ข้ามไปเนื้อหา

เดอะบิกแบงเธียรี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก เดอะบิกแบงธีออรี)
เดอะบิกแบงเธียรี
ประเภทซิตคอม[1]
สร้างโดยชัก ลอร์
บิล พราดี
กำกับโดยมาร์ก เซนดราวสกี
แสดงนำ
ผู้ประพันธ์ดนตรีแก่นเรื่องแบร์เนคิด เลดีส์
ดนตรีแก่นเรื่องเปิด"บิกแบงเธียรีธีม"[2][3]
ประเทศแหล่งกำเนิดสหรัฐอเมริกา
ภาษาต้นฉบับอังกฤษ
จำนวนฤดูกาล12
จำนวนตอน279 (รายชื่อตอน)
การผลิต
ผู้อำนวยการผลิตชัก ลอร์
บิล พราดี
สตีเวน โมลาโร
ผู้อำนวยการสร้างเฟย์ โอชิมา เบลยู
ผู้ลำดับภาพปีเตอร์ ชาคอส
กล้องใช้กล้องหลายตัว
ความยาวตอน18–22 นาที (ไม่รวมโฆษณา)
บริษัทผู้ผลิตชัก ลอร์ โปรดักชันส์
วอร์เนอร์ บราเธอร์ส เทเลวิชัน
ออกอากาศ
เครือข่ายซีบีเอส
ออกอากาศ24 กันยายน ค.ศ. 2007 (2007-09-24) –
16 พฤษภาคม ค.ศ. 2019 (2019-05-16)

เดอะบิกแบงเธียรี (ชื่อไทย:ทฤษฎีวุ่นหัวใจ )(อังกฤษ: The Big Bang Theory) เป็นซีรีส์ซิตคอมสัญชาติอเมริกันที่สร้างโดยชัก ลอร์ และบิล พราดี ผลิตรายการร่วมกับสตีเวน โมลาโร พวกเขาสามคนเป็นคนเขียนบทหลัก ออกอากาศครั้งแรกที่ช่องซีบีเอสเมื่อวันที่ 24 กันยายน ค.ศ. 2007[4] ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2014 รายการได้สร้างเพิ่มอีก 3 ซีซันจนถึงซีซันที่สิบ ซึ่งออกอากาศวันที่ 19 กันยายน ค.ศ. 2016[5][6]

เดอะบิกแบงเธียรี มีใจกลางเนื้อเรื่องอยู่ที่ตัวละครหลัก 5 คนอาศัยอยู่ในเมืองแพซาดีนา แคลิฟอร์เนีย ได้แก่ เลนเนิร์ด ฮอฟสแตดเตอร์ และเชลดอน คูเปอร์ นักฟิสิกส์สองคนที่เป็นเพื่อนร่วมห้องกัน เพนนี สาวบริกรผู้ใฝ่ฝันที่จะเป็นนักแสดง อาศัยอยู่ห้องฝั่งตรงข้าม, และเพื่อนคงแก่เรียนแสนงุ่มง่ามอีกสองคือ ฮาวเวิร์ด โวโลวิตซ์ วิศวกรเครื่องกล และราจ คูธราปพาลี นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ ความเนิร์ดและฉลาดหลักแหลมของชายสี่คนนั้นแตกต่างจากทักษะการเข้าสังคมและสามัญสำนึกของเพนนีโดยสิ้นเชิง[7][8]

ตลอดเวลาที่ออกอากาศ มีตัวละครรองได้รับการเลื่อนระดับให้เป็นตัวละครหลัก ได้แก่ เลสลี วิงเคิล เพื่อนนักฟิสิกส์ที่สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย และต่างเคยเป็นคนรักเก่าของเลนเนิร์ดและฮาวเวิร์ด, เบอร์นาเด็ต รอสเต็นคาวสกี แฟนสาวของฮาวเวิร์ด (ต่อมาได้เป็นภรรยา) เป็นนักจุลชีววิทยาและเคยเป็นสาวบริกรเช่นเดียวกันเพนนี, เอมี แฟร์ราห์ ฟาวเลอร์ นักประสาทวิทยาซึ่งเข้ามาอยู่ในกลุ่มหลังจากถูกจับคู่ให้กับเชลดอนจากเว็บไซต์หาคู่ (และต่อมากลายเป็นแฟนสาวของเชลดอน), และ สจ๊วต บลูม เจ้าของร้านหนังสือการ์ตูนที่เหล่าตัวละครแวะเป็นประจำ

การสร้าง

[แก้]

โครงสร้างของเนื้อเรื่องตอนนำร่องเดิมที่ถูกพัฒนาเพื่อออกอากาศในซีซันปี 2006-07 นั้นแตกต่างจากรูปแบบของซีรีส์ปัจจุบันอย่างมาก ตัวละครที่ปรากฏในตอนนำร่องทั้งสองแบบคือเลนเนิร์ด (จอห์นนี กาเล็กกี) และเชลดอน (จิม พาร์สันส์) โดยชื่อตัวละครตั้งตามนักวิทยาศาสตร์ เชลดอน เลนเนิร์ด แอลเธีย (เวอร์นี วอตสัน) เป็นตัวละครที่ปรากฏในตอนนำร่องทั้งสองแบบและในตอนแรกของซีรีส์[9] ตัวละครนำหญิงสองคนในขณะนั้นคือ อะแมนดา วอลช์ นักแสดงชาวแคนาดา รับบท เคที "มัณฑนากรจิตใจบอบบาง"[10][11] และไอริส บาหร์ รับบท กิลดา เพื่อนนักวิทยาศาสตร์ของตัวละครชาย เชลดอนและเลนเนิร์ดพบเคทีหลังจากเธอเลิกรากับคนรักหนุ่ม และพวกเขาชักชวนให้เธอมาอยู่ห้องชุดห้องเดียวกัน กิลดากับเคทีไม่ลงรอยกัน ผู้ชมในช่วงทดลองถ่ายทำให้การตอบรับต่อเคทีที่ไม่ดีนัก แต่พวกเขาชื่นชอบเชลดอนและเลนเนิร์ด ตอนนำร่องเดิมใช้เพลง "ชีไบลน์ดิดมีวิทไซนซ์" ของโทมัส ดอลบี เป็นเพลงประกอบ

