A23a
ภูเขาน้ำแข็ง A23a เป็นแผ่นภูเขาน้ำแข็��ขนาดใหญ่ที่เกิดจากการแยกตัวออกจากแผ่นน้ำแข็งฟิลช์เนอร์-รอนเน ในปี ค.ศ. 1986 มันติดอยู่กับพื้นทะเลมาหลายปีจนกระทั่งเริ่มเคลื่อนที่ในปี ค.ศ. 2020 มีพื้นที่ประมาณ 3,900 ตารางกิโลเมตร (1,500 ตารางไมล์) ทำให้มันเป็นภูเขาน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในโลกขณะนี้[2][3]
ฐานดรุจนายาที่ 1 ซึ่งเดิมตั้งอยู่บนแผ่นน้ำแข็งฟิลช์เนอร์-รอนเน แต่เมื่อมันแตกออก ฐานนี้ก็อยู่บนภูเขาน้ำแข็งด้วย[2] หลังจากนั้นจึงมีภารกิจช่วยเหลือโดยเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1987 และในที่สุดได้ย้าย/เปลี่ยนชื่อฐานเป็นดรุจนายาที่ 3[4]
ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2023 A23a ถูกติดตามว่าเคลื่อนผ่านปลายด้านเหนือของคาบสมุทรแอนตาร์กติก และมุ่งหน้าไปยังมหาสมุทรใต้[5] เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ. 2023 ภูเขาน้ำแข็งถูกพบโดเรือสำรวจขั้วโลก อาร์อาร์เอส เซอร์ เดวิด แอตเทนโบโรห์ ที่นอกสุดของคาบสมุทรแอนตาร์กติก[6] ด้วยความเร็ว 10 นอต เรือใช้เวลาหลายชั่วโมงในการแล่นตามสองด้านของภูเขาน้ำแข็ง[6] A23a คาดว่าจะปล่อยฝุ่นแร่จำนวนมากเมื่อมันละลาย ดังนั้นเรือจึงเก็บตัวอย่างน้ำรอบขอบภูเขาน้ำแข็ง[6]
เมื่อวันที่ 14 มกราคม ค.ศ. 2024 โครงสร้างส่วนโค้งที่แปลกตาซึ่งเกิดจากการกระทำของคลื่นบน A23a ถูกบันทึกโดยโดรนที่ควบคุมโดยริชาร์ด ซิดีย์ และหัวหน้าคณะสำรวจ เอียน สตราชาน ภาพที่พวกเขาบันทึกไว้ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางโดย บีบีซี และ ซีเอ็นเอ็น[7] ในช่วงต้นเดือนเมษายน ค.ศ. 2024 ภูเขาน้ำแข็งได้เข้าสู่กระแสน้ำหมุนรอบแอนตาร์กติก แต่ยังคงอยู่ในที่เดิมเนื่องจากติดอยู่ในเทย์เลอร์คอลัมน์ — ซึ่งได้รับการยืนยันในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2024 — เหนือภูเขาใต้ทะเลแบงก์พิรี ใกล้หมู่เกาะเซาท์ออร์คนีย์ห่างจากคาบสมุทรแอนตาร์กติกประมาณ 375 ไมล์ โดยหมุนทวนเข็มนาฬิกาประมาณ 15 องศาในแต่ละวัน[8][9][10] ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2024 บริติชแอนตาร์กติกเซอร์เวย์ (BAS) รายงานว่า ภูเขาน้ำแข็งได้ออกจากเทย์เลอร์คอลัมน์ และเริ่มเคลื่อนที่ไปทางเหนือผ่านมหาสมุทรใต้[11]
บีเอเอสคาดว่า A23a จะตามกระแสน้ำหมุนเวียนรอบแอนตาร์กติกไปยังเกาะเกาะเซาท์จอร์เจียในมหาสมุทรแอตแลนติกใต้ ที่ซึ่งมันจะเผชิญกับน้ำที่อุ่นขึ้นและแตกออกเป็นภูเขาน้ำแข็งขนาดเล็กลง[12]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Antarctic Iceberg Sails Away". NASA Earth Observatory. 28 November 2023.
- ↑ 2.0 2.1 Amos, Jonathan (24 November 2023). "A23a: World's biggest iceberg on the move after 30 years". BBC News.
- ↑ "Largest iceberg (current)". Guinness World Records. 23 February 2024. สืบค้นเมื่อ 14 December 2024.
- ↑ Shabad, Theodore (22 February 1987). "Russians Recover Lost Ice Station". The New York Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 March 2014. สืบค้นเมื่อ 4 August 2024.
- ↑ Smith, Stephen (24 November 2023). "World's largest iceberg – 3 times the size of New York City – "on the move" for the first time in 37 years". CBS News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 25 November 2023.
- ↑ 6.0 6.1 6.2 Amos, Jonathan (4 December 2023). "Attenborough ship encounters mammoth iceberg". BBC News.
- ↑ Amos, Jonathan (16 January 2024). "A23a: Spectacular arches, caves as monster iceberg decays". BBC News (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 22 January 2024.
- ↑ Tumin, Remy (7 August 2024). "After Breaking Free, World's Largest Iceberg Is Stuck Spinning in Circles". The New York Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 August 2024. สืบค้นเมื่อ 10 August 2024.
- ↑ Amos, Jonathan; Rivault, Erwan (4 August 2024). "World's biggest iceberg spins in ocean trap". BBC News. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 August 2024.
- ↑ Kim, Juliana (10 August 2024). "The world's largest iceberg is stuck twirling in an ocean vortex". NPR. สืบค้นเมื่อ 14 December 2024.
- ↑ Sandeman, George (14 December 2024). "World's biggest iceberg heads north after escaping vortex". BBC News. สืบค้นเมื่อ 14 December 2024.
- ↑ "World's largest iceberg A23a breaks free". British Antarctic Survey (Press release). 13 December 2024. สืบค้นเมื่อ 14 December 2024.