ภาษากฺ๋อง
ภาษากฺ๋อง | |
---|---|
พาซ๋า กฺ๋อง | |
ออกเสียง | /pʰasǎ gɔ̌ŋ/ [pʰaː³³ˈsaː²⁴¹ ˈɡɔŋː²⁴¹] |
ประเทศที่มีการพูด | ไทย |
ภูมิภาค | จังหวัดสุพรรณบุรี, จังหวัดอุทัยธานี |
ชาติพันธุ์ | 500 คน (2543?)[1] |
จำนวนผู้พูด | 80 คน (2543, เดวิด แบรดลีย์)[2] |
ตระกูลภาษา | |
ระบบการเขียน | อักษรไทย |
สถานภาพทางการ | |
ภาษาชนกลุ่มน้อยที่รับรองใน | ไทย |
รหัสภาษา | |
ISO 639-3 | ugo |
ภาษากฺ๋อง (กฺ๋อง: พาซ๋า กฺ๋อง) เป็นภาษาใกล้สูญภาษาหนึ่งในกลุ่มภาษาทิเบต-พม่าของตระกูลภาษาจีน-ทิเบต เป็นภาษาที่แสดงลักษณะของภาษาในกลุ่มทิเบต-พม่าอย่างเด่นชัด[3] กล่าวคือ มีหน่วยเสียงวรรณยุกต์ มีพยัญชนะท้ายน้อย ความสั้น-ยาวของเสียงสระไม่ส่งผลต่อความหมายของคำ และมีการเรียงประโยคแบบประธาน-กรรม-กริยา
ผู้พูดภาษากฺ๋องเป็นกลุ่มชาติพันธุ์กฺ๋อง จากการสำรวจของนักภาษาศาสตร์เดวิด แบรดลีย์ พบผู้พูดภาษานี้ในประเทศไทยราว 80 คนใน พ.ศ. 2543 อาศัยอยู่ในหมู่ที่ 4 บ้านวังควาย ตำบลวังยาว และหมู่ที่ 10 บ้านกกเชียง ตำบลห้วยขมิ้น อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี และหมู่ที่ 3 บ้านละว้า ตำบลทองหลาง อำเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี ไม่พบผู้พูดในประเทศพม่า ปัจจุบันเริ่มมีผู้พูดภาษากฺ๋องน้อยลง โดยเด็ก ๆ ชาวกฺ๋องหันไปพูดภาษาไทยและภาษาลาว (ลาวครั่ง)
สัทวิทยา
[แก้]พยัญชนะ
[แก้]ลักษณะการออกเสียง | ตำแหน่งเกิดเสียง | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ริมฝีปาก | ปุ่มเหงือก | เพดานแข็ง | เพดานอ่อน | เส้นเสียง | ||||
เสียงนาสิก | m | n | ɲ | ŋ | ||||
เสียงหยุด | ก้อง | b | d | ɡ | ||||
ไม่ก้อง | ไม่พ่นลม | p | t | c | k | ʔ | ||
พ่นลม | pʰ | tʰ | cʰ | kʰ | ||||
เสียงเสียดแทรก | f | s | x | h | ||||
เสียงข้างลิ้น | l | |||||||
เสียงเปิด | w | j |
- หน่วยเสียงที่เป็นได้ทั้งพยัญชนะต้นและพยัญชนะท้ายมี 3 หน่วยเสียง ได้แก่ /ŋ/, /k/ และ /ʔ/
- หน่วยเสียงพยัญชนะควบมี 4 หน่วยเสียง ได้แก่ /pʰl/, /kl/, /kʰl/ และ /bl/ เกิดในตำแหน่งต้นพยางค์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผู้พูดรุ่นใหม่ไม่นิยมออกเสียง /pʰl/ และ /bl/ เป็นพยัญชนะควบ โดยจะออกเสียงเฉพาะพยัญชนะตัวแรก
- หน่วยเสียง /ŋ/ เมื่ออยู่ในตำแหน่งท้ายพยางค์และปรากฏหน้าการหยุด ออกเสียงเป็น [ŋː][5]
- หน่วยเสียง /c/ ออกเสียงเป็น [t͡ɕ][6]
