ลิงวอก
ลิงวอก | |
---|---|
เพศผู้, ป่า Gokarna, ประเทศเนปาล | |
เพศเมียกับลูกที่Galtaji, ชัยปุระ | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
โดเมน: | ยูแคริโอต |
อาณาจักร: | สัตว์ |
ไฟลัม: | สัตว์มีแกนสันหลัง |
ชั้น: | สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม |
อันดับ: | อันดับวานร |
อันดับย่อย: | Haplorhini |
อันดับฐาน: | Simiiformes |
วงศ์: | Cercopithecidae |
สกุล: | Macaca (Zimmermann, 1780)[2] |
สปีชีส์: | Macaca mulatta |
ชื่อทวินาม | |
Macaca mulatta (Zimmermann, 1780)[2] | |
แผนที่แสดงการกระจายพันธุ์ | |
ชื่อพ้อง[3] | |
ชื่อพ้องชนิด
|
ลิงวอก (ชื่อวิทยาศาสตร์: Macaca mulatta) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในอันดับวานร (Primates) เป็นลิงที่มีร่างกายอ้วนสั้น บริเวณหลัง หัวไหล่ และตะโพกมีสีน้ำตาลปนเทา ส่วนบริเวณใต้ท้องและสีข้างมีสีอ่อนกว่า หางยาวประมาณครึ่งหนึ่งของความยาวลำตัว ขนหางค่อนข้างยาวและฟู มีการผลัดขนประมาณช่วงเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคมของทุกปี โดยจะเริ่มที่บริเวณปากก่อน หลังจากนั้นจึงจะเริ่มผลัดขนที่หลัง ตัวเมียอาจมีขนสีแดงในฤดูผสมพันธุ์ ขนที่หัวของลิงวอกจะชี้ตรงไปด้านหลัง ลิงตัวผู้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย
มีความยาวลำตัวและหัว 47–58.5 เซนติเมตร ความยาวหาง 20.5–28 เซนติเมตร น้ำหนัก 3–6 กิโลกรัม
มีการกระจายพันธุ์ตั้งแต่อัฟกานิสถาน, ภาคเหนือของอินเดีย, เนปาล, พม่า, ภาคใต้ของจีน, ลาว, เวียดนาม และภาคตะวันตกของไทย โดยในประเทศ ปัจจุบันเชื่อว่า เหลืออยู่เพียงฝูงสุดท้ายแล้วที่วัดถ้ำผาหมากฮ่อ ในพื้นที่อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย[4] แต่จากข้อมูลล่าสุด ยังพบเห็นฝูงลิงวอกได้อีกที่บริเวณสะพานข้ามน้ำ หน่วยพิทักษ์ป่าศาลาพรม ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ
มีพฤติกรรมชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ ตั้งแต่ 50 ตัวขึ้นไป สมาชิกส่วนใหญ่ในฝูงประกอบไปด้วยลิงตัวเมียและลูก ๆ ตัวเมียในฝูงจะมีบทบาทสำคัญมากกว่าตัวผู้ แต่ลิงตัวผู้จะมีบทบาทในการปกป้องฝูง ลิงวอกเริ่มผสมพันธุ์ได้เมื่อมีอายุ 3–4 ปี ระยะตั้งท้องนาน 5–7 เดือน ออกลูกครั้งละ 1 ตัว ลิงตัวเมียจะอยู่กับฝูงไปจนตาย แต่ตัวผู้เมื่อโตขึ้น มักจะถูกขับไล่ให้ออกจากฝูง จากการศึกษาพบว่า ลิงวอกมีความสัมพันธ์กับชุมชนมนุษย์มาเป็นเวลานาน แต่การที่ลิงวอกมักเข้ามาอาศัยและใช้ประโยชน์ในพื้นที่เกษตรกรรม จึงทำให้ไม่กลัวคน ในบางครั้งจึงถูกจับฆ่าเพื่อนำมาทำเป็นอาหารและฆ่าเพื่อลดความรำคาญ
ปัจจุบัน เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 แต่ประชาชนทั่วไป สามารถ ขออนุญาตเลี้ยงได้ ตามกฎกระทรวงกำหนดชนิดของสัตว์ป่าชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ พ.ศ. 2546 ส่วนใหญ่จะเลี้ยงไว้ใช้งาน เป็นลิงเก็บมะพร้าว ซึ่งเป็นอาชีพดังเดิมของคนไทยที่ควรอนุรักษ์ไว้
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Singh, M.; Kumar, A.; Kumara, H.N. (2020). "Macaca mulatta". IUCN Red List of Threatened Species. 2020: e.T12554A17950825. doi:10.2305/IUCN.UK.2020-2.RLTS.T12554A17950825.en. สืบค้นเมื่อ 10 January 2022.
- ↑ Groves, C. (2005-11-16). Wilson, D. E.; Reeder, D. M. (บ.ก.). Mammal Species of the World (3rd ed.). Johns Hopkins University Press. p. 163. ISBN 0-801-88221-4.
- ↑ "Macaca mulatta". ระบบข้อมูลการจำแนกพันธุ์แบบบูรณาการ.
- ↑ "บันทึกนักเดินทาง : ลิงวอกฝูงสุดท้ายในป่าเมืองไทย ?". สารคดี.[ลิงก์เสีย]
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- ARKive: images and movies of the rhesus macaque Macaca mulatta
- Brain maps and brain atlases of rhesus macaque
- Primate Info Net: Macaca mulatta Factsheet
- University of Michigan Museum of Zoology's Animal Diversity Web: Macaca mulatta
- Macaca mulatta Genome เก็บถาวร 2019-01-18 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Rhesus Play Film analysis of agonistic play by Donald Symons (UCSB) on DVD
- View the Macaque genome in Ensembl.
- View the rheMac8 genome assembly in the UCSC Genome Browser.