ซีรีส์ไม่ได้ถูกเลือกมาฉาย แต่เหล่าผู้สร้างได้โอกาสปรับเปลี่ยนรายการใหม่และสร้างตอนนำร่องตอนที่สอง พวกเขานำนักแสดงที่เหลืออยู่มาแสดงและปรับรายการเป็นรูปแบบล่าสุด เคทีถูกแทนด้วยเพนนี (เคลีย์ โควโค) ตอนนำร่องเดิมที่ไม่ได้ออกอากาศไม่เคยออกจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่มีให้ชมในอินเทอร์เน็ต ในการพัฒนาซีรีส์นี้ ชัก ลอร์ กล่าวว่า "เราทำ 'ตอนนำร่องบิกแบง' ประมาณสองปีครึ่งที่แล้ว และมันแย่ แต่ยังมีสองสิ่งที่โดดเด่นที่ทำผลงานได้สมบูรณ์แบบ คือจอห์นนี และจิม เราเขียนเนื้อเรื่องใหม่ทั้งหมดและได้ เคลีย์ ไซมอน และคุนาล มาร่วมแสดง" ในคำถามที่ว่าโลกจะได้ชมตอนนำร่องตอนเดิมในอนาคตในรูปแบบดีวีดีหรือไม่ ลอร์กล่าวว่า "ว้าว มันต้องมีอะไรดี เราจะได้เห็นกัน แสดงความล้มเหลวของคุณออกมา"[12]

ตอนนำร่องตอนแรกและตอนที่สองกำกับโดยเจมส์ แบร์โรวส์ แต่ไม่ได้กำกับต่อในตอนต่อ ๆ ไป ตอนนำร่องที่ทำใหม่ทำให้ช่องซีบีเอสอนุญาตทำเพิ่มอีก 13 ตอน โดยอนุญาตในวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2007[13] ก่อนออกอากาศช่องซีบีเอส ตอนนำร่องตอนนี้ถูกเผยแพร่ในไอทูนส์แบบไม่คิดค่าใช้จ่าย รายการออกอากาศตอนแรกในวันที่ 24 กันยายน ค.ศ. 2007 และได้รับเลือกให้ทำจำนวน 22 ตอนเต็มซีซันในวันที่ 19 ตุลาคม ค.ศ. 2007[14] รายการถ่ายทำต่อหน้าผู้ชมสด ๆ[15] และสร้างโดยวอร์เนอร์บราเธอส์เทเลวิชัน และชัก ลอร์ โพรดักชันส์[16] ต่อมา การสร้างหยุดลงในวันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 2007 จากเหตุการณ์ประท้วงของสมาคมนักเขียนแห่งอเมริกา หลังจากนั้นเกือบสามเดือน ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008 ซีรีส์ถูกแทนชั่วคราวด้วยซิตคอมเรื่อง เวลคัมทูเดอะแคปทัน ก่อนจะกลับมาออกอากาศอีกครั้งในวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 2008 ในช่วงเวลาที่เร็วกว่าเดิม[17] สรุปแล้ว ซีซันแรกมีจำนวนตอนเพียง 17 ตอน[18][19] หลังจากการประท้วงสิ้นสุดลง รายการได้ทำซีซันที่สอง ซีซีน 2008-09 ฉายตอนแรกในช่วงเวลาเดิมในวันที่ 22 กันยายน ค.ศ. 2008[20] เนื่องจากมียอดผู้ชมเพิ่มขึ้น ในปี ค.ศ. 2009[21][22] รายการได้ต่ออายุอีกสองปีไปจนถึงซีซัน 2010-11 ในปี ค.ศ. 2011 รายการได้ทำต่ออีกสามซีซัน[23] ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2014 รายการได้ทำต่ออีกสามซีซันจนถึงซีซัน 2016-17 ดังนั้น ซีรีส์จะมีจำนวนซีซันอย่างน้อย 10 ซีซัน ทำให้เป็นการต่ออายุสามปีเป็นครั้งที่สอง[5]

เดวิด ซอลซ์เบิร์ก ศาสตราจารย์วิชาฟิสิกส์และดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส เป็นผู้ตรวจสอบเนื้อหาและจัดเตรียมบทพูด สมการคณิตศาสตร์ และแผนภาพ ที่ใช้เป็นอุปกรณ์ประกอบฉาก[7] ผู้อำนายการสร้าง บิล พราดี กล่าวว่า "เรามอบโจทย์ปัญหาที่มีจริงให้เชลดอน ซึ่งเขาจะต้องทำวิจัยตลอดซีซีน [แรก] ดังนั้นบนกระดานจึงแสดงความคืบหน้าจริง ๆ ของโจทย์ เราทำงานหนักเพื่อให้วิทยาศาสตร์ถูกต้องทั้งหมด"[8]

