เหรียญรัตนาภรณ์
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
เหรียญรัตนาภรณ์ | |
---|---|
มอบโดย พระมหากษัตริย์ไทย | |
ประเภท | เหรียญราชอิสริยาภรณ์อันเป็นบำเหน็จในพระองค์พระมหากษัตริย์ |
วันสถาปนา | พ.ศ. 2412 |
ประเทศ | ราชอาณาจักรไทย |
จำนวนสำรับ | ไม่จำกัดจำนวน |
มอบเพื่อ | พระราชทานตามพระราชอัธยาศัย |
สถานะ | ยังพระราชทานอยู่ |
ผู้สถาปนา | พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
ประธาน | พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว |
สถิติการมอบ | |
รายแรก | พระยาชลยุทธโยธินทร์ 26 มกราคม พ.ศ. 2445 |
รายล่าสุด | พล.อ.ต. วีระ สุรเศรณีวงศ์ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2567 |
ลำดับเกียรติ | |
สูงกว่า | ไม่มี (เหรียญบำเหน็จในพระองค์พระมหากษัตริย์ลำดับสูงสุด) |
รองมา | เหรียญราชรุจิ |
เหรียญรัตนาภรณ์ เป็นเหรียญราชอิสริยาภรณ์อันเป็นบำเหน็จในพระองค์พระมหากษัตริย์ สถาปนาขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2412 โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สำหรับพระราชทานผู้ที่ทำความดีความชอบทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน ทั้งส่วนราชการและส่วนพระองค์ เดิมชื่อ เหรียญรจนาภรณ์ และเปลี่ยนชื่อเป็นเหรียญรัตนาภรณ์ ในปี พ.ศ. 2416 มีทั้งหมด 5 ลำดับชั้น
ตามธรรมเนียมในอดีต ผู้ที่ได้รับพระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ จะได้รับพระราชทานเครื่องยศประกอบในชั้นต่าง ๆ เหมือนเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าด้วย ดังนี้
- ชั้นที่ 1 ได้รับพระราชทาน พานหมากทองคำ และ หีบหมากทองคำ
- ชั้นที่ 2 ได้รับพระราชทาน พานหมากทองคำ
- ชั้นที่ 3 ได้รับพระราชทาน หีบหมากทองคำ
- ชั้นที่ 4 ได้รับพระราชทาน หีบหมากเงินกะไหล่ทอง
- ชั้นที่ 5 ได้รับพระราชทาน หีบหมากเงิน
ปัจจุบันได้ยกเลิกการพระราชทานเครื่องยศไปแล้ว
ประวัติ
[แก้]เหรียญรัตนาภรณ์เป็นเหรียญราชอิสริยาภรณ์ที่สร้างขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ. 2412 สำหรับพระราชทานเป็นบำเหน็จความชอบในพระองค์และในการช่าง เดิมชื่อ "เหรียญรจนาภรณ์" ซึ่งเป็นชั้นที่1 และ เหรียญบุษปมาลาซึ่งเป็นชั้นที่2 ภายหลังจากการการตราพระราชบัญญัติเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ. 2416 จึงเปลี่ยนชื่อเป็น "เหรียญรัตนาภรณ์" แต่การสถาปนาเหรียญรัตนาภรณ์ในครั้งนั้นก็ไม่ได้พระราชทานให้ผู้ใดมากกว่า 20 ปี[1]
จนกระทั่ง พ.ศ. 2444 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปรารภถึงเจ้านายและข้าราชการ ซึ่งตามเสด็จประพาสเกาะชวาต้องลำบากตรากตรำ เพื่อช่วยกันพยาบาลสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมขุนนครราชสีมา ซึ่งประชวรหนักอยู่เกือบเดือน พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเหรียญรัตนาภรณ์ขึ้นใหม่ โดยให้แบ่งออกเป็น 5 ขั้น เพื่อพระราชทานเป็นบำเหน็จความชอบแก่ผู้โดยเสด็จในครั้งนั้นทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน และพระราชทานแก่ผู้อื่นเป็นบำเหน็จความชอบอย่างอื่นต่อมา
ในปี พ.ศ. 2447 เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี วันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 4 ขึ้นอีกอย่างหนึ่ง สำหรับพระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการผู้รับราชการมาในรัชกาลที่ 4 หรือผู้เป็นสมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ หลังจากนั้น ได้มีการสถาปนาเหรียญรัตนาภรณ์ขึ้นในทุกรัชกาลจนถึงปัจจุบัน
ลักษณะ
[แก้]ลักษณะตัวเหรียญ
[แก้]เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 4
