ดาดา
ดาดา (อังกฤษ: Dada) หรือ คติดาดา (Dadaism) เป็นลัทธิหรือกระแสความเคลื่อนไหวทางศิลปะที่เกิดขึ้นในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับศิลปะในลัทธิเหนือจริง (surrealism) ลักษณะโดยรวมของกลุ่มดาดานั้นจะมีน้ำหนักไปในแนวทางต่อต้านสังคมและกฎเกณฑ์ความงามของศิลปะแบบเดิม ๆ ซึ่งเคยเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป กล่าวได้ว่า ดาดาใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือในการกบฏต่อทุกสิ่งที่เคยมีมาในอดีต
ประวัติ
[แก้]ในช่วงต้นของคริสต์ศตวรรษที่ 20 เป็นช่วงเวลาที่มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างมากมาย เนื่องจากเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และการปฏิวัติของรัสเซีย และในช่วงนี้เอง ดาดาก็ได้กำเนิดขึ้นมาจากกลุ่มนักกวี นักประพันธ์ต่าง ๆ ในยุโรป พวกเขาสร้างผลงานแนวใหม่โดยเป็นปฏิปักษ์ศิลปะแบบเก่า และสร้างค่านิยมใหม่ที่มีความเป็นสากล เหตุผลต่าง ๆ มาจากการเกิดสงครามและมีศิลปินกลุ่มหนึ่งต้องการแสดงออกถึงอาการเยาะเย้ย ถากถางสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมและมองโลกในด้านลบว่าคนเลวทำร้ายทุกอย่างได้ กลุ่มดาดาจึงสร้างผลงานที่ผิดจากหลักการความจริง ทำให้เป็นเรื่องเหลวใหลน่าหัวเราะ
ขณะนั้น เมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นแหล่งรวมคนที่หลบหนีและถูกบีบคั้นทางสังคมจากประเทศต่าง ๆ เพราะสวิตเซอร์แลนด์นั้นถูกกำหนดให้เป็นประเทศที่เป็นกลางทางสงคราม ที่เมืองซูริกนี้เอง มีร้านเครื่องดื่มร้านหนึ่งชื่อว่า คาบาเรต์ วอลแตร์ (Cabaret Voltaire) ซึ่งมีความสำคัญในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของการเริ่มต้น "ดาดา" เมื่อราวเดือนกุมภาพันธ์ 1916 เพราะเป็นแหล่งชุมนุมรวมตัวของศิลปินและกวีที่มาพบปะพูดคุยกัน โดยมี ฮูโก บัล นักประพันธ์ชาวเยอรมันผู้ลี้ภัยคนหนึ่งเป็นเจ้าของกิจการ ซึ่งเขาได้จัดสถานที่แห่งนี้ให้เป็นแหล่งชุมนุมสำหรับการปรับปรุงพัฒนาศีลธรรม วัฒนธรรม และคุณค่าทางสังคมที่สูญเสียเพราะสงครามขึ้นใหม่ และเมื่อปี 1927 บัลเสียชีวิตลง เขาได้รับการยกย่องให้เป็นดุจนักบุญทางศาสนาประจำเมืองอีกด้วย และถึงแม้ว่าผลงานของกลุ่มดาดาส่วนใหญ่จะล้อเลียนเสียดสีสังคม ทำทุกอย่างให้เป็นเรื่องน่าขำ จุดประสงค์หนึ่งก็เพื่อเตือนให้ผู้คนตระหนักถึงผลลัพธ์ของการทำสงคราม แต่ก็มีกลุ่มดาดาที่รวมเอาศาสนาเข้ามาจับกับงานศิลปะ และก็มีกลุ่มของดาดาต่อต้านดาดาที่เอาศิลปะทางโลกมาต่อต้านเรื่องของศาสนา สำหรับหลายคนอาจมองว่า ดาดาไม่ได้เป็นงานประวัติศาสตร์ศิลปะในช่วงศตวรรษที่ 20 แต่มองว่าดาดาเป็นงานศิลปะสมัยใหม่
ที่มาของคำว่า "ดาดา"
[แก้]ชื่อ "ดาดา" นี้เกิดขึ้นมาจากกลุ่มศิลปินหลายคน อาทิ ตริสตัน ซารา, ฮูโก บัล, ริชาร์ด ฮูลเซนเบค, ควร์ท ชวิทเทิร์ส, ฮันส์ อาร์พ โดยพวกเขาใช้มีดพับสอดเข้าไปในพจนานุกรมภาษาเยอรมัน-ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นคู่รบกันในสงคราม ผลก็คือพวกเขาสุ่มได้คำว่า "ดาดา" (dada) เป็นสแลงในภาษาฝรั่งเศสแปลว่า ม้าโยก คำนี้จึงกลายเป็นชื่อกลุ่มนับแต่นั้นมา ที่สำคัญ คำว่าดาดานี้ยังสอดคล้องกับบุคลิกลักษณะของศิลปินกลุ่มนี้ที่พยายามเยาะเย้ยสังคมอย่างสนุกราวกับเป็นเด็ก ๆ ที่ทำตัวไม่มีสาระและยุ่งเหยิง
ดาดาในปารีส
[แก้]ตริสตัน ซาราเป็นผู้ที่นำคติดาดาไปเผยแพร่ยังกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยกลุ่มดาดาในปารีสนั้น ได้รับอิทธิพลจากการอ่านหนังสือ "การแปลความฝัน" ของซิกมุนด์ ฟรอยด์ ซึ่งพวกเขาใช้แนวคิดเรื่องจิตวิเคราะห์ของฟรอยด์มาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานเพื่อแสดงถึงความปรารถนาในจิตใต้สำนึก
