แมคดอนเนลล์ ดักลาส เอ็มดี-11
แมคดอนเนลล์ ดักลาส เอ็มดี-11 เป็นเครื่องบินสามเครื่องยนต์ ผลิตโดยแมคดอนเนลล์ดักลาส และโบอิ้งหลังจากควบรวมกิจการกันแล้ว มีต้นแบบมาจากแมคดอนเนลล์ ดักลาส ดีซี-10 เน้นใช้วัสดุผสมเป็นหลัก ใช้เครื่องยนต์ขับเคลื่อน 3 เครื่อง แต่ก็สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากกว่าเครื่องบินแบบ 2 เครื่องยนต์ และเกิดอุบัติเหตุบ่อยทำให้ไม่เป็นที่นิยมนัก ผลิตออกมาได้แค่ 200 ลำ มีทั้งแบบโดยสารและแบบขนส่งสินค้า แบบโดยสารออกบินครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ. 2557 ส่วนแบบขนส่งสินค้ายังคงมีเที่ยวบินใช้งานอยู่
แมคดอนเนลล์ ดักลาส เอ็มดี-11 | |
---|---|
เอ็มดี 11 ของการบินไทย | |
ข้อมูลทั่วไป | |
บทบาท | อากาศยานไอพ่นลำตัวกว้าง |
ชาติกำเนิด | สหรัฐอเมริกา |
บริษัทผู้ผลิต | แมคดอนเนลล์ ดักลาส (พ.ศ. 2531-2540) เครื่องบินพาณิชย์โบอิง (พ.ศ. 2540-2543) |
สถานะ | ในประจำการแบบเครื่องบินขนส่งสินค้า |
ผู้ใช้งานหลัก | เฟดเอกซ์ เอกซ์เพรส ลุฟต์ฮันซา คาร์โก ยูพีเอส แอร์ไลน์ เวสต์เทิร์นโกลบัลแอร์ไลน์ |
จำนวนที่ผลิต | 200 ลำ |
ประวัติ | |
สร้างเมื่อ | พ.ศ. 2531-2543 |
เริ่มใช้งาน | ธันวาคม พ.ศ. 2533 กับฟินน์แอร์ |
เที่ยวบินแรก | 10 มกราคม พ.ศ. 2533 |
ประวัติ
แก้การผลิตและใช้งาน
แก้ในวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2529 แมคดอนเนลล์ ดักลาส เอ็มดี-11 มีการสั่งซื้อจาก 52 บริษัทและ 40 ตัวเลือก[1] ในสามรุ่น คือ โดยสาร โดยสารกับขนส่งสินค้า และขนส่งสินค้า โดยเปิดเผยว่ามีสิบสายการบิน (อาลีตาเลีย, บริติช ไพโอเนียน, ดรากอนแอร์, เฟดเอกซ์ เอกซ์เพรส, ฟินน์แอร์, โคเรียนแอร์, ��แกนดิเนเวียนแอร์ไลน์ซิสเต็ม, สวิตแอร์, การบินไทยและ Varig และอีกสองบริษัทลีสซิ่ง (ที่ให้เช่าหรือให้ผ่อนเครื่องบิน) คือ Guinness Peat Aviation และ Mitsui[1] อย่างไรก็ตาม ดรากอนแอร์, สแกนดิเนเวียนแอร์ไลน์ซิสเต็ม และยูทีเอซึ่งไม่ได้มีรายชื่อที่เปิดเผยข้างต้นในตอนแรก ได้ยกเลิกคำสั่งซื้อของตนใน พ.ศ. 2531
ประวัติเที่ยวบิน
แก้เที่ยวบินแรก
แก้เที่ยวบินปลดประจำการ
แก้สายการบิน เคแอลเอ็ม เป็นสายการบินสุดท้าย ที่ให้บริการเครื่องบิน แมคดอนเนลล์ ดักลาส เอ็มดี-11 ในการขนส่งผู้โดยสาร โดยเที่ยวบินสุดท้าย เดินทางมาจาก มอนทรีออล มายังอัมสเตอร์ดัม ในเที่ยวบิน KL672 ในวันที่ 26 ตุลาคม 2557 และเคแอลเอ็มได้จัดเที่ยวบินพิเศษเพื่อเป็นการอำลาเอ็มดี-11 (MD-11 Farewell Flight) ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2557[2][3] เคแอลเอ็มจะนำเครื่องบินแบบ แอร์บัส เอ 330 และ โบอิง 777 มาใช้ทดแทนเอ็มดี-11
ลุฟท์ฮันซ่าคาร์โก้ได้ปลดประจำการเอ็มดี 11F ลำสุดท้ายของยุโรป ในเดือนตุลาคม ปีพ.ศ. 2564[4]
ข้อมูลจำเพาะ
แก้ข้อมูล |
MD-11 (Passenger) |
MD-11CF (Convertible Freighter) |
MD-11F (Freighter) |
MD-11C (Combi) |
MD-11ER (Extended Range) |
---|---|---|---|---|---|
Seating capacity, typical |
410 (1 class) 323 (2 class) |
N/A (cargo) |
290 (1 class) 214 (2 class) |
410 (1 class) 323 (2 class) | |
Cargo capacity | 32 LD3 (lower compartment) | 26 pallets +32 LD3 (lower compartment) |
21,096 cu ft (597 m3) 26 pallets on the main deck |
6 pallets +32 LD3 (lower compartment) |
32 LD3 (lower compartment) |
Total length | 202 ft 2 in (61.62 m) with GE engines 200 ft 11 in (61.24 m) with PW engines | ||||
Fuselage length | 192 ft 5 in (58.65 m) | ||||
Fuselage width | 19 ft 9 in (6.02 m) | ||||
