มณเฑียร สงฆ์ประชา
มณเฑียร สงฆ์ประชา | |
---|---|
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชัยนาท เขต 2 | |
เริ่มดำรงตำแหน่ง 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 (ข้อผิดพลาด: แม่แบบ:อายุปีและวัน รองรับเฉพาะปีพุทธศักราช หากใช้เป็นคริสต์ศักราช กรุณาใช้ แม่แบบ:Age in years and days) | |
ก่อนหน้า | นันทนา สงฆ์ประชา |
คะแนนเสียง | 52,205 (54.35%) |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 |
พรรคการเมือง | ชาติไทย (2539–2550) พลังประชารัฐ (2561–2565) ภูมิใจไทย (2565–ปัจจุบัน) |
คู่สมรส | นฤพร ภู่สอน[1] |
มณเฑียร สงฆ์ประชา (เกิด 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500) เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชัยนาท 4 สมัย และเป็นอดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดชัยนาท
ประวัติ
[แก้]มณเฑียร สงฆ์ประชา เกิดเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 เป็นบุตรของนายบุญธง สงฆ์ประชา อดีต ส.ส. ชัยนาท และนางจันทร์เพ็ญ สงฆ์ประชา มีพี่น้อง 5 คน อาทิ นายมนตรี สงฆ์ประชา อดีตกำนันตำบลไพรนกยูง อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท นางจิรดา สงฆ์ประชา[2] อดีต นายก อบจ.ชัยนาท นางนันทนา สงฆ์ประชา อดีต ส.ส. ชัยนาท และ นายศักดิ์สิทธิ์ สงฆ์ประชา อดีตสมาชิกสภาจังหวัดชัยนาท สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี สาขาวิชารัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง
งานการเมือง
[แก้]มณเฑียร สงฆ์ประชา ได้เข้าสู่งานการเมืองโดยการสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2539 สังกัดพรรคชาติไทย แทนนายบุญธง สงฆ์ประชา อดีต ส.ส.ชัยนาท 5 สมัย บิดา ซึ่งวางมือทางการเมือง โดยนายมณเฑียรได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชัยนาทเป็นสมัยแรก และได้ลงสมัครรับเลือกตั้งต่อเนื่องมาในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2544 เป็น ส.ส.สมัยที่ 2 ในนามพรรคชาติไทยเช่นเดิม แต่ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2548 เขาลงสมัครแข่งขันกับชัยวัฒน์ ทรัพย์รวงทอง พรรคไทยรักไทย ซึ่งย้ายมาจากเขตเลือกตั้งที่ 1 โดยนายมณเฑียรเป็นฝ่ายแพ้การเลือกตั้ง
ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 นายมณเฑียรลงสมัครรับเลือกตั้งคู่กับนันทนา สงฆ์ประชา น้องสาว ในนามพรรคชาติไทยและได้รับเลือกตั้ง แต่ภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนางนันทนา และนายมณเฑียร และ กกต. ต้องสั่งเลือกตั้งใหม่ในเขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัดชัยนาท โดยกำหนดวันเลือกตั้งใหม่คือวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2551 ซึ่งในกรณีที่ถูกใบแดงและต้องเลือกตั้งใหม่ ผู้สมัครเดิมในเขตจากทุกพรรคจะเข้าสู่การเลือกตั้งใหม่อีกครั้งยกเว้นนางนันทนา สงฆ์ประชา และนายมณเฑียร สงฆ์ประชา โดยนายมณเฑียร ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี
ในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2557 เขาได้ลงสมัครรับเลือกตั้งและได้รับคะแนนเป็นลำดับที่ 1 เป็นสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดชัยนาท
นายมณเฑียร กลับสู่สนามเลือกตั้ง ส.ส.อีกครั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 ในนามพรรคพลังประชารัฐ และได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.สมัยที่ 4 และในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 ในนามพรรคภูมิใจไทย[3]
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
[แก้]มณเฑียร สงฆ์ประชา ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว 4 สมัย คือ
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2539 จังหวัดชัยนาท สังกัดพรรคชาติไทย
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2544 จังหวัดชัยนาท สังกัดพรรคชาติไทย
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 จังหวัดชัยนาท สังกัดพรรคพลังประชารัฐ
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 จังหวัดชัยนาท สังกัดพรรคภูมิใจไทย
สมาชิกวุฒิสภา
[แก้]มณเฑียรได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภามาแล้ว 1 สมัย
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
[แก้]- พ.ศ. 2566 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[4]
- พ.ศ. 2563 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[5]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ เปิดกรุ 2 พี่น้องตระกูลสงฆ์ประชา ย้ายซบ ภท. อู้ฟู่ รวยรวมกันเกือบ 800 ล้าน
- ↑ เช็คชื่อ “พี่-น้อง” ส.ว.-พลังประชารัฐ-ประชาธิปัตย์
- ↑ โชว์พลังใบ ! "อดีต ส.ส." แห่ซบ "ภูมิใจไทย" 34 คน “ลูกเนวิน - ลูกชนม์สวัสดิ์” โผล่ เปิดตัวลงสมัครส.ส.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ เร��่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสายสะพาย ประจำปี ๒๕๖๖, เล่ม ๑๔๐ ตอนพิเศษ ๔ ข หน้า ๒, ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๖๓, เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๑ ข หน้า ๗, ๒๒ มกราคม ๒๕๖๔