นักแสดงในเรื่องเดอะบิกแบงเธียรีหลายคนเคยแสดงร่วมกันในซิตคอม โรแซน เช่น จอห์นนี กาเล็กกี ซารา กิลเบิร์ต ลอรี เมตคาล์ฟ (ผู้รับบท แมรี คูเปอร์ มารดาของเชลดอน) และเมแกน เฟย์ (ผู้รับบทมารดาของเบอร์นาเดตต์) ลอร์เคยเขียนบทให้ซีรีส์ดังกล่าวอยู่หลายซีซัน

นักแสดง

[แก้]

นักแสดงต่อไปนี้เป็นนักแสดงหลักตลอดเรื่อง

  • เลนเนิร์ด ฮอฟสแตดเตอร์ (รับบทโดย จอห์นนี กาเล็กกี)[24] เป็นนักฟิสิกส์ทดลองมีระดับเชาวน์ปัญญาที่ 173 ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตเมื่อเขาอายุ 24 ปี มารดาของเขา เบเวอร์ลี (คริสตีน บาแรนสกี) เป็นนักประสาทวิทยาและนักจิตวิทยาที่ไม่ได้เลี้ยงดูเลนเนิร์ดมากนัก เช่นเดียวกับตัวละครชายคนอื่น ๆ เลนเนิร์ดเป็นเนิร์ดที่รักวิดีโอเกม หนังสือการ์ตูน และเกมกระดาน ดันเจียนส์แอนด์แดรกอนส์ เลนเนิร์ดมีภาวะไม่ทนต่อแล็กโทสด้วย เนื่องจากเป็นคนตรง ๆ เขาร่วมอาศัยในห้องชุดห้องเดียวกับเชลดอนในพาซาดีนา เลนเนิร์ดตกหลุมรักเพนนี เพื่อนบ้านของเขา ตั้งแต่แรกพบ พวกเขาคบกันในช่วงสั้น ๆ ตั้งแต่ปลายซีซัน 1 ถึงต้นซีซัน 2 หลังจากนั้นพักชั่วคราว และมีความสัมพันธ์แบบโรแมนติกในซีซัน 3 อย่างไรก็ตาม พวกเขาเลิกกันในช่วงท้ายซีซัน 3 เมื่อเลนเนิร์ดบอกรักเพนนี และเพนนียังไม่พร้อม เลนเนิร์ดยังเคยคบกับเลสลี วิงเคิล (ซารา กิลเบิร์ต) และสเตฟานี บาร์เนตต์ (ซารา รู) ในซีซัน 2 และในซีซัน 4 เขามีความสัมพันธ์จริงจังกับพรียา (อาร์ตี แมน) ทนายความและน้องสาวของราเจช แต่สุดท้ายแล้วเธอกลับประเทศอินเดียและเลิกกับเขาในซีซัน 5 เลนเนิร์ดและเพนนีกลับมาเริ่มความสัมพันธ์โรแมนติกอีกครั้งในซีซัน 5 และแต่งงานกันในซีซัน 9
  • เชลดอน คูเปอร์ (รับบทโดยจิม พาร์สันส์)[25] มีพื้นเพจากเมืองแกลเวสตัน รัฐเท็กซัส เชลดอนเคยเป็นเด็กอัจฉริยะที่มีความจำเป็นเลิศ เริ่มเข้าเรียนระดับวิทยาลัยเมื่ออายุ 11 ขวบ (หลังจากจบชั้นประถมศึกษาปีที่ห้า) เริ่มเรียนระดับมหาวิทยาลัยเมื่ออายุ 14 ปี และได้รับปริญญาระดับดุษฎีบัณฑิตเมื่ออายุ 16 ปี เชลดอนเป็นนักฟิสิกส์ทฤษฎี กำลังวิจัยเรื่องกลศาสตร์ควอนตัมและทฤษฎีสตริง มีปริญญาดุษฎีสองใบ คือ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต และวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิต อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขามีระดับเชาวน์ปัญญาที่ 187 เขากลับพบว่ามุมมองกิจวัตรประจำวันหลายอย่างในสังคมและการใช้ชีวิตนั้นเข้าถึงและเข้าใจยาก บิดาของเขาเสียชีวิตเมื่อเขาอายุ 14 ปี และมารดาชื่อ แมรี (ลอรี เมตคาล์ฟ) เป็นคริสต์ศาสนิกชนที่เคร่งครัด เขามีพี่สาวฝาแฝดชื่อ มิสซี (คอร์ตนีย์ เฮงเกลเลอร์) เชลดอนเป็นคนเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นได้ยากและแทบไม่เข้าใจความแตกต่างเล็ก ๆ น้อย ๆ มักสงสัยคนอื่นว่าความคิดเห็นนั้นเป็นการประชดประชันหรือไม่ ผลลัพธ์คือ เขาจึงเป็นคนไม่มีกาลเทศะ และประพฤติตัวไม่เหมาะสมอยู่บ่อย ๆ เขาเป็นคนมุ่งมั่นมีวิธีการของตนเอง โอ้อวดถึงความฉลาดเหนือคนอื่นของตน และดูถูกความสำเร็จองเพื่อน