書曰:「公侯以文武之德,懷邁世之略,功濟巴、漢,聲暢華夏,遠近莫不歸名。每惟疇昔,甞同大化,吳札、鄭喬,能喻斯好。」) สามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
  54. (維不荅書,列營守險。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
  55. (往者漢祚衰微,率土分崩,生民之命,幾於泯滅。太祖武皇帝神武聖哲,撥亂反正,拯其將墜,造我區夏。高祖文皇帝應天順民,受命踐阼。烈祖明皇帝奕世重光,恢拓洪業。然江山之外異政殊俗,率土齊民未蒙王化,此三祖所以顧懷遺恨也。今主上聖德欽明,紹隆前緒,宰輔忠肅明允,劬勞王室,布政垂惠而萬邦恊和,施德百蠻而肅慎致貢。悼彼巴蜀,獨為匪民,愍此百姓,勞役未已。是以命授六師,龔行天罰,征西、雍州、鎮西諸軍,五道並進。古之行軍,以仁為本,以義治之;王者之師,有征無戰;故虞舜舞干戚而服有苗,周武有散財、發廩、表閭之義。今鎮西奉辭銜命,攝統戎重,庶弘文告之訓,以濟元元之命,非欲窮武極戰,以快一朝之政,故畧陳安危之要,其敬聽話言。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
  56. (益州先主以命世英才,興兵朔野,困躓兾、徐之郊,制命紹、布之手,太祖拯而濟之,與隆大好。中更背違,棄同即異,諸葛孔明仍規秦川,姜伯約屢出隴右,勞動我邊境,侵擾我氐、羌,方國家多故,未遑脩九伐之征也。今邊境乂清,方內無事,畜力待時,并兵一向,而巴蜀一州之衆,分張守備,難以禦天下之師。段谷、侯和沮傷之氣,難以敵堂堂之陳。比年以來,曾無寕歲,征夫勤瘁,難以當子來之民。此皆諸賢所親見也。蜀相牡見禽於秦,公孫述授首於漢,九州之險,是非一姓。此皆諸賢所備聞也。明者見危於無形,智者規禍於未萌,是以微子去商,長為周賔,陳平背項,立功於漢。豈晏安酖毒,懷祿而不變哉?今國朝隆天覆之恩,宰輔弘寬恕之德,先惠後誅,好生惡殺。往者吳將孫壹舉衆內附,位為上司,寵秩殊異。文欽、唐咨為國大害,叛主讎賊,還為戎首。咨困逼禽獲,欽二子還降,皆將軍、封侯;咨與聞國事。壹等窮踧歸命,猶加盛寵,况巴蜀賢知見機而作者哉!誠能深鑒成敗,邈然高蹈,投跡微子之蹤,錯身陳平之軌,則福同古人,慶流來裔,百姓士民,安堵舊業,農不易畒,巿不回肆,去累卵之危,就永安之福,豈不美與!若偷安旦夕,迷而不反,大兵一發,玉石皆碎,雖欲悔之,亦無及已。其詳擇利害,自求多福,各具宣布,咸使聞知。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
  57. (會不能克,糧運縣遠,將議還歸。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
  58. (會與緒軍向劒閣,會欲專軍勢,密白緒畏懦不進,檻車徵還。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
  59. (艾上言:「今賊摧折,宜遂乘之,從陰平由邪徑經漢德陽亭趣涪,出劒閣西百里,去成都三百餘里,奇兵衝其腹心。劒閣之守必還赴涪,則會方軌而進;劒閣之軍不還,則應涪之兵寡矣。軍志有之曰:『攻其不備,出其不意。』今掩其空虛,破之必矣。」) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
  60. 60.0 60.1 ([景元四年]冬十月,艾自陰平道行無人之地七百餘里,鑿山通道,造作橋閣。山高谷深,至為艱險,又糧運將匱,頻於危殆。艾以氊自裹,推轉而下。將士皆攀木緣崖,魚貫而進。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
  61. (鄧艾追姜維到陰平,簡選精銳,欲從漢德陽入江由、左儋道詣緜竹,趣成都,與諸葛緒共行。緒以本受節度邀姜維,西行非本詔,遂進軍前向白水,與會合。會遣將軍田章等從劒閣西,徑出江由。未至百里,章先破蜀伏兵三校,艾使章先登。遂長駈而前。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
  62. (先登至江由,蜀守將馬邈降。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
  63. (權留蜀子崇,為尚書郎,隨衞將軍諸葛瞻拒鄧艾。到涪縣,瞻盤桓未進,崇屢勸瞻宜速行據險,無令敵得入平地。瞻猶與未納,崇至于流涕。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 43.
