แผ่นผ้าสัญญารางวัล
แผ่นผ้าสัญญารางวัล[1] (อังกฤษ: blood chit จีน: 血幅; พินอิน: xuè fú) เป็นจดหมายที่จัดทำโดยบุคลากรทางทหารและจ่าหน้าเพื่อส่งข้อความถึงพลเรือนคนใดก็ตามที่อาจพบกับหน่วยบริการของกองทัพที่ติดอาวุธ เช่น นักบินที่ถูกยิงตก ซึ่งกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก นอกจากจดหมายดังกล่าวจะช่วยระบุว่าบุคลากรของกำลังดังกล่าวเป็นมิตรแล้ว จดหมายยังช่วยแสดงข้อความขอความช่วยเหลือเพื่อช่วยให้สมาชิกได้รับความช่วยเหลือทุกครั้ง[2]
นิรุกติศาสตร์
[แก้]ชื่ออื่น ได้แก่ ธงหลบหนี (escape flag) และธงประจำตัว (identification flag จีน: 人物證明書; พินอิน: rénwù zhèngmíng shū) "Chit" เป็นคำภาษาอังกฤษแบบบริเตนสำหรับเอกสารขนาดเล็ก บันทึก หรือบัตร ซึ่งแสดงถึงหนี้ที่ต้องชำระ เป็นคำแองโกล-อินเดียนตั้งแต่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 มาจากภาษาฮินดีว่า citthi[3]
ประวัติ
[แก้]การใช้แผ่นผ้าสัญญารางวัลครั้งแรกอาจเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2336 เมื่อนักบอลลูนชาวฝรั่งเศส ฌอง-ปิแอร์ บลองชาร์ด สาธิตบอลลูนลมร้อนของเขาในสหรัฐ เนื่องจากเขาไม่สามารถควบคุมทิศทางของบอลลูนได้จึงไม่มีใครรู้ว่าเขาจะลงจอดที่ไหน เนื่องจากบลังชาร์ดไม่ได้พูดภาษาอังกฤษ ตามตำนาน จอร์จ วอชิงตันจึงได้ส่งจดหมายให้เขาโดยระบุว่าพลเมืองสหรัฐ ทุกคนจำเป็นต้องช่วยเหลือเขาให้เดินทางกลับไปยังฟิลาเดลเฟีย[4]
ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง นักบินของกองบินหลวงสหราชอาณาจักร (British Royal Flying Corps) ในอินเดียและเมโสโปเตเมียถือ "goolie chit" ที่พิมพ์เป็นภาษาท้องถิ่น 4 ภาษา ซึ่งสัญญาว่าจะให้รางวัลแก่ใครก็ตามที่จะช่วยนำนักบินชาวอังกฤษที่ไม่ได้รับอันตรายกลับคืนสู่แนวรบของสหราชอาณาจักร นายทหารอังกฤษ จอห์น มาสเตอร์ส บันทึกไว้ในอัตชีวประวัติของเขาว่า ผู้หญิงปาทานในจังหวัดชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือ (พ.ศ. 2444-2498) ของบริติชอินเดีย (ปัจจุบันคือปากีสถาน) ในช่วงสงครามแองโกล-อัฟกัน ทหารที่ไม่ใช่มุสลิมที่ถูกจับ เช่นชาวอังกฤษและซิกข์ จะต้องถูกตัดศีรษะและตอนอัณฑะ[5]
ในสงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สองก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง นักบินอาสาสมัครชาวต่างชาติของฟลายอิงไทเกอส์ (Flying Tigers) ได้ถือจดหมายที่พิมพ์เป็นภาษาจีนเพื่อแจ้งให้คนในพื้นที่ทราบว่านักบินต่างชาติรายนี้กำลังต่อสู้เพื่อจีน และจำเป็นต้องช่วยเหลือพวกเขา[6] ข้อความจากแผ่นผ้าสัญญารางวัลดังกล่าวแปลได้ ดังนี้:
I am an American airman. My plane is destroyed. I cannot speak your language. I am an enemy of the Japanese. Please give me food and take me to the nearest Allied military post.
You will be rewarded.
