ข้ามไปเนื้อหา

หม่อมเจ้าอมรทัต กฤดากร

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
หม่อมเจ้าอมรทัต กฤดากร
สมุหราชองครักษ์
ดำรงตำแหน่ง
1 เมษายน พ.ศ. 2469 – 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2471
กษัตริย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ก่อนหน้าพลเอก เจ้าพระยารามราฆพ
ถัดไปพลเอก พระยาเทพอรชุน
ประสูติ29 เมษายน พ.ศ. 2429
สิ้นชีพิตักษัย30 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 (66 ปี)
คู่อภิเษกหม่อมพร้อมสุพิน
หม่อมอู๊ด
พระบุตรหม่อมราชวงศ์ไพเราะ กฤดากร
หม่อมราชวงศ์เพ���ินจิตร์ กฤดากร
หม่อมราชวงศ์พงศ์อมร กฤดากร
หม่อมราชวงศ์สุทัศนีย์ กฤดากร
ราชวงศ์กฤดากร (ราชวงศ์จักรี)
พระบิดาพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศรวรฤทธิ์
พระมารดาหม่อมสุภาพ กฤดากร ณ อยุธยา
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง
รับใช้ ไทย
แผนก/สังกัดกรมราชองครักษ์
กองทัพบกไทย
ประจำการพ.ศ. 2449 – พ.ศ. 2495
ชั้นยศ พลโท
บังคับบัญชากรมราชองครักษ์

พลโท หม่อมเจ้าอมรทัต กฤดากร (29 เมษายน 2429 - 30 กรกฎาคม 2495) เป็นพระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศรวรฤทธิ์ กับหม่อมสุภาพ กฤดากร ณ อยุธยา และเป็นพระนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระประวัติ

[แก้]

หม่อมเจ้าอมรทัต กฤดากร หรือที่ชาววังขานพระนามว่า ท่านชายตาป่อง ประสูติเมื่อ 29 เมษายน พ.ศ. 2429 ในช่วงที่พระบิดาดำรงตำแหน่งอัครราชทูตผู้มีอำนาจเต็มประจำพระราชวังเซนต์เจมส์ โดยเริ่มศึกษาที่โรงเรียนแฮร์โรว์ ประเทศอังกฤษ เมื่อกลับประเทศไทยได้เข้าเป็นนายทหารเหล่าปืนใหญ่ ดำราชตำแหน่งราชองครักษ์ ปลัดกรมเสนาธิการทหารบก และรับราชการในต่างประเทศทั้งยุโรปและอเมริกา

หม่อมเจ้าอมรทัต กฤดากร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอัครราชทูตพิเศษประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.

เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง หม่อมเจ้าอมรทัต ได้เป็นคณะทูตทหารในคณะผู้แทนรัฐบาลไทยในการประชุมสันติภาพ ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ขึ้นครองราชย์ จึงได้แต่งตั้งเป็นสมุหราชองครักษ์ ในปี พ.ศ. 2469[1] และด้วยความสนิทสนมกับราชสำนักยุโรป จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สนองพระเดชพระคุณด้านวางระเบียบราชการในพระราชสำนัก โดยเฉพาะในส่วนที่ติดต่อประสานงานกับต่างประเทศ และแบบแผนในการรับรองคณะทูตานุทูต

ในปี พ.ศ. 2466 หม่อมเจ้าอมรทัต กฤดากร ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นองคมนตรี เมื่อวันที่ 4 เมษายน พุทธศักราช 2466[2]

เมื่อปี พ.ศ. 2471 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้เป็นอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. แล้วย้ายมากรุงปารีส ดำรงตำแหน่งอัครราชทูตพิเศษผู้มีอำนาจเต็มประจำประเทศฝรั่งเศส เบลเยี่ยม เนเดรลันดส์ อิตาลี สเปน และเปอร์ตุเกส และเป็นอัครราชทูตพิเศษผู้มีอำนาจเต็มประจำประเทศสวิตเซอร์แลนด์[3] ในเวลาต่อมา จนเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจึงได้ถูกปลดออกจากราชการ[4]

หม่อมเจ้าอมรทัต ทรงมีบุตรและธิดา 4 คน เกิดจากหม่อมพร้อยสุพิณและหม่อมอู๊ด ได้แก่

  1. หม่อมราชวงศ์หญิงไพเราะ กฤดากร
  2. หม่อมราชวงศ์หญิงเพลินจิตร์ กฤดากร
  3. หม่อมราชวงศ์พงศ์อมร กฤดากร
  4. หม่อมราชวงศ์หญิงสุทัศนีย์ กฤดากร

พลโท หม่อมเจ้าอมรทัต กฤดากร ประชวรด้วยโรคหืดและพระหทัยพิการ สิ้นชีพิตักษัยเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 สิริพระชันษาได้ 66 ปี