[แก้]เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 4 สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2447 โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี วันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีลักษณะเป็นวงกลม มีอักษรพระบรมนามาภิไธย ม.ป.ร. อยู่ในพวงมาลาเป็นรูปวงกลมและมีหูสำหรับร้อยแพรแถบ โดยแบ่งออกเป็น 5 ชั้น[2][3] ได้แก่
- ชั้นที่ 1 ย่อว่า ม.ป.ร.๑ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ม.ป.ร. เรือนเงินประดับเพชรล้วน
- ชั้นที่ 2 ย่อว่า ม.ป.ร.๒ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ม.ป.ร. ลงยาราชาวดีสีแดง ขอบพวงมาลาประดับเพชร
- ชั้นที่ 3 ย่อว่า ม.ป.ร.๓ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ม.ป.ร. ลงยาราชาวดีสีแดง ขอบเป็นทองคำ
- ชั้นที่ 4 ย่อว่า ม.ป.ร.๔ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ม.ป.ร. ทองคำล้วน
- ชั้นที่ 5 ย่อว่า ม.ป.ร.๕ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ม.ป.ร. เงินล้วน
สำหรับสตรีใช้ผูกเป็นรูปแมลงปอ ส่วนบุรุษใช้กลัดอกเสื้อ
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 5
[แก้]เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 5 สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2444 โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีลักษณะเป็นวงกลม มีอักษรพระบรมนามาภิไธย จ.ป.ร. อยู่ในพวงมาลาเป็นรูปวงกลมและมีหูสำหรับร้อยแพรแถบ โดยแบ่งออกเป็น 5 ชั้น[4] ได้แก่
- ชั้นที่ 1 ย่อว่า จ.ป.ร.๑ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย จ.ป.ร. เรือนเงินประดับเพชรล้วน
- ชั้นที่ 2 ย่อว่า จ.ป.ร.๒ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย จ.ป.ร. ลงยาราชาวดีสีแดง ขอบพวงมาลาประดับเพชร
- ชั้นที่ 3 ย่อว่า จ.ป.ร.๓ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย จ.ป.ร. ลงยาราชาวดีสีแดง ขอบเป็นทองคำ
- ชั้นที่ 4 ย่อว่า จ.ป.ร.๔ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย จ.ป.ร. ทองคำล้วน
- ชั้นที่ 5 ย่อว่า จ.ป.ร.๕ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย จ.ป.ร. เงินล้วน
เหมือนกันทั้ง 5 ชั้น สำหรับสตรีใช้ผูกเป็นรูปแมลงปอ ส่วนบุรุษใช้กลัดอกเสื้อ
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6
[แก้]เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2453 โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีลักษณะเป็นรูปไข่ มีอักษรพระบรมนามาภิไธย ว.ป.ร. อยู่ในพวงมาลาและมีหูสำหรับร้อยแพรแถบ โดยแบ่งออกเป็น 5 ชั้น[5] ได้แก่
- ชั้นที่ 1 ย่อว่า ว.ป.ร.๑ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ว.ป.ร. เรือนเงินประดับเพชรล้วน
- ชั้นที่ 2 ย่อว่า ว.ป.ร.๒ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ว.ป.ร. ลงยาราชาวดีสีดำ ขอบพวงมาลาประดับเพชร
- ชั้นที่ 3 ย่อว่า ว.ป.ร.๓ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ว.ป.ร. ลงยาราชาวดีสีดำ ขอบลงยาราชาวดีสีแดง
- ชั้นที่ 4 ย่อว่า ว.ป.ร.๔ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ว.ป.ร. ทองคำ ขอบลงยาราชาวดีสีแดง
- ชั้นที่ 5 ย่อว่า ว.ป.ร.๕ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ว.ป.ร. ทอง ขอบสร่งเงิน
-
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 1
-
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 2
-
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 3
-
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 4
-
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 5
เหมือนกันทั้ง 5 ชั้น สำหรับสตรีใช้ผูกเป็นรูปแมลงปอ ส่วนบุรุษใช้กลัดอกเสื้อ
