เจ้าราชวงศ์ (เลาแก้ว ณ เชียงใหม่)
เจ้าเลาแก้ว ณ เชียงใหม่ | |
---|---|
เจ้าราชวงศ์ จังหวัดเชียงใหม่ | |
เกิด | ปีฉลู จ.ศ. 1239 |
ถึงแก่กรรม | พ.ศ. 2487 (66 ปี) |
ภรรยา | ชายา เจ้าจันทร์จร ณ เชียงใหม่ หม่อม หม่อมมา ณ เชียงใหม่ หม่อมผัน ณ เชียงใหม่ |
พระบุตร | 6 คน |
ราชสกุล | ณ เชียงใหม่ |
ราชวงศ์ | ทิพย์จักร |
เจ้าบิดา | เจ้าอินทวโรรสสุริยวงษ์ |
เจ้ามารดา | เจ้าทิพเนตร |
เจ้าราชวงศ์ (น้อยลาวแก้ว ณ เชียงใหม่) เป็นราชบุตรองค์เดียวของเจ้าอินทวโรรสสุริยวงษ์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 8 แห่งราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์
พระประวัติ
[แก้]เจ้าน้อยเลาแก้ว (หรือ ลาวแก้ว) ณ เชียงใหม่ เกิดเมื่อปีฉลู จ.ศ. 1239[1] (ราวปี พ.ศ. 2420) เป็นราชบุตรองค์เดียวในเจ้าอินทวโรรสสุริยวงษ์ ที่เกิดแต่เจ้าทิพเนตร ธิดาในเจ้าหนานมหาเทพ ณ เชียงใหม่ ราชบุตรองค์ที่ 7 แห่งพระเจ้ามโหตรประเทศ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 5
ครั้นเจ้าอินทวโรรสสุริยวงษ์ถึงแก่พิราลัยเมื่อวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2452 แล้ว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งทรงทราบความที่เจ้าดารารัศมี พระราชชายา ถวายบังคมลาไปประทับที่นครเชียงใหม่ก่อนแล้ว จึงมีพระราชดำรัสกับเจ้าดารารัศมี พระราชชายาให้เลือกผู้แทนเจ้าอินทวโรรสสุริยวงษ์ที่ว่า
ในการเลือกเจ้านครเชียงใหม่แทนเจ้าอินทวโรรสสุริยวงษ์ตามกฎต้องให้ทายาทผู้สืบตระกูลรับตำแหน่งนี้ ซึ่งควรจะต้องได้แก่เจ้าราชบุตร (เลาแก้ว) ทายาทแต่ผู้เดียว แต่ในตำแหน่งนี้จะต้องเป็นพระอภิบาล พระราชยายาเจ้าดารารัศมี ในรัชกาลที่ 5 ด้วย ในขณะนี้เจ้าราชบุตรยังอายุน้อยอยู่ ฉะนั้นพระราชชายาเจ้าดารารัศมีจึงขอเลือกเจ้าอุปราชแก้ว รับหน้าที่นี้ก่อน...
— วชิราวุธ ป.ร.