ดาดาในสหรัฐอเมริกา
[แก้]ดาดาในสหรัฐอเมริกา พบว่าเริ่มมีบทบาทเมื่อราวปี 1913 โดยมาร์แซล ดูว์ช็อง และฟร็องซิส ปีกาบียา มีศูนย์กลางที่ใช้เคลื่อนไหวอยู่ที่ร้านถ่ายภาพของอัลเฟรด สติกลิทซ์ ซึ่งเป็นช่างภาพ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น สหรัฐอเมริกาก็เริ่มมีความวุ่นวายอันสืบเนื่องมาจากการทำสงครามโลกครั้งที่ 1
ผลกระทบต่อสังคม
[แก้]คติดาดากลายเป็นกระแสลัทธิทางศิลปะที่เคลื่อนไหวไปในยุโรปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นในปารีส เบอร์ลิน โคโลญ อิตาลี ไอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ รวมไปถึงทางฝั่งสหรัฐอเมริกา ด้วยเหตุที่ว่า ดาดาเป็นรูปแบบที่ไร้กฎข้อบังคับ มีอิสระเสรีในการสร้างผลงาน และต่อต้านขนบเดิมที่เคยมีอยู่ อีกทั้งยังมีปัจจัยเรื่องการต่อต้านสงคราม การต่อต้านสังคมและการเมืองการปกครองมาเกี่ยวข้องเหล่านี้ส่งผลให้ "ผลงานศิลปะ" ในแบบของดาดาถูกสร้างสรรค์ขึ้นจากวัสดุและวิธีคิดที่หลากหลาย ไม่จำกัดอยู่ในกรอบเดิม ๆ รวมไปถึงเรื่องของความงามหรือสุนทรียภาพของผลงานก็ถูกสร้างความหมายใหม่ขึ้น เรียกได้ว่า วัตถุธรรมดา ๆ ในชีวิตประจำวันกลายเป็นผลงานศิลปะได้เพียงแค่ตั้งชื่อและจัดแสดงมันในนิทรรศการศิลปะเท่านั้นเอง หรือในอีกทางหนึ่ง ศิลปะอาจเกิดจากความบังเอิญ คำพูด จินตภาพ หรือแม้กระทั่งความคิดต่อต้านศิลปะก็ได้
เทคนิคทางศิลปะที่ได้รับการพัฒนา
[แก้]เทคนิคภาพปะติด (collage), เทคนิคการสร้างภาพประกอบรวม (photomontage), เทคนิคการผสมผเส (assemblage) และเทคนิคเรดดีเมดส์ (Readymades) ของมาร์แซล ดูว์ช็อง
ศิลปินคนสำคัญในคติดาดา
[แก้]- มาร์แซล ดูว์ช็อง
- ตริสตัน ซารา
- ฮูโก บัล
- ควร์ท ชวิทเทิร์ส (Kurt Schwitters)
- ฮันส์ อาร์พ (Hans Arp)
- ราอูล เฮาส์มันน์ (Raoul Hausmann)
- มักซ์ แอนสท์
- ฟร็องซิส ปีกาบียา
- แมน เรย์ (Man Ray)
อ้างอิง
[แก้]- กำจร สุนพงษ์ศรี. ศิลปะสมัยใหม่. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2554.
- จิระพัฒน์ พิตรปรีชา. โลกศิลปะศตวรรษที่ 20. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: เมืองโบราณ, 2552.
- ศุภชัย สิงห์ยะบุศย์. ประวัติศาสตร์ศิลปะตะวันตก ฉบับสมบูรณ์. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: วาดศิลป์, 2553.
- David Hopkins. Dada and Surrealism: A very short introduction. First Published. London: Oxford University Press, 2003.
- Dietmar Elger, Uta Grosenick (ed.). Dadaism. Koln: Taschen, 2004.
- http://arthistory.about.com/cs/arthistory10one/a/dada.htm
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- http://www.freemedialibrary.com/index.php/Dada_Manifesto_%281918,_Tristan_Tzara%29 เก็บถาวร 2012-10-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- http://www.dadart.com/dadaism/dada/index.html
- http://www.theartstory.org/movement-dada.htm
- http://members.peak.org/~dadaist/Art/index.html
- http://www.lib.uiowa.edu/dada/archive.html
- http://chroniquart.craym.eu/mapage3/index.html เก็บถาวร 2012-06-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- http://www.nga.gov/education/classroom/pdf/dada_student_guide.pdf เก็บถาวร 2012-09-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน