ข้ามไปเนื้อหา

ยางยืดออกกำลังกาย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ชุดยางยืดออกกำลังกาย

ยางยืดออกกำลังกาย[1][2] (อังกฤษ: resistance band) เป็นยางยืดที่ใช้สำหรับฝึกความแข็งแรง ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับกายภาพบำบัด[3] โดยเฉพาะผู้ที่กำลังฟื้นตัวจากการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ รวมถึงผู้ป่วยฟื้นฟูหัวใจ โดยช่วยให้ฟื้นฟูความแข็งแรงอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ประวัติ

[แก้]

ยางยืดมีต้นกำเนิดในช่วงต้นศตวรรษที่ 20[ต้องการอ้างอิง] เดิมทำมาจากท่อยางที่ใช้ทางการแพทย์ โดยใช้ออกกำลังกายเพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้อ ปัจจุบันมีการนำยางยืดมาใช้อย่างแพร่หลายโดยเป็นส่วนหนึ่งของการออกกำลังกายทั่ว ๆ ไปและการฝึกความแข็งแรง ยางยืดมีข้อดีคือใช้งานได้อย่างยืดหยุ่นและมีน้ำหนักเบา จึงเป็นที่นิยม[ต้องการอ้างอิง]

โดยทั่วไป ยางยืดจะมีรหัสสีเพื่อแสดงระดับความต้านทานที่ต่างกัน ซึ่งผู้ใช้ต้องเลือกระดับที่เหมาะสมกับตน รหัสสีอาจแตกต่างกันไปสำหรับแต่ละยี่ห้อ[4]

อนึ่ง ยังมียางยืดแบบเป็นวง แบบเป็นท่อยางทั้งที่มีที่จับและไม่มี บางแบบยังสามารถติดกับที่จับได้[ต้องการอ้างอิง]

ยางยืดนั้นใช้งานง่าย[5] มีน้ำหนักเบา พกพาได้ง่ายเมื่อเดินทาง ด้วยเหตุนี้จึงนำมาใช้ฝึกความแข็งแรงได้เป็นประจำและต่อเนื่อง

แม้การออกกำลังกายด้วยยางยืดจะมีหลายรูปแบบ แต่ปัจจัยหลักในการเพิ่มระดับการออกกำลังกายคือแรงดึงของยางและจำนวนครั้งที่ทำซ้ำ[6][7] ในปี 2014 นักวิจัยพบว่าเบนช์เพรส (อังกฤษ: Bench press) และการวิดพื้นโดยใช้ยางยืด ด้วยแรงดันเท่ากัน ก็จะทำให้แข็งแรงได้เท่ากัน[8][9]

ชนิด

[แก้]

ตัวอย่างชนิดของยางยืดที่พบ คือ[10]

ชนิด รายละเอียด ใช้สำหรับ
Therapy band ยางยืด ไม่มีที่จับ การฟื้นฟูสภาพร่างกาย
Compact resistance band มีที่จับพลาสติกอยู่ที่ปลายของยางยืด ร่างกายทั้งส่วนบนส่วนล่าง
Flat loop band ยางยืดแบน ทำเป็นวงเหมือนหนังยาง ร่างกายส่วนล่าง
Figure-8 band ยางยืดสั้น ทำเป็นตัวเลข 8 มีที่จับสองข้าง ร่างกายส่วนบน
Ring resistance band ยางยืดที่ทำเป็นวง มีที่จับนิ่มสองด้าน ร่างกายส่วนล่าง
Lateral resistance band สายรัดข้อเท้าติดด้วยตีนตุ๊กแก สองข้างเชื่อมกันด้วยยางยืด ร่างกายส่วนล่าง

เชิงอรรถและอ้างอิง

[แก้]
  1. วิวรรธนมุกดา, ปภัชญา (2019-03-29). "ผลงานนวัตกรรม เรื่อง นวัตกรรมยางยืดออกกาลังกาย (resistance band)" (PDF). สานักงานผู้อำนวยการ โรงพยาบาลวชิรพยาบาล คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 2024-11-16.
  2. "ธารา คลินิกกายภาพบำบัด Tara Physical Therapy Clinic Pattaya". Facebook. สืบค้นเมื่อ 2024-11-16. ยางยืดออกกำลังกาย (Resistance Band) สามารถนำมาใช้ออกกำลังกายแทนหรือเสริมกับดัมเบลได้ โดยใช้แรงต้านจากยางยืดมาทำให้กล้ามเนื้อออกแรง
  3. "Resistance Band Training for Strength". Mass General Brigham Incorporated. สืบค้นเมื่อ 2024-07-22.
  4. "Is the Chest Expander a Good Exercise?". Healthy Living (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2023-03-04.[ลิงก์เสีย]
  5. "Resistance Bands: Put Some Snap In Your Strength Training". Cleveland Clinic (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2022-05-04. สืบค้นเมื่อ 2023-03-04.
  6. Kennett, John Edward (2006) The Resistance Band Workout, Paragon Inc.,
  7. McNeely, Ed; McNeely, Edward; Sandler, David (2006). The Resistance Band Workout Book. Short Hills, NJ: Burford Books. ISBN 978-1-58080-138-6. OCLC 68965639.
  8. Gentil, Paulo (2020-07-07). "Resistance Training in Face of the Coronavirus Outbreak: Time to Think Outside the Box". Frontiers in Physiology. 11: 859. doi:10.3389/fphys.2020.00859. PMC 7358585. PMID 32733287.
  9. Calatayud, J (2014-06-01). "Bench Press and Push-up at Comparable Levels of Muscle Activity Results in Similar Strength Gains". The Journal of Strength & Conditioning Research. สืบค้นเมื่อ 2020-12-15.
  10. "Resistance Bands: 3 Great Ways to Build Upper Body Strength". health.harvard.edu. สืบค้นเมื่อ 2016-04-08.