พระนรากรบริรักษ์ (เจิม ปิณฑะรุจิ)
พระนรากรบริรักษ์ | |
---|---|
เกิด | 18 สิงหาคม พ.ศ. 2430 |
ถึงแก่กรรม | 13 มิถุนายน พ.ศ. 2503 (72 ปี) |
ตำแหน่ง | ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล |
ภรรยาเอก | แอบ นรากรบริรักษ์ |
บุตร | 10 คน |
พันตำรวจเอก พระนรากรบริรักษ์ (เจิม ปิณฑะรุจิ) (18 สิงหาคม 2430 – 13 มิถุนายน 2503)[1] เป็นนายตำรวจชาวไทย เป็นผู้บังคับการตำรวจสันติบาลคนแรก ข้าหลวงประจำจังหวัดตรัง, ข้าหลวงประจำจังหวัดสงขลา และข้าหลวงชั้นพิเศษประจำจังหวัดเชียงราย และเป็นต้นตระกูลปิณฑะรุจิ ซึ่งเป็นนามสกุลพระราชทานลำดับที่ 4219 ได้รับพระราชทานเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2460 ขณะมียศและบรรดาศักดิ์เป็น นายร้อยตำรวจโท ขุนนราบริรักษ์ ตำแหน่ง สารวัตรแขวง กรมพระตำรวจนครบาล[2]
ประวัติ
[แก้]นายพันตำรวจเอก พระนรากรบริรักษ์ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 10 ปีกุน จุลศักราช 1249 ตรงกับวันที่ 18 สิงหาคม 2430 ที่บ้านข้างวังพระองค์เจ้าสาย อำเภอสำเพ็ง จังหวัดพระนคร (ปัจจุบันคือเขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร) บิดาชื่อ นายแจ่ม ปิณฑะรุจิ มารดาชื่อ นางจั่น ปิณฑะรุจิ มีพี่สาวร่วมพ่อแม่เดียวกัน 1 คนคือ นางทองอยู่ โพธิอุทัย
ด้านชีวิตส่วนตัวสมรสกับ นางนรากรบริรักษ์ (แอบ ปิณฑะรุจิ; สกุลเดิม อัศวรักษ์) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2454 มีบุตรธิดารวม 10 คน
รับราชการ
[แก้]ท่านเริ่มรับราชการที่กระทรวงยุติธรรม เมื่อปี 2448 ขณะอายุได้ 18 ปีในตำแหน่งล่าม ก่อนโอนย้ายมารับราชการที่กระทรวงมหาดไทยเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2457 ในตำแหน่งผู้ช่วยแผนกต่างประเทศ กระทั่งวันที่ 3 ตุลาคม ศกเดียวกัน ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศให้ท่านเป็น รองอำมาตย์ตรี นายเจิม[3]
จากนั้นในวันที่ 1 เมษายน 2458 ได้โอนย้ายมารับราชการในกรมตำรวจภูธรในตำแหน่งนายเวรอธิบดีกรมตำรวจภูธร ในวันเดียวกัน ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนยศของตำรวจหลังจากก่อนหน้านั้นใช้ยศของทหารมาโดยตลอด สำหรับขุนนางข้าราชการฝ่ายพลเรือนที่โอนย้ายมาสังกัดให้เทียบยศตำรวจเท่ากับยศเดิม ทำให้ยศของท่านเปลี่ยนเป็น นายร้อยตำรวจตรี[4] ต่อมาในวันที่ 30 เมษายน ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น นายร้อยตำรวจตรี ขุนนราบริรักษ์ ถือศักดินา 400[5]
ในวันที่ 23 มิถุนายน 2459 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานเลื่อนยศเป็น นายร้อยตำรวจโท ขุนนราบริรักษ์[6] และได้ย้ายไปรับตำแหน่ง สารวัตรแขวงสามแยก เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2459 ได้เลื่อนยศเป็น นายร้อยตำรวจเอก ขุนนราบริรักษ์ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2460[7]
จากนั้นได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น นายร้อยตำรวจ เอก หลวงนราบริรักษ์ ถือศักดินา 600 เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2461[8] โดยได้โปรดเกล้าฯ ให้ส่งสัญญาบัตรยศไปพระราชทานเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2463[9] ต่อมาได้เลื่อนเป็นสารวัตรใหญ่สามแยกและรับพระราชทานยศ นายพันตำรวจตรี เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2463[10] ในวันที่ 18 ธันวาคม 2467 ได้โปรดเกล้าฯ ให้ท่านโอนย้ายกลับไปเป็นข้าราชการพลเรือนในตำแหน่ง ผู้ว่าราชการอำเภอแม่สอด (ตำแหน่งนายอำเภอ เทียบเท่าผู้ว่าราชการจังหวัด)[11] โดยได้รับพระราชทานยศเป็น อำมาตย์โท หลวงนราบริรักษ์ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2467[12]