ฉันเป็นนักบินอเมริกัน เครื่องบินของฉันถูกทำลาย ฉันไม่สามารถพูดภาษาของคุณได้ ฉันเป็นศัตรูของญี่ปุ่น กรุณาให้อาหารแก่ฉันและพาฉันไปที่กองทหารสัมพันธมิตรที่ใกล้ที่สุด
คุณจะได้รับรางวัล
ในแผ่นผ้าสัญญารางวัลของสหประชาชาติจากสงครามเกาหลี มีเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นว่าผู้ให้ความร่วมมือจะได้รับรางวัลและควรช่วยเหลือเพื่อ 'ผลประโยชน์' ของตัวเขาเอง
กองทัพสหรัฐ
[แก้]เมื่อสหรัฐเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สองอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2484 อุปกรณ์ดำรงชีพของลูกเรือได้รวมเอาแผ่นผ้าสัญญารางวัลที่พิมพ์เป็นภาษาต่าง ๆ 50 ภาษา พร้อมกับธงชาติสหรัฐและสัญญาว่าจะให้รางวัลสำหรับผู้ที่นำนักบินที่เดินทางกลับมาอย่างปลอดภัย ชุดนี้อาจรวมถึงของขวัญ เช่น เหรียญทองคำ แผนที่ หรือเข็มเย็บผ้า ลูกเรือการบินของสหรัฐจำนวนมากที่บินทั่วทวีปเอเชียมีการเย็บ "แผ่นผ้าสัญญารางวัล" ไว้ที่ด้านหลังเสื้อแจ็คเก็ต บางหน่วยได้เพิ่มแผ่นผ้าสัญญารางวัลติดไปกับชุดนักบินของลูกเรือ ในขณะที่หน่วยอื่น ๆ ก็ได้ให้แผ่นผ้าสัญญารางวัลเฉพาะในบางเที่ยวบินเท่านั้น ปัจจุบันแผ่นผ้าสัญญารางวัลเป็นสิ่งของที่รับผิดชอบโดยหน่วยรับกลับกำลังพลร่วม (Joint Personnel Recovery Agency) จดหมายรูปแบบล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐเป็นเอกสารที่ทำมาจากวัสดุไทเวค (Tyvek)[7] แผ่นเล็ก ๆ ที่มีธงชาติสหรัฐ และข้อความในหลายภาษาที่ระบุว่าสหรัฐจะให้รางวัลแก่ใครก็ตามที่ช่วยเหลือผู้ถือจดหมายดังกล่าวจนปลอดภัย ซึ่งวัตถุเหล่านี้ถือเป็นสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษรของรัฐบาลสหรัฐ นายพล นอร์แมน ชวาร์ซคอพฟ์ ที่เกษียณอายุแล้วเล่าว่าหน่วยธรรมนูญทหาร CENTCOM ในช่วงสงครามอ่าวได้ส่งต่อการอนุมัติของนายพล นอร์แมน ให้กับนักบินสหรัฐเพื่อถือเป็นแผ่นผ้าสัญญารางวัล[8]
กองทัพสหราชอาณาจักร
[แก้]ตัวอย่างแผ่นผ้าสัญญารางวัลที่ออกให้กับเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศของสหราชอาณาจักรในอินเดียในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1940 จะพิมพ์บนผ้าไหมแผ่นบางขนาด 20 x 11½ นิ้ว (ประมาณ 50 x 30 ซม.) ; มีธงยูเนียนแจ็กพิมพ์อยู่ที่ด้านซ้ายบน และมีข้อความภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสอยู่ข้างๆ:
Dear Friend,
I am an Allied fighter. I did not come here to do any harm to you who are my friends. I only want to do harm to the Japanese and chase them away from this country as quickly as possible.
If you will assist me, my Government will sufficiently reward you when the Japanese are driven away.
เพื่อนไทยที่รัก
ข้าพเจ้าเป็นนักรบฝ่ายพันธมิตร์ ข้าพเจ้าไม่ได้มาทำร้ายท่านชาวไทยซึ่งเป็นเพื่อนรักของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าต้องการทำร้ายญี่ปุ่น และขับไล่มันออกจากเมืองไทยโดยเร็วที่สุด ถ้าท่านนำตัวข้าพเจ้าไปให้กองทหารพันธมิตรซึ่งตั้งอยู่ใกล้ที่สุด รัฐบาลข้าพเจ้าจะให้รางวัลแก่ท่านอย่างงาม— ข้อความภาษาไทย, RAF silk blood chit
พื้นที่หลักของเอกสารจัดพิมพ์เป็นสามคอลัมน์โดยมีข้อความเดียวกันในภาษาเอเชีย 15 ภาษา เช่น ภาษามาเลย์ พม่า ทมิฬ ไทย และเบงกาลี[9]
แผ่นผ้าสัญญารางวัล (Blood chit) หรือ golie chits ดังกล่าวออกให้กับนักบินของกองทัพอากาศในช่วงสงครามอ่าว โดยระบุผู้ถือว่าเป็นมิตรและออกเหรียญอธิปไตยทองคำเป็นสิ่งจูงใจ[10] ปีเตอร์ แรตคลิฟฟ์ เล่าว่าเหรียญดังกล่าวได้ออกให้กับหน่วยปฏิบัติการพิเศษทางอากาศก่อนนำออกไปใช้งาน เหรียญอธิปไตยทองคำจะต้องถูกส่งกลับ เว้นแต่ทหารจะพิสูจน์ได้ว่ามีการใช้อย่างถูกกฎหมาย[11] ปีเตอร์ เดอ ลา บิลลิแยร์ ยังเล่าอีกว่าลูกเรือของกองทัพอากาศทั้งหมดได้รับทองคำ "800 ปอนด์" เพื่อใช้อำนวยความสะดวกในการหลบหนีในกรณีที่เกิดปัญหาขึ้น และยังมีข้อความที่เขียนเป็นภาษาอาหรับด้วย ซึ่งสัญญาว่ารัฐบาลของสมเด็จพระราชินี จะจ่ายเงินจำนวน 5,000 ปอนด์ให้กับใครก็ตามที่ส่งคืนตัวนักบินที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ให้กับฝ่ายสัมพันธมิตร”[12] อดีตจ่าสิบเอก คริส ไรอัน อดีตหน่วยปฏิบัติการพิเศษทางอากาศก็ได้รับข้อความแผ่นผ้าแบบเดียวกันและมอบให้แก่คนขับรถชาวซีเรียคนหนึ่งระหว่างที่เขาหลบหนีออกจากอิรัก[13]