  64. ([景耀]六年冬,魏征西將軍鄧艾伐蜀,自陰平由景谷道旁入。瞻督諸軍至涪停住,前鋒破,退還,住緜竹。艾遣書誘瞻曰:「若降者必表為琅邪王。」瞻怒,斬艾使。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 35.
  65. (會艾長驅而前,瞻却戰至緜竹,崇帥厲軍士,期於必死,臨陣見殺。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 43.
  66. (恢弟子球,羽林右部督,隨諸葛瞻拒鄧艾,臨陣授命,死于緜竹。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 43.
  67. (苞子遵為尚書,隨諸葛瞻於綿竹,與鄧艾戰,死。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 36.
  68. (遂戰,大敗,臨陣死,時年三十七。衆皆離散,艾長驅至成都。瞻長子尚,與瞻俱沒。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 35.
  69. (蜀衞將軍諸葛瞻自涪還綿竹,列陳待艾。艾遣子惠唐亭侯忠等出其右,司馬師纂等出其左。忠、纂戰不利,並退還,曰:「賊未可擊。」艾怒曰:「存亡之分,在此一舉,何不可之有?」乃叱忠、纂等,將斬之。忠、纂馳還更戰,大破之,斬瞻及尚書張遵等首, ...) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
  70. (艾遂至緜竹,大戰,斬諸葛瞻。維等聞瞻已破,率其衆東入于巴。會乃進軍至涪,遣胡烈、田續、龐會等追維。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
  71. (維等初聞瞻破,或聞後主欲固守成都,或聞欲南入建寧,於是引軍由廣漢、郪道以審虛實。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
  72. (尋被後主敕令,乃投戈放甲,詣會於涪軍前,將士咸怒,拔刀斫石。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
  73. (維至廣漢郪縣,令兵悉放器仗,送節傳於胡烈,便從東道詣會降。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
  74. (干寶晉紀云:會謂維曰;「來何遲也?」維正色流涕曰:「今日見此為速矣!」會甚奇之。) อรรถาธิบายจากจิ้นจี้ในสามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
  75. 75.0 75.1 75.2 ([永安六年]冬十月,蜀以魏見伐來告。 ... [十一月]甲申,使大將軍丁奉督諸軍向魏壽春,將軍留平別詣施績於南郡,議兵所向,將軍丁封、孫異如沔中,皆救蜀。蜀主劉禪降魏問至,然後罷。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 48.
  76. ([永安]六年,魏伐蜀,奉率諸軍向壽春,為救蜀之勢。蜀亡,軍還。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 55.
  77. (艾言司馬文王曰:「兵有先聲而後實者, ... 望風而從矣。」文王使監軍衞瓘喻艾:「事當須報,不宜輙行。」艾重言曰:「銜命征行, ... 終不自嫌以損于國也。」) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
  78. (世語曰:會善效人書,於劒閣要艾章表白事,皆易其言,令辭指悖傲,多自矜伐。又毀文王報書,手作以疑之也。) อรรถาธิบายจากชื่อ-ยฺหวี่ในสามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
  79. (會內有異志,因鄧艾承制專事,密白艾有反狀,於是詔書檻車徵艾。司馬文王懼艾或不從命,勑會並進軍成都,監軍衞瓘在會前行,以文王手筆令宣喻艾軍,艾軍皆釋仗,遂收艾入檻車。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
  80. (艾父子旣囚,鍾會至成都,先送艾,然後作亂。會已死,艾本營將士追出艾檻車,迎還。瓘遣田續等討艾, ...) Sanguozhi vol. 28.
  81. (世語曰:師纂亦與艾俱死。纂性急少恩,死之日體無完皮。) อรรถาธิบายจากชื่อ-ยฺหวี่ในสามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
  82. (... 乃詭說會曰:「聞君自淮南已來, ... 而從赤松游乎?」會曰:「君言遠矣,我不能行,且為今之道,或未盡於此也。」維曰:「其佗則君智力之所能,無煩於老夫矣。」由是情好歡甚。) อรรถาธิบายจากฮั่นจิ้นชุนชิวในสามก๊กจี่ เล่มที่ 44.
  83. (會所憚惟艾,艾旣禽而會尋至,獨統大衆,威震西土。自謂功名蓋世,不可復為人下,加猛將銳卒皆在己手,遂謀反。欲使姜維等皆將蜀兵出斜谷,會自將大衆隨其後。旣至長安,令騎士從陸道,步兵從水道順流浮渭入河,以為五日可到孟津,與騎會洛陽,一旦天下可定也。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
  84. "滅蜀記 [Mie Shu Ji]". www.books.com.tw (ภาษาจีน). สืบค้นเมื่อ 8 June 2018.

บรรณานุกรม

แก้