ต่อมาในวันที่ 3 ธันวาคม 2469 ท่านได้โอนกลับมารับราชการตำรวจในตำแหน่ง รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรมณฑลนครสวรรค์[13] แทนที่ นายพันตำรวจเอก พระเริงระงับไภย ที่ออกจากราชการ[14] ในวันที่ 21 มกราคม 2470 ท่านได้รับโปรดเกล้าฯ ให้รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผู้บังคับการตำรวจภูธรมณฑลนครศรีธรรมราช แทน นายพันตำรวจเอก พระยาอาชญาพิทักษ์ (เกษ สุนทรรัตน์) ที่สลับไปดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธรมณฑลนครสวรรค์[15] ก่อนจะโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2471[16]
ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2471 ซึ่งตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษา ได้พระราชทานยศให้ท่านเลื่อนขึ้นเป็น นายพันตำรวจโท หลวงนราบริรักษ์[17] ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาปีถัดมา ได้โปรดพระราชทานยศเลื่อนขึ้นเป็น นายพันตำรวจเอก หลวงนราบริรักษ์[18] ต่อมาในวันที่ 25 ธันวาคม 2472 ได้โปรดเกล้าฯ ให��ท่านเป็นผู้บังคับการโรงเรียนนายร้อยตำรวจและโรงเรียนพลตำรวจแทน นายพันตำรวจเอก หลวงอรรถวิมลบัณฑิต (โต๊ะ หิรัณยัษฐิติ) ที่ลงไปเป็นผู้บังคับบัญชาการตำรวจภูธรมณฑลนครศรีธรรมราช[19]
ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2473 ได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้ท่านเป็น นายพันตำรวจเอก พระนรากรบริรักษ์ ถือศักดินา 800[20] ต่อมาในปี 2475 ท่านได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรมณฑลพายัพคนสุดท้าย เพราะจากนั้นในวันที่ 17 พฤศจิกายน ปีเดียวกันได้มีการเปลี่ยนแปลงชื่อหน่วยงานเป็นกองบังคับการตำรวจภูธรภาคเหนือโดยมี นายพันตำรวจเอก พระยาขจรธรณี เป็นผู้บังคับการคนแรก ส่วนท่านได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็น ผู้บังคับการตำรวจสันติบาลคนแรก[21]
ต่อมาในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2476 ท่านได้โอนย้ายกลับมารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือน ในตำแหน่งข้าหลวงประจำจังหวัดตรัง (ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดในปัจจุบัน)[22] ประมาณปี 2478 ได้ย้ายไปรับตำแหน่งข้าหลวงประจำจังหวัดสงขลา จากนั้นในวันที่ 15 ธันวาคม 2480 ท่านถูกย้ายเข้ามาประจำกระทรวง[23] กระทั่งวันที่ 18 เมษายน 2482 ท่านได้ย้ายไปรับตำแหน่งข้าหลวงประจำจังหวัดเชียงราย[24] ในวันที่ 16 มิถุนายน ปีเดียวกัน ท่านได้เลื่อนชั้นขึ้นเป็นข้าหลวงประจำจังหวัดชั้นพิเศษ ประจำจังหวัดเชียงราย[25] จากนั้นในวันที่ 1 พฤษภาคม 2484 ท่านได้กลับเข้ามาประจำกระทรวงอีกครั้ง[26] ก่อนจะลาออกจากราชการรับเบี้ยบำนาญเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2484
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
[แก้]- พ.ศ. 2482 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์ช้างเผือก (ต.ช.)[27]
- พ.ศ. 2480 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์มงกุฎไทย (ต.ม.)[28]
- พ.ศ. 2485 – เหรียญชัยสมรภูมิ สงครามอินโดจีน (ช.ส.)[29]
- พ.ศ. 2478 – เหรียญพิทักษ์รัฐธรรมนูญ (พ.ร.ธ.)[30]
- พ.ศ. 2484 – เหรียญช่วยราชการเขตภายใน การรบสงครามอินโดจีน (ช.ร.)[31]
- พ.ศ. 2474 – เหรียญจักรมาลา (ร.จ.ม.)[32]
- พ.ศ. 2454 – เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 6 (ร.ร.ศ.6)
- พ.ศ. 2468 – เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 7 (ร.ร.ศ.7)
- พ.ศ. 2475 – เหรียญเฉลิมพระนคร 150 ปี (ร.ฉ.พ.)