ตำแหน่ง

[แก้]
  • 10 เมษายน 2455 – ราชองครักษ์เวร[5]
  • 28 ธันวาคม 2463 – เลขาธิการสภากาชาดสยาม[6]

พระยศทหาร

[แก้]
  • 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2449 - ร้อยตรี[7]
  • 28 เมษายน 2458 – นายพันตรี[8]
  • 4 มิถุนายน 2458 – โปรดเกล้าฯ ให้กระทรวงกลาโหมส่งสัญญาบัตรยศไปพระราชทานที่ประเทศฝรั่งเศส[9]
  • – นายพันโท
  • 24 เมษายน 2463 – พันเอก[10]
  • 9 เมษายน พ.ศ. 2467 - พลตรี[11]
  • 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2493 - พลโท[12]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

[แก้]

พลโท หม่อมเจ้าอมรทัต กฤดากร ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งไทยและต่างประเทศต่าง ๆ ดังนี้

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย

[แก้]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. ราชกิจจานุเบกษา วันที่ 4 เมษายน 2469 ประกาศตั้งสมุหราชองครักษ์http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2469/A/1.PDF
  2. การพระราชพิธีตั้งองคมนตรี พระพุทธศักราช 2466
  3. ราชกิจจานุเบกษา เรื่อง ประกาศตั้งอัครราชทูตhttp://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2475/A/48.PDF
  4. สมประสงค์ ทรัพย์พาลี. ๑๐๑ จุลจักรี ๑๐๑ ปี จุลจอมเกล้า. กรุงเทพ : [ม.ป.พ.], พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2555. 154 หน้า. ISBN 9786169092605
  5. แจ้งความกระทรวงกลาโหม เรื่อง แต่งตั้งนายทหาร
  6. แจ้งความของสภากาชาดสยาม
  7. ส่งสัญญาบัตรทหารบกไปพระราชทาน
  8. พระราชทานยศนายทหารบก
  9. ส่งสัญญาบัตรยศนายทหารบกไปพระราชทาน
  10. พระราชทานยศทหารบก
  11. พระราชทานยศ
  12. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศทหาร ตอนที่ 62 เล่ม 67 ราชกิจจาุนุุเบกษา 14 พฤศจิกายน 2493 http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2493/D/062/5872.PDF
  13. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๔๕ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๓๙๗, ๑๘ พฤศจิกายน ๒๔๗๑
  14. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๓๘ ตอนที่ ๐ ง หนดา ๒๔๗๒, ๒๗ พฤศจิกายน ๒๔๖๔
  15. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศพระราชทานฐานันดรแห่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดีและเหรียญรามมาลา, เล่ม ๓๖ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๑๕๓, ๒๗ เมษายน ๒๔๖๒
  16. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๓๘ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๑๘๓๘, ๒ ตุลาคม ๒๔๖๔
  17. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์แก่นายทหารผู้มีความชอบและผู้ปฏิบัติราชการเกี่ยวเนื่องด้วยการส่งกองทหารในงานพระราชสงครามที่ยุโรป, เล่ม ๓๖ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๑๗๓๒, ๒๑ กันยายน ๒๔๖๒
  18. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์แก่นายทหารผู้มีความชอบและผู้ปฏิบัติราชการเกี่ยวเนื่องด้วยการส่งกองทหารในงานพระราชสงครามที่ยุโรป, เล่ม ๓๖ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๑๗๒๕, ๒๑ กันยายน ๒๔๖๒
  19. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๔๕ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๔๑๒, ๑๘ พฤศจิกายน ๒๔๗๑
  20. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญจักรมาลา, เล่ม ๓๗ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๓๗๓๗, ๖ กุมภาพันธ์ ๒๔๖๓
  21. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์, เล่ม ๓๙ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๑๘๓๑, ๑ ตุลาคม ๒๔๖๕
  22. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ฝ่ายหน้า, เล่ม ๔๓ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๓๑๒๔, ๒๖ พฤศจิกายน ๒๔๖๙
  23. 23.0 23.1 ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๒๘ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๑๘๘๙, ๒๖ พฤศจิกายน ๑๓๐
  24. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับตราต่างประเทศ, เล่ม ๓๒ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๙๖๗, ๕ มีนาคม ๒๔๕๘
  25. 25.0 25.1 25.2 ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๒๘ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๑๘๙๐, ๒๖ พฤศจิกายน ๑๓๐
  26. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๔๖ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๘๑๔, ๑๖ มิถุนายน ๒๔๗๒
  27. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับตราต่างประเทศ, เล่ม ๓๔ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๓๑๗๙, ๒๗ มกราคม ๒๔๖๐
  28. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความ เรื่องให้ประดับตราต่างประเทศ, เล่ม ๕๐ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๓๓๒๒, ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๔๗๖