ๆ ซึ่งเล็กน้อยกว่าเขา ทำให้เขาดูเห็นแก่ตัวและเหมือนเด็ก เชลดอนมีวิถีการใช้ชีวิตที่เป็นแบบแผน (เช่น มักนั่งบนที่นั่งประจำของตนเองบนโซฟา หรือเคาะประตูสามครั้งแล้วจึงเรียกชื่อคนที่เขาต้องการพบ) และมีแรงผลักดันในการทำสิ่งต่าง ๆ ให้สำเร็จ เขาระมัดระวังเชื้อโรคและไม่ชอบการสัมผัสร่างกาย แม้ว่าจะมีพฤติกรรมประหลาดดังกล่าว เขาเริ่มสานสัมพันธ์กับเอมี แฟร์ราห์ ฟาวเลอร์ในซีซัน 4 และกลายเป็นคนรักของเขาอย่างเป็นทางการในซีซัน 5
  • เพนนี ฮอฟสแตดเตอร์ (รับบทโดยเคลีย์ โควโค)[26] เป็นสาวที่ต้องเป็นนักแสดงจากเมืองเมืองหนึ่งนอกโอมาฮา รัฐเนบราสกา เพนนีย้ายเข้ามาอาศัยห้องชุดตรงข้ามเชลดอนและเลนเนิร์ดในตอนแรกของซีรีส์ เธอเข้ารับการคัดเลือกนักแสดงหลายครั้ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จนัก เธอเป็นบริกรหญิงและทำงานที่บาร์ที่ร้านชีสเค้กแฟกทอรีเพื่อหารายได้จ่ายค่าเช่าห้อง แม้ว่าเธอมักทานอาหารฟรีร่วมกับเลนเนิร์ดและเชลดอน ใช้ไวไฟของเขาและให้พวกเขาช่วยจ่ายค่าเช่า หลังจากล้มเลิกความตั้งใจที่จะเป็นนักแสดง เพนนีลาออกจากอ่านในซีซัน 7 และในซีซัน 8 เธอเป็นตัวแทนจำหน่ายยาเภสัชของแซนเจน ตำแหน่งงานนี้ทำให้เธอมีรายได้อิสระ เพนนีเข้าเรียนวิทยาลัยชุมชน และไม่สำเร็จการศึกษา (เธอกลับไปเรียนในระยะสั้นในซีซัน 6) อย่างไรก็ตาม เธอมีจิตสำนึกที่ปกติและเข้าสังคมได้ดีกว่าสมาชิกในแก๊งทั้งหมด เพนนีเป็นคนไม่มีระเบียบและดื่มแอลกอฮอลเป็นประจำ ชื่อสกุลของเธอไม่เคยถูกเปิดเผย ในซีซัน 1 เธอคบหากับไมก์ (แอนดรูว์ วอล์กเกอร์) ซึ่งต่อมาเธอเลิกกับเขาหลังเขาโพสต์เรื่องเพศสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอบนบล็อก เธอคบหากับสจ๊วต บลูม เจ้าของร้านหนังสือการ์ตูนเพียงชั่วคราวในซีซัน 2 และในระหว่างซีซัน 3 และ 4 เธอคบกับแซ็ก จอห์นสัน (ไบรอัน โทมัส สมิธ) ชายหนุ่มหล่อ เป็นมิตร แต่ไม่ฉลาด พวกเขาเคยสมรสกันในลาสเวกัส แต่พวกเขาไม่คิดว่ามันคือการสมรสจริง ในซีซัน 4 เพนนีกลายเป็นเพื่อนสนิทกับเบอร์นาเดตต์และเอมี และพวกเธอมักไปเที่ยวที่ห้องชุดของกันและกันหรือเที่ยวข้างนอกด��วยกัน แม้ว่าเชลดอนมีพฤติกรรมประหลาด แต่เพนนียังเป็นเพื่อนสนิทของเชลดอนด้วย หลังคบหากับเลนเนิร์ดสั้น ๆ ในปลายซีซัน 1 คบกันต่อและเลิกกันในซีซัน 3 เพนนีและเลนเนิร์ดกลับมาคบกันในซีซัน 5 และแต่งงานกันในซีซัน 9 เคลีย์ โควโคเริ่มมีชื่อบนฉากเครดิตว่า เคลีย์ โควโค-สวีทิง ในซีซัน 7 ตอน The Convention Conundrum หลังจากเธอสมรสกับนักกีฬาเทนนิส ไรอัน สวีทิง หลังเธอประกาศหย่าร้างกับเขาในปี ค.ศ. 2015 ชื่อของโควโคในฉากเปิดเรื่องเปลี่ยนกลับมาเป็นชื่อเดิมในซีซัน 9 ตอน The Bachelor Party Corrosion
