ข้ามไปเนื้อหา

โชโกลาเต

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
โชโกลาเต
ประเทศต้นกำเนิด ฟิลิปปินส์
สีน้ำตาล
รสชาติช็อกโกแลต
ส่วนผสมช็อกโกแลต นม (หรือ น้ำ) น้ำตาล
สินค้าที่เกี่ยวข้องช็อกโกแลตร้อน

โชโกลาเต (ตากาล็อก: Tsokolate สัทอักษรสากล: [tʃoko'late] choh-koh-lah-teh บางครั้งสะกดว่า chocolate) เป็นเครื่องดื่มช็อกโกแลตร้อนของฟิลิปปินส์ โชโกลาเต ทำจากเมล็ดโกโก้ที่คั่วและอัดเป็นก้อนซึ่งเรียกว่า ตับลียา (tabliya) ซึ่งนำไปละลายในน้ำและนม ตามธรรมเนียมแล้วโชโกลาเตจะทำในกาเฉพาะที่เรียกว่า โชโกลาเตรา และคนอย่างแรงให้เข้ากันด้วยไม้คนที่เรียกว่าโมลีนิลโล คล้ายคลึงกับช็อกโกแลตร้อนแบบสเปนหรือแบบเม็กซิโก ซึ่งจะทำให้เครื่องดื่มที่ได้มีฟองฟูทั่ว โชโกลาเต จะปรุงแต่งรสให้หวานโดยใช้น้ำตาลมัสโกวาโด และมีเนื้อสัมผัสที่หยาบเป็นเอกลักษณ์[1][2]

โชโกลาเต นิยมดื่มในมื้อเช้าเคียงกับขนมหวานที่เรียกว่า กากานิน ขนมปัง ปันเดซัล หรือขนมอบอื่น ๆ นอกจากนี้ยังนิยมดื่มในช่วงเทศกาลคริสต์มาส โดยเฉพาะเด็ก[2][3]

ชื่อ

[แก้]

โชโกลาเต ในภาษากาปัมปางัน เรียกว่า ซุกลาตี (suklati) ในภาษามากินดาเนา เรียกว่า ซีกูลาเต (sikulate) และในภาษากลุ่มวิซายัน เรียกว่า ซิกวาเต (sikwate) หรือ ซีกูวาเต (sikuwate) ซึ่งต่างก็มีรากศัพท์มาจาก โชโกลาเต (chocolate) ในภาษาสเปน ซึ่งมาจาก โชโกลัตล์ (xocolātl) ในภาษานาวัตล์[1]

ตับลียา

[แก้]
ก้อนตับลียา ชัมโปราโด และ โชโกลาเต

ตับลียา (tabliya) ตับเลยา (tableya) หรือตับเลอา (tablea) เป็นชื่อเรียกเม็ดหรือก้อนโกโก้ที่ได้จากการคั่ว บด และอัดเองภายในบ้าน ชื่อนี้มาจากคำว่า ตาบลิยา (tablilla) ในภาษาสเปน การทำ ตับลียา จะเริ่มต้นจากการนำเมล็ดจากผลโกโก้สุกไปตากแห้งสองถึงสามวัน จากนั้นจึงนำไปกะเทาะเปลือกและคั่ว แล้วจึงนำไปบดให้เหลวข้นเป็นเนื้อเดียวกัน ปั้นขึ้นรูปเป็นแผ่นหรือก้อน แล้วนำไปผึ่งให้แห้ง[4][5][6]

ตับลียา ยังสามารถนำไปใช้ทำอาหารหวานชนิดอื่นนอกเหนือจาก โชโกลาเต ได้ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ ชัมโปราโด ซึ่งเป็นข้าวต้มที่ทำจากข้าวเหนียวปรุงรสช็อกโกแลต[4][7]

การเตรียม โชโกลาเต

[แก้]
โชโกลาเต เคียงกับขนม ซูมัน และมะม่วงคาราบาวสุก

โชโกลาเต ตามธรรมเนียมดั้งเดิมจะเริ่มต้นจากการต้มน้ำและนมในกาคอสูงที่เรียกว่า โชโกลาเตรา โดยเมื่อเริ่มเกิดฟองแล้วจะยก โชโกลาเตรา ออกจากไฟแล้วใส่ก้อน ตับลียา ลงไปสองสามก้อน จากนั้นจึงเติมน้ำตาลมัสโกวาโด นมหรือครีมเพิ่มลงไปตามชอบ หลังจากนั้นจึงใช้ไม้คนที่เรียกว่า โมลีนิลโล สอดเข้าไปทางด้านบนแล้วใช้ฝ่ามือสองข้างปั่นหมุน โมลีนิลโล อย่างรวดเร็วเพื่อตีฟอง แล้วจึงรินเสิร์ฟในถ้วย[8][9]