- หน่วยเสียง /pʰ/ มีหน่วยเสียงย่อย 2 หน่วยเสียง ได้แก่ [pʰ] และ [f] ซึ่งมีการแปรอิสระ เช่น [pʰe~fe] 'ไม้ (ไผ่)' ส่วนหน่วยเสียง /cʰ/ มีหน่วยเสียงย่อย 2 หน่วยเสียง ได้แก่ [t͡ɕʰ] และ [s] ซึ่งมีการแปรอิสระเช่นกัน เช่น [t͡ɕʰǒŋ~sǒŋ] 'กิ้งก่า' ทั้งนี้ ผู้พูดรุ่นใหม่นิยมออกเสียง /pʰ/ และ /cʰ/ เป็น [f] และ [s] ตามลำดับ แต่ยังไม่เป็นทั้งระบบ
- หน่วยเสียง /x/ พบเฉพาะในกลุ่มผู้พูดสูงอายุ โดยพบตัวอย่างเพียงสองคำ คือ /xǎʔ/ 'เข็ม' และ /xǎŋ/ 'ต่อ'[5]
สระ
[แก้]สระเดี่ยว
[แก้]ระดับลิ้น | ตำแหน่งลิ้น | ||
---|---|---|---|
หน้า | กลาง | หลัง | |
สูง | i | ɨ ʉ | u |
กึ่งสูง | ʊ | ||
กลาง | e ø | ə | o |
กึ่งต่ำ | ʌ | ||
ต่ำ | ɛ œ | a | ɔ |
- ความสั้นยาวของเสียงสระไม่ทำให้ความหมายของคำเปลี่ยนแปลง แต่เสียงสระในพยางค์เปิดมักยาวกว่าเสียงสระในพยางค์ปิด และเสียงสระที่มี /ŋ/ เป็นพยัญชนะท้าย (ยกเว้น /e/) อาจออกเสียงยาวหรือสั้นก็ได้ในคำบางคำ[8]
- หน่วยเสียง /e/ มีหน่วยเสียงย่อย 2 หน่วยเสียง ได้แก่ [e] และ [ɪ] โดยหน่วยเสียงย่อย [e] ปรากฏในพยางค์ที่มีพยัญชนะท้าย เช่น [kěŋ] 'ตัวเอง' ส่วนหน่วยเสียงย่อย [ɪ] ปรากฏในพยางค์ที่ไม่มีพยัญชนะท้าย เช่น [t͡ɕɪ] 'ม้าม'[7]
สระประสม
[แก้]ภาษากฺ๋องถิ่นกกเชียงมีหน่วยเสียงสระประสม 3 หน่วยเสียง ได้แก่ /ia/, /ɨa/ และ /uɔ/[7] หน่วยเสียง /ia/ และ /ɨa/ ออกเสียงเป็น [iɑː] และ [ɨɑː] ตามลำดับ[9]
วรรณยุกต์
[แก้]ภาษากฺ๋องถิ่นกกเชียงมีหน่วยเสียงวรรณยุกต์ 4 หน่วยเสียง[10] ได้แก่
- หน่วยเสียงกลางระดับ (mid tone)
- หน่วยเสียงวรรณยุกต์ต่ำ-ตก (low-falling tone) ซึ่งอาจเปลี่ยนเสียงเป็นวรรณยุกต์กลาง-ตก-ขึ้นหรือวรรณยุกต์สูง-ตกในประโยคปฏิเสธ
- หน่วยเสียงวรรณยุกต์สูง-ตก (high-falling tone)
- หน่วยเสียงวรรณยุกต์กลาง-ตก-ขึ้น (mid falling-rising tone) มีหน่วยเสียงย่อย 2 หน่วยเสียง ได้แก่ เสียงต่ำ-ขึ้น ปรากฏเมื่อพยัญชนะท้ายเป็นเสียงหยุด และเสียงกลาง-ตก-ขึ้น ปรากฏเมื่อพยัญชนะท้ายเป็นเสียงอื่นที่ไม่ใช่เสียงหยุด
ระบบการเขียน
[แก้]ตัวเขียนภาษากฺ๋องอักษรไทยตามที่คณะกรรมการจัดทำระบบเขียนภาษาท้องถิ่นของกลุ่มชาติพันธุ์ด้วยอักษรไทย สำนักงานราชบัณฑิตยสภา ได้กำหนดไว้ มีดังนี้
|
|
|
ไวยากรณ์
[แก้]โครงสร้างประโยคเป็นแบบประธาน-กรรม-กริยา คำขยายอยู่หน้ากริยา แต่อยู่หลังคำนาม คำบุพบทอยู่หลังคำนาม
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Gordon, Raymond G.; Barbara F. Grimes, บ.ก. (2005). Ethnologue: Languages of the World (15th ed.). Dallas, Texas: SIL International.