  • ฮาวเวิร์ด โวโลวิตซ์ (รับบทโดยไซมอน เฮลเบิร์ก)[27] เป็นวิศวกรอวกาศ ฮาวเวิร์ดเป็นชาวยิวและอาศัยอยู่กับมารดา เด็บบี (แครอล แอน ซูซี) บิดาของเขาทิ้งเขากับมารดาไปเมื่อฮาวเวิร์ดอายุ 11 ปี และไม่มีใครได้ยินข่าวจากเขาอีก นอกจากจดหมายที่บิดาเขียนให้ฮาวเวิร์ดในงานวันเกิดครบ 18 ปี ซึ่งเขาขอไม่เปิดอ่าน ในซีซัน 8 เขาพบกับ จอช (แมตต์ เบนเนตต์) น้องชายต่างมารดา เขาไม่มีปริญญาดุษฎีบัณฑิตเหมือนอย่างเชลดอน เลนเนิร์ด และราจ ทำให้เขาถูกเชลดอนดูถูกเป็นประจำ เขาตอบโต้ด้วยการชี้แนะว่าเขาจบปริญญาโทจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ และเขาได้ออกแบบอุปกรณ์หลายอย่างจนได้ถูกนำไปใช้จริงในอวกาศ ต่างจากผลงานที่เป็นนามธรรมของคนอื่น ๆ เขาได้เดินทางไปอวกาศในปลายซีซัน 5 ได้ฝึกฝนการเป็นนักบินอวกาศ และเป็นผู้เชียวชาญพิเศษเรื่องน้ำหนักบนยานอวกาศในสถานีอวกาศนานาชาติ เขาโดดเด่นเรื่องอารมณ์ขัน ซึ่งเลนเนิร์ดและราจชื่นชอบอยู่บ่อยครั้ง ในซีซันแรก ๆ ของเรื่อง ฮาวเวิร์ดเป็นคนเจ้าชู้และคิดวลีจีบผู้หญิงได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ไม่สมหวังมากนัก ในซีซัน 3 เขาเริ่มคบหากับเบอร์นาเดตต์ และแม้ว่าพวกเขาจะเลิกรากัน แต่ก็กลับมาคบกันใหม่และหมั้นกันในซีซัน 4 และสมรสในปลายซีซัน 5 ในซีซัน 6 ฮาวเวิร์ดย้ายออกจากบ้านมารดาไปอยู่กับเบอร์นาเดตต์ ฮาวเวิร์ดใช้เงินฟุ่มเฟือยไปกับของเล่นและมักทะเลาะกับเบอร์นาเดตต์เรื่องเงินเพราะเขาเป็นวิศวกรที่มีรายได้ต่ำอย่างน่าประหลาดใจ และเธอมีรายได้สูงจากการเป็นตัวแทนขายยาเภสัช ทำให้เบอร์นาเดตต์ต้องให้เบี้ยเลี้ยงฮาวเวิร์ดอยู่บ่อยครั้ง (ฮาวเวิร์ดเรียกเงินนี้ว่าเงินเดือน) ในซีซัน 8 มารดาของฮาวเวิร์ดเสียชีวิต (หลังนักแสดง แครอล แอน ซูซีเสียชีวิตในปี ค.ศ. 2014) ทำให้เขาเศร้าโศกอย่างมาก ต่อมาเขาย้ายไปอยู่ที่บ้านของเบอร์นาเดตต์
  • ราเจช คูธราปพาลี (รับบทโดยคุนาล ไนเยอร์)[28] มาจากนิวเดลี และเป็นนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ที่คาลเทค ครอบครัวของราจมีฐานะดี ตลอดทั้งเรื่อง เขาสื่อสารกับบิดามารดาของเขา ดร. และคุณวี. เอ็ม. คูธราปพาลี (ไบรอัน จอร์จ และแอลิซ แอมเทอร์) ผ่านทางเว็บแคม ราจเป็นคนขี้อายเมื่ออยู่ใกล้ ๆ ผู้หญิง และไม่สามารถพูดคุยกับผู้หญิงได้ในหกซีซันแรก (ยกเว้นมารดาและน้องสาวของเขา) เว้นเสียแต่ว่าเขาได้ดื่มแอลกอฮอล (หรือคิดว่าดื่มไปแล้ว) หรือเข้ารับการบำบัดเชิงทดลอง แต่การดื่มแอลกอฮอลทำให้เขาประพฤติตัวก้าวร้าวและคาดเดายาก ส่วนการบำบัดทำให้มีอาการข้างเคียง แม้เป็นเช่นนี้ เขามักมีโชคในเรื่องผู้หญิงมากกว่าฮาวเวิร์ด เพื่อนสนิทของเขา ราจมีรสนิยมเหมือนผู้หญิงและมักประพฤติตนเหมือนผู้หญิงกับฮาวเวิร์ด แต่เขายืนกรานว่าเขาไม่ใช่เกย์ ในซีซัน 4 พรียา น้องสาวของเขามาอยู่กับเขาและกลายเป็นคนรักของเลนเนิร์ด (ซึ่งราจรู้สึกรำคาญใจ) ในซีซัน 6 ราจพบลูซี (เคต มิคูชี) สาวผู้มีความกังวลในการเข้าสังคม และพวกเขาเริ่มคบหากัน อย่างไรก็ตาม ลูซีขอยุติความสัมพันธ์ เนื่องจากเธอรู้สึกกดดันเมื่อราจ��้องการพาเธอไปพบเพื่อน ๆ หลังจากนั้น ราจที่อกหักสามารถคุยกับเพนนีได้โดยไม่ต้องดื่มแอลกอฮอล และเอาชนะโรคพูดกับผู้หญิงไม่ได้ได้ ในซีซัน 7 เขาเริ่มคบกับเอมิลี และความสัมพันธ์ของพวกเขาเริ่มผูกขาด ราจมีสุนัขพันธุ์ยอร์กเชอร์เทร์เรียร์ชื่อซินนามอน และเพื่อน ๆ มักล้อเลียนเกี่ยวกับความสนิทสนมแปลก ๆ กับสุนัขของเขา