Wingspan | 169 ft 6 in (51.66 m) | ||||
Wing area | 3,648 sq ft (338.9 m2) including winglets | ||||
Tail height | 57 ft 9 in (17.60 m) | ||||
Maximum Takeoff Weight (MTOW)* |
standard: 602,500 lb (273,300 kg) heavy: 630,500 lb (286,000 kg) |
standard: 625,000 lb (283,000 kg) heavy: 630,500 lb (286,000 kg) |
standard: 610,000 lb (280,000 kg) heavy: 630,500 lb (286,000 kg) |
standard: 610,000 lb (280,000 kg) heavy: 630,500 lb (286,000 kg) |
630,500 lb (286,000 kg) |
Max. landing weight | 430,000 lb (200,000 kg) | 471,500 lb (213,900 kg) optional: |
491,500 lb (222,900 kg) | 458,000 lb (208,000 kg) | 491,500 lb (222,900 kg) |
Operating empty weight | 283,975 lb (128,809 kg) | 288,296 lb (130,769 kg) | 248,567 lb (112,748 kg) | 283,975 lb (128,809 kg) | 291,120 lb (132,050 kg) |
Max. fuel capacity | 38,615 US gal (146,170 L) | 41,520 US gal (157,200 L) | |||
Takeoff distance at MTOW | 10,300 ft (3,100 m) | ||||
Max. range (max. payload) |
6,840 nmi (12,670 km) | Pass: 6,840 nmi (12,670 km) Freight: 3,950 nmi (7,320 km) |
3,950 nmi (7,320 km) | 6,720 nmi (12,450 km) | 7,240 nmi (13,410 km) |
Max. cruise speed | 0.88 Mach (587 mph, 945 km/h, 520 kn) | ||||
Typical cruise speed | 0.82 Mach (544 mph, 876 km/h, 473 kn) | ||||
Service ceiling | 43,000 ft (13,000 m) | ||||
Engines (3x) | Pratt & Whitney PW4460 - 60,000 lbf (270 kN) PW4462 - 62,000 lbf (280 kN) |
ผู้ให้บริการ
แก้ณ เดือนตุลาคม ปีพ.ศ. 2564 ฝูงบิน เอ็มดี-11 ทั่วโลกมีเครื่องบินให้บริการเชิงพาณิชย์ทั้งหมด 102 ลำ โดยมีผู้ให้บริการขนส่งสินค้า ได้แก่ เฟดเอ็กซ์ เอกซ์เพรส (57), ยูพีเอส แอร์ไลน์ (42) และเวสเทิร์น โกลบอล แอร์ไลน์ (13)
อุบัติเหตุและอุบัติการณ์สำคัญ
แก้อุบัติเหตุ
แก้สวิสแอร์ เที่ยวบินที่ 111
แก้เที่ยวบินที่ 111 เป็นเที่ยวบินที่กำหนดจากนิวยอร์กไปยังเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2541[5] เครื่องบินลำดังกล่าวคือ McDonnell Douglas MD-11 บนเรือมีผู้โดยสาร 215 คนและลูกเรือ 14 คน[6] เครื่องบินถูกไฟไหม้ห้องนักบิน[6] มันชนเข้ากับมหาสมุทรแอตแลนติกใกล้โนวาสโกเชีย เสียชีวิตทั้งหมด 229 ราย มันเป็นอุบัติเหตุที่เลวร้ายที่สุดครั้งที่สองที่เคยเกิดขึ้นในพื้นที่แฮลิแฟกซ์ โนวาสโกเชีย[7]
เฟดเอกซ์ เอกซ์เพรส เที่ยวบินที่ 80
แก้อุบัติการณ์
แก้เฟดเอกซ์ เอกซ์เพรส เที่ยวบินที่ 14
แก้เครื่องบินที่คล้ายกัน
แก้รุ่นที่ใกล้เคียงกัน
แก้เครื่องบินที่ใกล้เคียงกัน
แก้อ้างอิง
แก้Citations
แก้- ↑ 1.0 1.1 "McDonnell-Douglas MD-11". pilotfriend.com. สืบค้นเมื่อ August 25, 2017.
- ↑ "KLM Operates Last MD-11 Passenger Flight". KLM.com
- ↑ "Win two last tickets for KLM's MD-11 Farewell Flights on 11 November". KLM.com
- ↑ https://lufthansa-cargo.com/en/newsroom#/pressreleases/the-last-md-11f-leaves-lufthansa-cargo-3137028
- ↑ http://www.cbc.ca/news/canada/nova-scotia/swissair-flight-111-tragedy-still-raw-15-years-later-1.1329919
- ↑ 6.0 6.1 "#OnThisDay in 1998, Swissair Flight 111 suffers a catastrophic cockpit fire near Halifax". AIRLIVE (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2016-09-02. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-01-11. สืบค้นเมื่อ 2022-01-11.
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-07-26. สืบค้นเมื่อ 2022-01-11.