- ↑ ภาษากฺ๋อง ที่ Ethnologue (18th ed., 2015) (ต้องสมัครสมาชิก)
- ↑ สำนักงานราชบัณฑิตยสภา. (2561). คู่มือระบบเขียนภาษากฺ๋องอักษรไทย ฉบับราชบัณฑิตยสภา. กรุงเทพฯ: สำนักงานราชบัณฑิตยสภา, หน้า 1.
- ↑ สำนักงานราชบัณฑิตยสภา. (2561). คู่มือระบบเขียนภาษากฺ๋องอักษรไทย ฉบับราชบัณฑิตยสภา. กรุงเทพฯ: สำนักงานราชบัณฑิตยสภา, หน้า 24.
- ↑ 5.0 5.1 Thawornpat, Mayuree (2007). "Gong phonological characteristics". Mon-Khmer Studies. 37: 201.
- ↑ Thawornpat, Mayuree (2007). "Gong phonological characteristics". Mon-Khmer Studies. 37: 199.
- ↑ 7.0 7.1 7.2 สำนักงานราชบัณฑิตยสภา. (2561). คู่มือระบบเขียนภาษากฺ๋องอักษรไทย ฉบับราชบัณฑิตยสภา. กรุงเทพฯ: สำนักงานราชบัณฑิตยสภา, หน้า 27.
- ↑ Thawornpat, Mayuree (2007). "Gong phonological characteristics". Mon-Khmer Studies. 37: 202.
- ↑ Thawornpat, Mayuree (2007). "Gong phonological characteristics". Mon-Khmer Studies. 37: 205.
- ↑ สำนักงานราชบัณฑิตยสภา. (2561). คู่มือระบบเขียนภาษากฺ๋องอักษรไทย ฉบับราชบัณฑิตยสภา. กรุงเทพฯ: สำนักงานราชบัณฑิตยสภา, หน้า 29.
- Daniel Nettle and Suzanne Romaine. (2000). Vanishing Voices: The Extinction of the World's Languages. Oxford: Oxford University Press, p. 10.
- Thawornpat, Mayuree. (2006). Gong: An endangered language of Thailand. Doctoral dissertation, Mahidol University.
- มยุรี ถาวรพัฒน์. (2540). สารานุกรมกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย : ก๊อง (อุก๊อง). กรุงเทพฯ: สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาชนบท มหาวิทยาลัยมหิดล.
อ่านเพิ่ม
[แก้]- Bradley, David. (1993). Body Parts Questionnaire (Ugong). (unpublished ms. contributed to STEDT).
- Bradley, David (1989). "The disappearance of the Ugong in Thailand". Investigating Obsolescence. pp. 33–40. doi:10.1017/CBO9780511620997.006. ISBN 9780521324052.
- Bradley, David (1989). Dying to be Thai: Ugong in western Thailand. La Trobe Working Papers in Linguistics 2:19-28
- Kerr, A. F. G. (1927). "Two 'Lawā' vocabularies: the Lawā of the Baw Lūang plateau; Lawā of Kanburi Province." Journal of the Siam Society 21: 53-63.
- Rujjanavet, Pusit. (1986). The Phonology of Ugong in Uthaithani Province. M.A. Thesis in Linguistics, Faculty of Graduate Studies, Mahidol University.
- Thawornpat, Mayuree (2007). "Gong phonological characteristics". Mon-Khmer Studies. 37: 197–216.