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7
[แก้]เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2469 โดยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว มีลักษณะเป็นวงรี มีอักษรพระบรมนามาภิไธย ป.ป.ร. อยู่ในขอบวงรีหยิกทแยงสี่แง่และมีหูสำหรับร้อยแพรแถบ โดยแบ่งออกเป็น 5 ชั้น[6] ได้แก่
- ชั้นที่ 1 ย่อว่า ป.ป.ร.๑ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ป.ป.ร. เรือนเงินประดับเพชรทั้งดวง หูทองคำ
- ชั้นที่ 2 ย่อว่า ป.ป.ร.๒ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ป.ป.ร. ทองคำลงยาสีเขียว ขอบเรือนเงินประดับเพชร หูทองคำ
- ชั้นที่ 3 ย่อว่า ป.ป.ร.๓ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ป.ป.ร. ทองคำลงยาสีเขียว ขอบเรือนเพชรสร่งเงิน หูทองคำ
- ชั้นที่ 4 ย่อว่า ป.ป.ร.๔ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ป.ป.ร. ทองคำ ขอบเรือนเพชรสร่งเงิน หูทองคำ
- ชั้นที่ 5 ย่อว่า ป.ป.ร.๕ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ป.ป.ร. เงิน ขอบเรือนเพชรสร่งเงิน หูทองคำ
-
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 1
-
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 2
-
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 3
-
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 4
-
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 5
เหมือนกันทั้ง 5 ชั้น สำหรับสตรีใช้ผูกเป็นรูปแมลงปอ ส่วนบุรุษใช้กลัดอกเสื้อ
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 8
[แก้]เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 8 สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2480 สำหรับพระราชทานเป็นส่วนพระองค์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร มีลักษณะเป็นวงกลม มีอักษรพระบรมนามาภิไธย อ.ป.ร. อยู่ในขอบวงกลมซึ่งมีรัศมีและมีหูสำหรับร้อยแพรแถบ โดยแบ่งออกเป็น 5 ชั้น[7] ได้แก่
- ชั้นที่ 1 ย่อว่า อ.ป.ร.๑ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย อ.ป.ร. เรือนเงินประดับเพชรทั้งดวง หูทองคำ
- ชั้นที่ 2 ย่อว่า อ.ป.ร.๒ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย อ.ป.ร. ทองคำลงยาสีแดง ขอบเรือนเงินประดับเพชร หูทองคำ
- ชั้นที่ 3 ย่อว่า อ.ป.ร.๓ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย อ.ป.ร. ทองคำลงยาสีแดง ขอบเพชรสร่งเงิน หูทองคำ
- ชั้นที่ 4 ย่อว่า อ.ป.ร.๔ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย อ.ป.ร. ทองคำ ขอบเพชรสร่งเงิน หูเงิน กาไหล่ทอง
- ชั้นที่ 5 ย่อว่า อ.ป.ร.๕ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย อ.ป.ร. เงิน ขอบเพชรสร่งเงิน หูเงิน กาไหล่ทอง
-
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 8 ชั้นที่ 1
-
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 8 ชั้นที่ 2
-
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 8 ชั้นที่ 3
-
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 8 ชั้นที่ 4
-
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 8 ชั้นที่ 5
เหมือนกันทั้ง 5 ชั้น สำหรับสตรีใช้ผูกเป็นรูปแมลงปอ ส่วนบุรุษใช้กลัดอกเสื้อ
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9
[แก้]เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2495 สำหรับพระราชทานเป็นส่วนพระองค์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีลักษณะเป็นวงกลม มีอักษรพระบรมนามาภิไธย ภ.ป.ร. อยู่ในขอบวงกลมซึ่งมีรัศมีและมีหูสำหรับร้อยแพรแถบ โดยแบ่งออกเป็น 5 ชั้น[8] ได้แก่
- ชั้นที่ 1 ย่อว่า ภ.ป.ร.๑ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ภ.ป.ร. ขอบเรือนเงินประดับเพชรทั้งดวง
