รัฐพักรบ
รัฐพักรบ الإمارات المتصالحة (อาหรับ) Trucial States (อังกฤษ) | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ค.ศ. 1820–ค.ศ. 1971 | |||||||||||||||||||||||||||
ธงสภารัฐพักรบ | |||||||||||||||||||||||||||
สถานะ | รัฐมหาราชาแห่งบริติชอินเดีย (จนถึง ค.ศ. 1947) รัฐในอารักขาของสหราชอาณาจักร | ||||||||||||||||||||||||||
เมืองหลวง | อาบูดาบี | ||||||||||||||||||||||||||
ภาษาทั่วไป | อาหรับ, อังกฤษ | ||||||||||||||||||||||||||
เดมะนิม | ชาวรัฐพักรบ | ||||||||||||||||||||||||||
การปกครอง | สมาพันธ���ชนเผ่า | ||||||||||||||||||||||||||
ประวัติศาสตร์ | |||||||||||||||||||||||||||
8 ม���ราคม ค.ศ. 1820 | |||||||||||||||||||||||||||
• สัญญาสงบศึกทางทะเลถาวร | ค.ศ. 1853 | ||||||||||||||||||||||||||
• สภารัฐพักรบ | ค.ศ. 1952 | ||||||||||||||||||||||||||
• สิ้นสุด | 1 ธันวาคม ค.ศ. 1971 | ||||||||||||||||||||||||||
• สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ | 2 ธันวาคม ค.ศ. 1971 | ||||||||||||||||||||||||||
|
รัฐพักรบ (อังกฤษ: Trucial States; อาหรับ: الإمارات المتصالحة) หรือ ชายฝั่งพักรบ (อังกฤษ: Trucial Coast; อาหรับ: الساحل المتصالح) เป็นกลุ่มรัฐเชคทางตะวันออกเฉียงใต้ของอ่าวเปอร์เซีย ภายหลังรัฐเหล่านี้ได้ร่วมลงนามสงบศึกกับรัฐบาลบริเตน จึงถูกเรียกว่ารัฐพักรบหรือรัฐสงบศึก และเข้าเป็นรัฐในอารักขาของบริเตนตั้งแต่ ค.ศ. 1820 ใน ค.ศ. 1971 รัฐพักรบประกาศเอกราชและกลายเป็นสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในปัจจุบัน
รัฐพักรบประกอบด้วยเจ็ดรัฐ ได้แก่ รัฐอาบูดาบี รัฐอัจญ์มาน รัฐดูไบ รัฐฟุญัยเราะฮ์ รัฐชัรญะฮ์, รัฐอุมม์อัล���ุเวน และรัฐเราะซุลคัยมะฮ์ เดิมบริเตนเรียกดินแดนแถบนี้ว่า "ชายฝั่งโจรสลัด" (Pirate Coast) เพราะมักมีโจรสลัดมาปล้นเรือสินค้าของบริเตน จนในเดือนมกราคม ค.ศ. 1820 ผู้ปกครองรัฐอาบูดาบี รัฐชัรญะฮ์ รัฐอัจญ์มาน และรัฐอุมม์อัลกุเวนได้ร่วมลงนามในสนธิสัญญาทางทะเลทั่วไป ค.ศ. 1820 (General Maritime Treaty of 1820) กับบริเตน[1] โดยมีสาระสำคัญคือห้ามมีโจรสลัดและห้ามการค้าทาส อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายยังคงมีความขัดแย้งต่อกัน ใน ค.ศ. 1853 รัฐเหล่านี้จึงลงนามในสัญญาสงบศึกทางทะเลถาวร ค.ศ. 1853 (Perpetual Maritime Truce of 1853)[2] ต่อมาบริเตนซึ่งกังวลว่าชาติมหาอำนาจอื่นเช่นฝรั่งเศสและรัสเซียจะเข้ามามีอิทธิพลในดินแดนแถบนี้ได้ลงนามในสนธิสัญญา ค.ศ. 1892 กับรัฐพักรบ โดยในสนธิสัญญานี้บริเตนจะคุ้มครองรัฐพักรบทั้งทางภาคพื้นดินและทางทะเล แลกกับการที่รัฐพักรบต้องมีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับบริเตนเป็นหลัก สนธิสัญญานี้ทำให้รัฐพักรบกลายเป็นรัฐในอารักขาของบริเตน[3]
ใน ค.ศ. 1968 บริเตนประกาศจะยกเลิกรัฐพักรบ ผู้ปกครองของแต่ละรัฐของรัฐพักรบจึงประชุมกันเพื่อจัดการกับการปกครองหลังบริเตนถอนทหารออกไป ในการประชุมครั้งแรกรัฐเอมิเรตต่าง ๆ รวมถึงรัฐกาตาร์และรัฐบาห์เรนจะรวมตัวกันเป็นสหภาพ แต่ต่อมารัฐกาตาร์ รัฐบาห์เรน และรัฐเราะซุลคัยมะฮ์ประกาศถอนตัว จึงเหลือ 6 รัฐเอมิเรตที่ร่วมลงนามในข้อตกลงสหภาพในวันที่ 18 กรกฎาคม ค.ศ. 1971[4]
ต่อมาในวันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ. 1971 รัฐดูไบ รัฐอาบูดาบี รัฐชัรญะฮ์ รัฐอัจญ์มาน รัฐอุมม์อัลกุเวน และรัฐฟุญัยเราะฮ์ได้ร่วมกันจัดตั้งเป็นสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์[5] รัฐเราะซุลคัยมะฮ์เข้าร่วมกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในภายหลังเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1972[6]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Admirals of the World: A Biographical Dictionary, 1500 to the Present by William Stewart
- ↑ "Britain's Informal Empire in the Gulf, 1820–1971 by James Onley" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2016-03-05. สืบค้นเมื่อ 2015-11-30.
- ↑ Country Profile: United Arab Emirates - Library of Congress
- ↑ A Political Chronology of the Middle East by Europa Publications
- ↑ United Arab Emirates profile - Timeline - BBC News
- ↑ "The Historical Background and Constitutional Basis to the Federation" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-10-15. สืบค้นเมื่อ 2015-11-30.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ รัฐพักรบ