เจ้าแก้วนวรัฐ จึงได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ส่วนเจ้าราชบุตร (น้อยลาวแก้ว) ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าราชวงศ์ จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2466[2]
เจ้าราชวงศ์ (เลาแก้ว ณ เชียงใหม่) ถึงแก่กรรมเมื่อในปี พ.ศ. 2487[1]
โอรส-ธิดา
[แก้]เจ้าราชวงศ์ (เลาแก้ว ณ เชียงใหม่) มีโอรส 3 คน และธิดา 3 คน ได้แก่
- ประสูติแต่เจ้าจันทร์จร ณ เชียงใหม่
- เจ้าจันทร์พงศ์ ณ เชียงใหม่ สมรสกับเจ้าแก้วพา ณ ลำพูน
- เจ้าแก้วมงคล ณ เชียงใหม่ สมรสกับเจ้าแสงดาว และศรีนวล ณ เชียงใหม่
- ประสูติแต่หม่อมมา ณ เชียงใหม่
- เจ้าอินทรัตน์ ณ เชียงใหม่
- เจ้าลดาคำ ณ เชียงใหม่ สมรสและหย่ากับพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน สมรสครั้งที่สองกับเจ้าหนานเชา ณ เชียงใหม่ พระธิดาจากการสมรสครั้งแรกสององค์ พระโอรสจากการสมรสครั้งที่สองคนเดียว[3][4]
- ประสูติแต่หม่อมผัน ณ เชียงใหม่
การปฏิบัติภารกิจในฐานะเจ้านายฝ่ายเหนือ
[แก้]เจ้าน้อยเลาแก้ว เคยได้ปฏิบัติหน้าที่แสดงความจงรักภักดีต่อราชวงศ์จักรี โดยเดินทางไปพร้อมกับเจ้าอินทวโรรสสุริยวงศ์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ พร้อมด้วยเจ้าน้อยสมพมิตร เจ้าน้อยเมืองชื่น และเจ้าน้อยวุฒิวงษ์ เข้าเฝ้าถวายเครื่องราชบรรณาการ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2447[5] ตามราชประเพณีที่ประเทศราชต้องส่งต้นไม้เงินต้นไม้ทอง และเครื่องราชบรรณาการไปยังกรุงเทพฯ ทุก ๆ 3 ปี หรือทุกปี เพื่อแสดงความสวามิภักดิ์และการยอมเป็นเมืองขึ้น[6] ซึ่งเป็นการถวายเครื่องราชบรรณาการตามโบราณราชประเพณีเป็นครั้งสุดท้าย[7]
ต่อมา เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2447 (นับตามแบบปัจจุบันคือ พ.ศ. 2448) ได้รับพระราชทานสัญญาบัตร เป็น "เจ้าราชบุตร์เมืองนครเชียงใหม่"[8]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
[แก้]- พ.ศ. 2454 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 3 ตติยจุลจอมเกล้า (ต.จ.) (ฝ่ายหน้า) สืบตระกูล เจ้าอินทวโรรสสุริยวงษ์ ผู้ได้รับพระราชทานทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ[9]
- พ.ศ. 2469 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเ���ือก ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์ช้างเผือก (ต.ช.)[10]
พงศาวลี
[แก้]พงศาวลีของเจ้าราชวงศ์ (เลาแก้ว ณ เชียงใหม่)[11] | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 "เจ้าราชวงศ์ เลาแก้ว ณ เชียงใหม่". ฺBilliongraves. 2560. สืบค้นเมื่อ 27 มกราคม 2562.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ ราชกิจจานุเบหษา, พระราชทานบรรดาศักดิ์, เล่ม 40, ตอน ง, 30 มีนาคม 2466, หน้า 4,619
- ↑ "คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์ , นาวาอากาศเอก. เจ้านายฝ่ายเหนือ". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-05-14. สืบค้นเมื่อ 2011-11-01.
- ↑ "ข้อมูลสังเขปหม่อมราชวงศ์ศุภดิศ ดิศกุล - สายสกุลเจ้าลดาคำ ณ เชียงใหม่". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-12-16. สืบค้นเมื่อ 2012-06-13.
- ↑ เจ้าประเทศราชเฝ้าถวายเครื่องราชบรรณาการ เจ้านครเชียงใหม่ เฝ้าถวายต้นไม้ทองเงินเครื่องราชบรรณาการราชกิจจานุเบกษา เล่ม 21 ตอนที่ 28 วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2447
- ↑ ต้นไม้ทอง ต้นไม้เงินสมัยรัตนโกสินทร์ เก็บถาวร 2017-11-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีนจาก ศาลาเครื่องราชอิสริยยศ
- ↑ วรชาติ มีชูบท, เจ้านายฝ่ายเหนือ และตำนานรักมะเมียะ, กรุงเทพฯ : สร้างสรรค์บุ๊คส์, หน้า 151
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานสัญญาบัตร์ขุนนาง, เล่ม 21 หน้า 752, วันที่ 15 มกราคม ร.ศ. 123.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2015-10-02 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๒๘, ตอน๐ ง, ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๔, หน้า ๑๗๘๓
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญฝ่ายหน้า, เล่ม ๔๓, ตอน๐ ง, ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๙, หน้า ๓๙๙๔
- ↑ ข้อมูลสังเขปหม่อมราชวงศ์ศุภดิศ ดิศกุล - สายสกุลเจ้าลดาคำ ณ เชียงใหม่