- ชั้นที่ 2 ย่อว่า ภ.ป.ร.๒ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ภ.ป.ร. ทองคำลงยาสีขาว ขอบเรือนเงินประดับเพชร
- ชั้นที่ 3 ย่อว่า ภ.ป.ร.๓ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ภ.ป.ร. ทองคำลงยาสีขาว ขอบเรือนทองคำ
- ชั้นที่ 4 ย่อว่า ภ.ป.ร.๔ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ภ.ป.ร. ทองคำ ขอบเพชรสร่งเงิน
- ชั้นที่ 5 ย่อว่า ภ.ป.ร.๕ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ภ.ป.ร. เงิน ขอบเพชรสร่งเงิน
-
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 1
-
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 2
-
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 3
-
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 4
-
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 5
สำหรับสตรีใช้ผูกเป็นรูปแมลงปอ ส่วนบุรุษใช้กลัดอกเสื้อ
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลปัจจุบัน
[แก้]เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลปัจจุบัน สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2562 สำหรับพระราชทานเป็นส่วนพระองค์พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน มีลักษณะเป็นวงกลม มีอักษรพระบรมนามาภิไธย ว.ป.ร. อยู่ในขอบวงกลมซึ่งมีรัศมีและมีหูสำหรับร้อยแพรแถบ โดยแบ่งออกเป็น 5 ชั้น[9] ได้แก่
- ชั้นที่ 1 ย่อว่า ว.ป.ร.๑ มีลักษณะเป็น อักษรพระปรมาภิไธย ว.ป.ร. ทองคำประดับเพชรทั้งดวง
- ชั้นที่ 2 ย่อว่า ว.ป.ร.๒ มีลักษณะเป็น อักษรพระปรมาภิไธย ว.ป.ร. ทองคำลงยาสีขาว ขอบเรือนเงินประดับเพชร
- ชั้นที่ 3 ย่อว่า ว.ป.ร.๓ มีลักษณะเป็น อักษรพระปรมาภิไธย ว.ป.ร. กาไหล่ทองลงยาสีขาว ขอบสร่งทองคำ
- ชั้นที่ 4 ย่อว่า ว.ป.ร.๔ มีลักษณะเป็น อักษรพระปรมาภิไธย ว.ป.ร. กาไหล่ทอง ขอบสร่งเงิน
- ชั้นที่ 5 ย่อว่า ว.ป.ร.๕ มีลักษณะเป็น อักษรพระปรมาภิไธย ว.ป.ร. เงิน ขอบสร่งเงิน
-
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 10 ชั้นที่ 1
-
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 10 ชั้นที่ 2
-
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 10 ชั้นที่ 3
-
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 10 ชั้นที่ 4
-
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 10 ชั้นที่ 5
สำหรับสตรีใช้ผูกเป็นรูปแมลงปอ ส่วนบุรุษใช้กลัดอกเสื้อ
ลักษณะแพรแถบย่อ
[แก้]แพรแถบย่อ | ชื่อ | ลักษณะ |
---|---|---|
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 4 | พื้นสีเหลือง ริมขลิบสีเขียวและสีแดง | |
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 5 | ริ้วสีขาวซึ่งอยู่ระหว่างกลางริ้วแดง 2 ข้างขนาดเท่ากัน | |
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 | พื้นสีเหลือง มีริ้วดำ 2 ข้าง | |
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 | พื้นสีเหลือง มีริ้วเขียว 2 ข้าง | |
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 8 | พื้นสีเหลือง มีริ้วแดง 2 ข้าง | |
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 | พื้นสีเหลือง มีริ้วขาว 2 ข้าง | |
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 10 | พื้นสีเหลือง มีริ้วขาว 2 ริ้ว 2 ข้าง |
-
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 1
-
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 5
-
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 3
-
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 4 (สำหรับสตรี)
-