ในยุคปัจจุบันอาจจะใช้อุปกรณ์ชนิดอื่นเช่นที่ตีไข่ เครื่องปั่น หรือเครื่องทำฟองนมเพื่อตีฟองแทน โมลีนิลโล ได้ นอกจากนี้ยังสามารถเติมส่วนผสมอื่นลงไปได้ เช่น อบเชย วานิลลา ข้าวเม่าแบบฟิลิปปินส์ที่เรียกว่า ปีนีปิก หรือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างรัม หรือเตกิลา เป็นต้น อย่าง���รก็ตาม ช็อกโกแลตที่ใช้ต้องอยู่ในรูป ตับลียา เท่านั้น ผงโกโก้นำมาใช้แทนไม่ได้เนื่องจากจะให้เนื้อสัมผัสหรือรสชาติที่ไม่เหมือนกับเมื่อใช้ ตับลียา[2][3][9]

คุณค่าเชิงวัฒนธรรม

[แก้]

โชโกลาเต นิยมดื่มในมื้อเช้าหรืออาหารว่างมื้อบ่าย อาหารที่นิยมรับประทานเคียงกับ โชโกลาเต ได้แก่ ปันเดซัล ปูโตมายา ปูโตบุมโบง ชูร์โร เอนไซมาดา บุนยูเอโล ซูมัน เคโซงปูติ และ บีบิงกา เป็นต้น นอกจากนี้ยังนิยมดื่มในช่วงเทศกาลคริสต์มาส โดยเฉพาะเด็ก[2]

ในนวนิยาย อันล่วงละเมิดมิได้ โดยโฮเซ รีซัล นักเขียนคนสำคัญและวีรบุรุษแห่งประเทศฟิลิปปินส์ บาทหลวงซัลวีซึ่งเป็นตัวร้ายของเรื่องถูกกล่าวหาว่าจงใจเสิร์ฟ โชโกลาเต ที่เข้มข้น (espeso) ให้แขกคนสำคัญ และเสิร์ฟอย่างเจือจาง (aguado) ให้แขกที่เขาคิดว่าไม่สำคัญ โดยพูดเป็นนัยกับคนรับใช้ว่า "chocolate, eh?" หรือ "chocolate, ah?" โดยที่ "eh" และ "ah" ที่จริงแล้วนั้นย่อมาจาก espeso และ aguado ผู้บรรยายในเรื่องเล่าว่าไม่แน่ใจว่าเป็นแค่ข้อเหยียดหยันหรือไม่เพราะว่าเรื่องเล่าแบบเดียวกันก็ถูกใช้กับบาทหลวงคนอื่น ๆ หรืออาจจะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของคณะฟรันซิสกันที่บาทหลวงซัลวีสังกัดอยู่ก็ได้ วลี "Chocolate Eh" และ "Chocolate Ah" จากนวนิยายเรื่องนี้ได้ถูกร้านอาหารบางแห่งนำไปปรับใช้[10]

ดูเพิ่ม

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 Polistico, Edgie (2017). Philippine Food, Cooking, & Dining Dictionary. Anvil Publishing, Incorporated. ISBN 9786214200870.
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 Cabrera, Maryanne (January 27, 2018). "sokolate (Filipino Hot Chocolate)". The Little Epicurean. สืบค้นเมื่อ December 13, 2018.
  3. 3.0 3.1 "Tsokolate". Kawaling Pinoy. December 8, 2014. สืบค้นเมื่อ December 13, 2018.
  4. 4.0 4.1 "Home-based business idea: How to make 'tablea'". Entrepreneur Philippines. December 12, 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-12-14. สืบค้นเมื่อ December 13, 2018.
  5. Sarmiento, Prime (October 14, 2017). "Filipinos' love of chocolates helps to revive cacao industry". Nikkei Asian Review. สืบค้นเมื่อ December 13, 2018.
  6. Perez, Ace June Rell S. (October 4, 2015). "Redefining the taste of tablea". SunStar Philippines. สืบค้นเมื่อ December 13, 2018.
  7. "Tablea Tsokolate or Cacao Chocolate". Batangas-Philippines.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 23, 2020. สืบค้นเมื่อ December 13, 2018.
  8. "Batidor, Batirol, Molinillo, Chocolatera, atbp". Market Manila. August 18, 2007. สืบค้นเมื่อ December 13, 2018.
  9. 9.0 9.1 Garcia, Bianca (January 4, 2012). "How to Make Tsokolate (Filipino Hot Chocolate)… and a Giveaway!". Confessions of a Chocoholic. สืบค้นเมื่อ December 13, 2018.
  10. Santos-Taylor, L. Marcelline (2017). "Soul Comforts: Kapeng Barako and Tsokolate". ใน Maranan, Edgar; Maranan-Goldstein, Len (บ.ก.). A Taste of Home: Pinoy Expats and Food Memories. Anvil Publishing, Incorporated. ISBN 9789712733031.