สหรัฐระหว่างสงครามเย็น
[แก้]ในช่วงสงครามเย็น นักบินอเมริกันที่บินลาดตระเวนในประเทศกลุ่มตะวันออกจะได้รับแผ่นผ้าสัญญารางวัลในภาษาต่าง ๆ เหล่านั้น (เช่น โปแลนด์ เช็ก และฮังการี) ข้อความดังกล่าวอ่านว่า:
I am an American. I do not speak your language. I need food, shelter and assistance. I will not harm you; I have no malice toward your people. If you help me, my government will reward you. ฉันเป็นคนอเมริกัน ฉันไม่สามารถพูดภาษาของคุณได้ ฉันต้องการอาหาร ที่พัก และความช่วยเหลือ ฉันจะไม่ทำร้ายคุณ ฉันไม่มีความอาฆาตพยาบาทต่อประชากรของพวกคุณ ถ้าคุณช่วยฉัน รัฐบาลของฉันจะให้รางวัลคุณ
กองทัพนอร์เวย์
[แก้]หน่วยคอมมานโดของนอร์เวย์ (spesialjegere) มีการใช้งานแผ่นผ้าสัญญารางวัลในช่วงสงครามในอัฟกานิสถาน ในผ้าไหม เย็บที่ด้านในของเข็มขัดเครื่องแบบ[14]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ พจนานุกรมศัพท์ทหาร อังกฤษ-ไทย ฉบับใช้ร่วมสามเหล่าทัพ พ.ศ. 2558 (PDF). สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ. p. 35. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2021-05-14. สืบค้นเมื่อ 2024-04-04.
- ↑ The Handbook Of The SAS And Elite Forces. How The Professionals Fight And Win. Edited by Jon E. Lewis. p.166-Tactics And Techniques, Evasion, Capture And Escape. Robinson Publishing Ltd 1997. ISBN 1-85487-675-9
- ↑ "Chit source". สืบค้นเมื่อ 22 February 2012.
- ↑ "The Flying Tigers, America's secret army in Burma". Smithsonian Asia Pacific America Center. สืบค้นเมื่อ June 6, 2019.
- ↑ John Masters (June 13, 2002). Bugles and a Tiger. Cassell Military (June 13, 2002). p. 190. ISBN 0-304-36156-9.
- ↑ Rossi, Dick (1980s). "A Flying Tigers Story". The Flying Tigers - American Volunteer Group - Chinese Air Force.
- ↑ "JPRA website". สืบค้นเมื่อ 17 October 2020.
- ↑ Schwarzkopf, Norman (1992). t Doesn't Take a Hero. Linda Grey Bantam Books. p. 409.
- ↑ "RAF silk blood chit". www.airministrymilitaria.com (ภาษาอังกฤษแบบบริติช).
- ↑ Walters, Andy (1 July 2016). "Reality of War Tornado GR1 JP233 Delivery (17 Jan 1991) 'Cluck cluck... Gibber, gibber… My old man... Sa mushroom' An Airman's Perspective on the Reality of War". raf.mod.uk. Royal Air Force. สืบค้นเมื่อ 13 March 2022.
A goolie chit was originally known as a blood chit. It is a notice carried by military personnel and addressed to any civilians who may come across an armed-services member – such as a shot-down pilot – in difficulties. As well as identifying the force to which the bearer belongs as friendly, the notice displays a message requesting that the service member be rendered every assistance. The gold sovereigns were intended as an added ’incentive’ to anyone assisting the aircrew.
- ↑ Ratcliffe, Peter (1 July 2003). Eye of the Storm: Twenty-five Years in Action with the SAS. Michael O'Mara; New Ed edition. p. 244. ISBN 978-1843170525.
- ↑ de la Billière, Peter (1992). Storm command : a personal account of the Gulf War. HarperCollins. p. 204. ISBN 978-0006387497.
- ↑ Ryan, Chris (2010). The one that got away. London: Red Fox. p. 216. ISBN 9781849413466.
- ↑ "Satte løsepenger på norske spesialsoldater". www.vg.no. 16 September 2013.
บรรณานุกรม
[แก้]- Rossi, J.R. "AVG American Volunteer Group - Flying Tigers".
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- The Flying Tigers blood chit
- Blood Chits of the CBI Theater
- Personnel Recovery in the Department of Defense
- Photo of US Afghanistan Blood Chitct
- Chivers, C.J. (29 March 2012). "A Short History of Blood Chits: Greetings From the Lost, Seeking Help". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 12 September 2016.