นักแสดงต่อไปนี้เคยเป็นนักแสดงรับเชิญ แต่ต่อมาได้เลื่อนขั้นเป็นนักแสดงหลัก

  • เมลิสซา เราช์ รับบท เบอร์นาเดตต์ รอสเทนคาวสกี-โวโลวิตซ์ (บทบาทรองในซีซัน 3 เป็นนักแสดงนำตั้งแต่ซีซัน 4)[29] เป็นหญิงสาวมีเสียงสูงแหลม เดิมเป็นเพื่อนร่วมงานของเพนนี ทำงานหาเงินเรียนระดับปริญญาโท ซึ่งเธอเรียนจุลชีววิทยา เบอร์นาเดตต์มีพื้นเพเป็นชาวโปแลนด์ และเติบโตในครอบครัวคาทอลิก บิดาของเธอ ไมก์ (เคซีย์ แซนเดอร์) เป็นตำรวจร่างกำยำเกษียณแล้ว เธอมีพี่น้องสี่คน เบอร์นาเดตต์รู้จักฮาวเวิร์ดโดยเพนนีแนะนำให้รู้จัก เป็นผลของข้อตกลงระหว่างฮาวเวิร์ดกับเลนเนิร์ดว่า หากใครมีคนรักร้อนแรงก่อนแล้ว เขาจะต้องทำให้คนรักแนะนำ "สาวร้อนแรง" ให้อีกคนหนึ่ง เริ่มแรก พวกเขาเข้ากันได้ไม่ดีนัก ไม่มีอะไรเหมือนกัน จนพวกเขาพบว่าทั้งคู่มีมารด���ที่เจ้ากี้เจ้าการเหมือนกัน ในระหว่างซีซัน 3 พวกเขาคบกันและเลิกรากัน พวกเขากลับมาคบกันและหมั้นกันในซีซัน 4 และสมรสกันในท้ายซีซัน 5 เธอมีบุตรชื่อฮอลลีย์ในซีซัน 10 หลังจาหทำวิทยานิพนธ์ระดับดุษฏีจบ เธอได้งานตำแหน่งเงินเดือนสูงที่แซนเจนในท้ายซีซัน 4 (รายได้สูงของเธอกลายเป็นต้นเหตุของปัญหาระหว่างเธอและฮาวเวิร์ดในซีซันหลัง ๆ) แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงหวานและจิตใจดี แต่เธอมีความอดทนต่ำ และอาจพยาบาทและเหวี่ยงได้เมื่อถูกยั่วยุ โดยเธอจะทำเสียงเหมือนมารดาของฮาวเวิร์ด และข่มขู่เพื่อนร่วมงาน เธอยังเป็นคนชอบแข่งขันด้วย
  • เมยิม เบียลิก รับบทเอมี ฟาร์ราร์ ฟาวเลอร์ (แสดงรับเชิญในซีซัน 3 แสดงนำในกลางซีซัน 4 เป็นต้นมา)[30] เป็นผู้หญิงที่เว็บไซต์จัดหาคู่ออนไลน์คัดเลือกให้เป็นคู่รักของเชลดอน หลังจากราจและฮาวเวิร์ดแอบสร้างบัญชีใช้ข้อมูลของเชลดอน ซึ่งราจให้ความเห็นว่า "ในที่สุดเราก็มีข้อพิสูจน์ว่ามนุษย์ต่างดาวเดินอยู่รอบตัวเรา"[31] เอมีมาจากเกล็นเดล และเป็นผู้คลั่งไคล้นวนิยายเด็กเรื่อง บ้านเล็กในป่าใหญ่ ขณะที่เธอและเชลดอนไม่ค่อยเข้าสังคมในช่วงแรก แต่หลังจากเอมีเป็นเพื่อนกับเพนนีและเบอร์นาเดตต์ เอมีเริ่มสนใจสังคมและปฏิสัมพันธ์โรแมนติก และเริ่มมีกาลเทศะมากกว่าเชลดอน เมื่อเชลดอนพบเธอครั้งแรก ๆ เชลดอนเรียกเธอว่าเพื่อนสาว ไม่ใช่คนรัก ความสัมพันธ์ของพวกเขาค่อย ๆ คืบหน้าถึงจุดที่เชลดอนอยากให้เธอเป็นคนรัก และบอกรักเธอ ประเด็นหลักอีกประเด็นในซีรีส์คือความท้อแท้เรื่องเพศสัมพันธ์ระหว่างเธอและเชลดอน เอมียังเชื่อว่าเพนนีเป็นเพื่อนสนิทที่สุด ซึ่งเพนนีไม่รู้สึกเช่นนั้นในช่วงแรก ในที่สุดเพนนีกลายเป็นเพื่อนแท้ ที่เมินนิสัยที่เหมือนเชลดอนของเอมีไป ความเคารพที่เอมีมีต่อเพนนีดูเหมือนกับเสน่ห์ทางกายมากกว่า เอมีมีปริญญาดุษฎีบัณฑิตในสาขาวิชาประสาทชีววิทยา (เบียลิกเองก็มีปริญญาในสาขาวิชาประสาทวิทยาศาสตร์) และมักใช้ลิงในงานวิจัยและการทดลองของเธอ
  • เควิน ซัสแมน รับบท สจ๊วต บลูม (บทบาทรองในซีซัน 2-5, 7 และ 10 และแสดงนำในซีซัน 6, 8 และ 9)[32] เป็นเจ้าของร้านหนังสือการ์ตูนที่ตัวละครชายหลักอุดหนุนบ่อยครั้ง สจ๊วตมีจิตใจอ่อนโยน แต่ขาดความมั่นใจ เขาเป็นศิลปินมีพรสวรรค์ จบจากโรงเรียนดีไซน์โรดไอแลนด์ และแม้ว่าเขาเข้าสังคมไม่เก่ง เขามีทักษะทางสังคมที่ดีกว่าตัวละครชายหลักทั้งหมด เขาไม่เก่งเรื่องเทคโนโลยี ในการปรากฏตัวช่วงแรก พวกผู้ชายพาเพนนีเข้ามาในร้านและเขาขอเธอไปเที่ยวด้วยกัน พวกเขาเที่ยวกันสองสามครั้งจนเพนนีเผลอเรียกเขาว่า "เลนเนิร์ด" ขณะกำลังจูบกันบนรถ ทำร้ายจิตใจเขา ในซีซัน 4 สจ๊วตกล่าวเป็นนัย ๆ ว่าเขามีปัญหาด้านการเงินและร้านหนังสือการ์ตูนกลายเป็นบ้านของเขา ในงานเลี้ยงสละโสดของฮาวเวิร์ด สจ๊วตกล่าวอวยพรว่าฮาวเวิร์ดเป็นคนโชคดีเพียงใดและเปรียบเทียบกับสถานการณ์ที่เขาต้องอาศัยอยู่ในร้านตนเอง ในซีซัน 6 เขาได้รับเชิญให้มาเที่ยวกับตัวละครชายหลัก ขณะที่ฮาวเวิร์ดอยู่ในอวกาศ ในท้ายซีซัน 7 ร้านหนังสือการ์ตูนของเขาไฟไหม้ และได้งานใหม่เป็นผู้ดูแลมารดาของฮาวเวิร์ด ทั้งสองคนสนิทกันและมีความสัมพันธ์แบบแปลก ๆ ซึ่งฮาวเวิร์ดรู้สึกรำคาญมาก เขาคบกับจีนี (คารา ลุยซ์) ลูกพี่ลูกน้องของฮาวเวิร์ดที่ฮาวเวิร์ดเคยเสียความบริสุทธิ์ให้ เพียงช่วงสั้น หลังนางโวโลวิตซ์เสียชีวิตในซีซัน 8 สจ๊วตยังคงอาศัยในบ้านของเธอร่วมกับฮาวเวิร์ดและเบอร์นาเดตต์ต่อไป จนเขาหาที่อยู่ของตนได้ในซีซัน 9