อ้างอิง
[แก้]- ↑ นรากรบริรักษ์ อนุสรณ์
- ↑ นามสกุลพระราชทาน อักษร ป
- ↑ พระราชทานยศและเลื่อนยศ
- ↑ ประกาศ ใช้ยศนายตำรวจภูธร พระพุทธศักราช 2458
- ↑ พระราชทานบรรดาศักดิ์
- ↑ พระราชทานยศนายตำรวจภูธรและนายตำรวจพระนครบาล (หน้า 811)
- ↑ พระราชทานยศนายตำรวจภูธรและนายตำรวจพระนครบาล (หน้า 1539)
- ↑ พระราชทานบรรดาศักดิ์ (หน้า 2654)
- ↑ ส่งสัญญาบัตรยศตำรวจภูธรและตำรวจพระนครบาลไปพระราชทาน
- ↑ พระราชทานยศ
- ↑ แจ้งความกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งผู้ว่าราชการอำเภอแม่สอด
- ↑ พระราชทานยศ (หน้า 3368)
- ↑ แจ้งความกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ถอน ย้าย และตั้งตำแหน่งหน้าที่ราชการ
- ↑ แจ้งความกระทรวงมหาดไทย
- ↑ แจ้งความกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ย้ายผู้บังคับการตำรวจ
- ↑ แจ้งความกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งผู้บังคับการตำรวจภูธร
- ↑ พระราชทานยศพลเรือน (หน้า 2450)
- ↑ พระราชทานยศพลเรือน (หน้า 2781)
- ↑ แจ้งความกระทรวงมหาดไทย
- ↑ พระราชทานยศ
- ↑ ประกาศประธานคณะกรรมการราษฎร ประกาศ ปลดตั้งและย้ายนายตำรวจ
- ↑ แจ้งความ ปลด ตั้ง และย้ายข้าหลวงประจำจังหวัด (หน้า 3327)
- ↑ แจ้งความกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ย้ายและโอนข้าราชการ
- ↑ แจ้งความกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ย้ายข้าราชการ
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ตั้งปลัดกระทรวง รองปลัดกระทรวง และข้าหลวงประจำจังหวัดชั้นพิเศษ ในกระทรวงมหาดไทย
- ↑ แจ้งความกระทรวงมหาดไทย เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการ
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๕๖ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๑๙๑๐, ๕ ตุลาคม ๒๔๘๒
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๕๔ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๑๖๘๔, ๑๒ พฤศจิกายน ๒๔๘๐
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญชัยสมรภูมิ, เล่ม ๖๐ ตอนที่ ๓๑ ง หน้า ๒๑๓๙, ๑๕ มิถุนายน ๒๔๘๖
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, บัญชีรายนามผู้ที่ได้รับพระราชทานเหรียญพิทักษ์รัฐธรรมนูญ, เล่ม ๕๒ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๙๔, ๑๒ พฤษภาคม ๒๔๗๘
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญช่วยราชการเขตภายใน, เล่ม ๕๘ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๓๖๐๗, ๗ ตุลาคม ๒๔๘๔
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๔๘ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๓๑๘๖, ๒๒ พฤศจิกายน ๒๔๗๔