แผงเหรียญราชอิสริยาภรณ์รวมถึงเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 10 ชั้นที่ 3 (ลำดับที่ 4 จากซ้าย) ประดับร่วมกับเหรียญราชอิสริยาภรณ์ชนิดต่าง ๆ
การพระราชทาน
[แก้]เหรียญรัตนาภรณ์จัดเป็นเหรียญราชอิสริยาภรณ์อันเป็นบำเหน็จในพระองค์พระมหากษัตริย์ นับเป็นเครื่องหมายในพระมหากรุณาส่วนพระองค์ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะพระราชทานแก่ผู้ใดก็แล้วแต่จะทรงพระราชดำริเห็นสมควร ผู้ที่ได้รับพระราชทานจะได้รับประกาศนียบัตรทรงลงพระปรมาภิไธยและประทับพระราชลัญจกรประจำพระองค์กำกับไว้ หากได้รับพระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ในชั้นที่สูงขึ้นต้องส่งเหรียญดวงเดิมคืน
หากผู้ได้รับพระราชทานเหรียญวายชนม์ จะพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ทายาทเก็บเหรียญเอาไว้เป็นเกียรติยศ และ เป็นเครื่องหมายเพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณได้ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สามารถนำเหรียญร้อยสร้อยสวมคอหรือประดับโดยวิธีอื่นที่เหมาะได้ แต่จะนำไปร้อยแพร���ถบเพื่อเอาไปประดับกับเสื้อไม่ได้ นอกจากนี้ยังสามารถเขียนอักษรย่อของเหรียญที่ได้รับพระราชทานไว้ท้ายชื่อได้อีกด้วย
พัดรัตนาภรณ์
[แก้]พัดรัตนาภรณ์เป็นพัดประจำรัชกาลของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี เริ่มมีขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อถวายพระสงฆ์ที่ทรงเคารพนับถือและทรงคุ้นเคยเป็นการส่วนพระองค์โดยเฉพาะ ในทำนองเดียวกันกับที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์แก่บุคคลทางฝ่ายอาณาจักร นอกจากนี้ยังทรงถวายพัดดังกล่าวแก่พระพุทธรูปสำคัญเพื่อเป็นพุทธบูชาอีกด้วย
พัดรัตนาภรณ์ถือว่าเป็นตาลปัตรพัดยศชนิดหนึ่ง ใช้ได้เฉพาะพระสงฆ์ที่ได้รับพระราชทานเท่านั้น และใช้เฉพาะเมื่อถวายอนุโมทนาในงานพระราชพิธีฉัตรมงคลเพียงงานเดียว ลักษณะของพัดโดยรวมเป็นพัดหน้านางรูปไข่ ลวดลายพัดจำลองมาจากลวดลายของเหรียญรัตนาภรณ์ในแต่ละรัชกาล และมีการแบ่งลำดับชั้นของพัดเช่นเดียวกับเหรียญรัตนาภรณ์
-
พัดรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6
-
พัดรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 1
-
พัดรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 1
อ้างอิง
[แก้]- ↑ สมเด็จกรมพระยาดำรงเดชานุภาพ, หน้า 174
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, การบำเพ็ญพระราชกุศล ในอภิลักขิตสมัย นับจำเดิมแต่วันพระบรมมหาประสูตรกาลในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวบรรจบครบ ๑๐๐ ปี, เล่ม ๒๑, ตอน ๑๒, ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๔๗, หน้า ๕๖๐
- ↑ สมเด็จกรมพระยาดำรงเดชานุภาพ, หน้า 175
- ↑ สมเด็จกรมพระยาดำรงเดชานุภาพ, หน้า 176
- ↑ สมเด็จกรมพระยาดำรงเดชานุภาพ, หน้า 177
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ ๗ พุทธศักราช ๒๔๖๙, เล่ม ๔๓, ตอน ๐ ก, ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๙, หน้า ๕๐๓
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ ๘ พุทธศักราช ๒๔๘๐, เล่ม ๕๔, ตอน ๐ ก, ๒๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๐, หน้า ๙๔๒
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ ๙ พ.ศ. ๒๔๙๕, เล่ม ๖๙, ตอน ๕๕ ก ฉบับพิเศษ, ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๕, หน้า ๑
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ ๑๐ พ.ศ. ๒๕๖๒ , เล่ม ๖๙, ตอน ๙๔ ก, ๓๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒, หน้า ๑-๓
หนังสือ
[แก้]- สมเด็จกรมพระยาดำรงเดชานุภาพ, ตำนานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า, โรงพิมพ์พระจันทร์, พ.ศ. 2512