เนื้อหาที่ปรากฏ

[แก้]

วิทยาศาสตร์

[แก้]

เนื้อเรื่องในซีรีส์กล่าวถึงวิทยาศาสตร์บ่อยครั้ง โดยเฉพาะฟิสิกส์ ตัวละครเอกชายสี่คนทำงานที่สถาบันคาลเทค และมีอาชีพที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ เช่นเดียวกับเบอร์นาเดตต์และเอมี ตัวละครมักนำทฤษฏีหรือข่าวสารมาเล่น (โดดเด่นในช่วงเริ่มเรื่อง) และเล่นมุขตลกที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์

วิทยาศาสตร์ยังเข้ามาพัวพันกับชีวิตรักของตัวละครด้วย เลสลีเลิกกับเลนเนิร์ดเมื่อเขาสนับสนุนเชลดอนเรื่องทฤษฎีสตริงมากกว่าเรื่องแรงโน้มถ่วงวงวนควอนตัม[33] เมื่อเลนเนิร์ดเดินทางไปทำงานวิจัยที่อาร์กติกกับเชลดอน ราจ และฮาวเวิร์ดเป็นเวลา 3 เดือน ทำให้เลนเนิร์ดกับเพนนีต้องห่างกันขณะความสัมพันธ์กำลังพรั่งพรู เมื่อเบอร์นาเดตต์สนใจงานของเลนเนิร์ด ทำให้เพนนีและฮาวเวิร์ดต่างอิจฉา จนทำให้ฮาวเวิร์ดต้องปะทะเลนเนิร์ด และเพนนีต้องไปให้เชลดอนสอนวิชาฟิสิกส์ให้[34] เชลดอนและเอมีเลิกคบกันในระยะสั้นหลังจากทะเลาะกันว่าสาขาวิชาของใครเหนือกว่ากัน[35]

ดร.เดวิด ซอลซ์เบิร์ก ผู้มีปริญญาดุษฎีบัณฑิตในสาขาวิชาฟิสิกส์ เป็นที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ให้ซีรีส์นานหกซีซัน และเข้าชมการถ่ายทำทุกครั้ง[36] ขณะที่ซอลซ์เบิร์กรู้เรื่องฟิสิกส์ บางครั้งเขาต้องการความช่วยเหลือจากแมยิม เบียลิก ผู้มีปริญญาดุษฎีบัณฑิตในสาขาวิชาประสาทวิทยาศาสตร์ด้วย[37] ซอลซ์เบิร์กเห็นบทละครฉบับแรกซึ่งต้องการข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เพิ่มเติมในบท และเขามักชี้จุดผิดพลาดที่นักเขียนบทเขียนไว้ เขาไม่จำเป็นต้องเข้าชมการถ่ายทำทุกครั้ง เว้นแต่ในตอนมีกล่าวถึงวิทยาศาสตร์มาก และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากในฉากมีกระดานไวต์บอร์ดด้วย[37]

บันเทิงคดีแนววิทยาศาสตร์

[แก้]

ตัวละครเอกชายสี่คนเป็นผู้คลั่งไคล้บันเทิงคดีแนววิทยาศาสตร์ จินตนิมิต และหนังสือการ์ตูน และเป็นนักสะสมของที่ระลึกด้วย

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Shows A-Z – big bang theory, the on CBS". the Futon Critic. สืบค้นเมื่อ September 24, 2012.
  2. "Big Bang Theory Theme – Single". iTunes. สืบค้นเมื่อ May 9, 2011.
  3. "Big Bang Theory Theme". Amazon.co.uk. สืบค้นเมื่อ September 2, 2011.
  4. "The Big Bang Theory: Cast & Details". TV Guide. Retrieved January 28, 2013.
  5. 5.0 5.1 Goldman, Eric (March 12, 2014). "The Big Bang Theory Renewed For Three More Seasons, Up to Season 10". IGN. สืบค้นเมื่อ March 12, 2014.
  6. Ausiello, Michael (June 21, 2016). "CBS Fall Premiere Dates: Big Bang, NCIS, MacGyver, XL Scorpion and More". TVLine. สืบค้นเมื่อ June 22, 2016.
  7. 7.0 7.1 Gary Strauss (April 11, 2007). "There's a science to CBS' Big Bang Theory". USA Today. สืบค้นเมื่อ November 7, 2008.
  8. 8.0 8.1 Scott D. Pierce (October 8, 2007). "He's a genius". Deseret News. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-01-08. สืบค้นเมื่อ December 11, 2008.
  9. Chuck Lorre (October 15, 2007). "CLP – Vanity Card #187". Chuck Lorre Productions. สืบค้นเมื่อ June 7, 2012.
  10. "Breaking News – Development Update: May 22–26 (Weekly Round-Up)". TheFutonCritic.com. สืบค้นเมื่อ May 2, 2009.
  11. "'Big Bang Theory': 'We didn't anticipate how protective the audience would feel about our guys'". Variety. May 8, 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-05-25. สืบค้นเมื่อ January 15, 2010.
  12. "CCI: "The Big Bang Theory"". Comic Book Resources. July 31, 2008. สืบค้นเมื่อ January 15, 2010.
  13. "CBS PICKS UP 'BANG,' 'POWER' PLUS FOUR DRAMAS". The Futon Critic. May 14, 2007.
  14. "Breaking News – Cbs Gives Freshman Comedy "The Big Bang Theory" And Drama "The Unit" Full Season Orders" (Press release). CBS. October 19, 2007. สืบค้นเมื่อ December 13, 2008.
  15. "The Big Bang Theory Tickets". สืบค้นเมื่อ January 6, 2012.
  16. Pierce, Scott D. (September 22, 2007). "Yes, it's a 'Big Bang.'". Deseret Morning News. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-02-04. สืบค้นเมื่อ December 13, 2008.
  17. ""The Big Bang Theory" And "How I Met Your Mother" to Swap Time Periods" (Press release). The Futon Critic; CBS. February 20, 2008. สืบค้นเมื่อ February 20, 2008.
  18. "CBS Sets Series Return Dates". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-02-16. สืบค้นเมื่อ February 13, 2008.
  19. "Strike brings prime time to halt; Production stopped on at least 7 shows". Charleston Daily Mail. Associated Press. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-05-05. สืบค้นเมื่อ April 6, 2016 – โดยทาง HighBeam Research.
  20. "CBS Picks Up 11 Series". The Futon Critic. February 15, 2008. สืบค้นเมื่อ February 15, 2008.
  21. "Big Bang Theory: Deal Is Done for Two More Seasons!". สืบค้นเมื่อ November 3, 2009.
  22. Andreeva, Nellie (March 18, 2009). "CBS renews 'Men,' 'Big Bang'". Hollywoodreporter.com. สืบค้นเมื่อ September 1, 2011.
  23. Crider, Michael (January 13, 2011). "'The Big Bang Theory' Gets 3 More Seasons; 'Raising Hope' Renewed". screenrant.com. สืบค้นเมื่อ June 7, 2011.
  24. CBS (2007). "The Big Bang Theory Cast – Johnny Galecki". CBS. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-01-09. สืบค้นเมื่อ November 12, 2012.
  25. CBS (2007). "The Big Bang Theory Cast – Jim Parsons". CBS. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-02-19. สืบค้นเมื่อ November 12, 2012.
  26. CBS (2007). "The Big Bang Theory Cast – Kaley Cuoco". CBS. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-01-15. สืบค้นเมื่อ November 12, 2012.
  27. CBS (2007). "The Big Bang Theory Cast – Simon Helberg". CBS. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-01-16. สืบค้นเมื่อ November 12, 2012.
  28. CBS (2007). "The Big Bang Theory Cast – Kunal Nayyar". CBS. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-01-16. สืบค้นเมื่อ November 12, 2012.
  29. "Exclusive: 'Big Bang Theory' promotes Melissa Rauch to series regular". Ausiellofiles.ew.com. ตุลาคม 25, 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-10-26. สืบค้นเมื่อ October 26, 2010.
  30. Michael Ausiello (November 15, 2010). "'Bang Theory' Ups Mayim Bialik to Regular". www.deadline.com. สืบค้นเมื่อ January 30, 2011.
  31. "The Lunar Excitation". The Big Bang Theory. ฤดูกาล 3. ตอน 23. May 24, 2010. เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ 12:03. CBS.
  32. "Big Bang Theory Makes 'Stuart' a Series Regular". TVLine.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-03. สืบค้นเมื่อ August 22, 2012.
  33. "The Codpiece Topology". The Big Bang Theory. ฤดูกาล 2. ตอน 2. September 29, 2008. CBS.
  34. "The Gorilla Experiment". The Big Bang Theory. ฤดูกาล 3. ตอน 10. December 7, 2009. CBS.
  35. "The Zazzy Substitution". The Big Bang Theory. ฤดูกาล 4. ตอน 3. October 7, 2010. 12:00 นาที. CBS. I move our relationship terminate immediately
  36. Goldberg, Lesley (May 17, 2013). "'Big Bang Theory': A Behind the Scenes Diary of the Sweet Season 6 Finale". The Hollywood Reporter. สืบค้นเมื่อ May 19, 2013.
  37. 37.0 37.1 Watercutter, Angela (September 22, 2011). "TV Fact-Checker: Dropping Science on The Big Bang Theory". wired.com. สืบค้นเมื่อ May 31, 2012.