ข้ามไปเนื้อหา

สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในฤดูกาล 2004–05

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ฤดูกาล 2004–05
ประธานสโมสรเซอร์ รอย การ์ดเนอร์
ผู้จัดการทีมเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
กัปตันทีมรอย คีน
สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด
พรีเมียร์ลีกอันดับที่ 3
เอฟเอคัพรองแชมป์
ลีกคัพรอบรองชนะเลิศ
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกรอบ 16 ทีมสุดท้าย
เอฟเอ คอมมิวนิตีชีลด์รองแชมป์
ผู้ทำประตูสูงสุดลีก: เวย์น รูนีย์ (11)
ทั้งหมด: เวย์น รูนีย์ (17)
ผู้เข้าชมในบ้านสูงสุด67,989 เจอ พอร์ทสมัท (26 กุมภาพันธ์ 2005)
ผู้เข้าชมในบ้านต่ำสุด48,891 เจอ คริสตัลพาเลซ (10 พฤศจิกายน 2004)
ผู้เข้าชมในบ้านเฉลี่ย67,856
สีชุดเหย้า
สีชุดเยือน
สีชุดที่ 3

ฤดูกาล 2004–05 เป็นฤดูกาลที่ 13 ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในพรีเมียร์ลีกและเป็นฤดูกาลที่ 30 ติดต่อกันบนลีกสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ[1]

ฤดูกาลนี้จบลงด้วยการไม่มีถ้วยรางวัล (เป็นฤดูกาลที่สี่เท่านั้นที่พวกเขาไม่มีถ้วยรางวัลในรอบ 17 ฤดูกาล) สำหรับยูไนเต็ดจบที่อันดับสามของตารางที่ 77 คะแนน ตำแหน่งแชมป์ตกเป็นของเชลซีที่จบฤดูกาลด้วยคะแนน 95 คะแนน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดและแพ้เพียงเกมเดียวตลอดทั้งฤดูกาล ขณะที่อาร์เซนอล แชมป์จากฤดูกาลก่อน จบฤดูกาลด้วยการเป็นรองแชมป์

การแข่งขันแชมเปียนส์ลีกของพวกเขาจบลงในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่เจอกับมิลานในขณะที่พวกเขาตกรอบอีเอฟแอลคัพด้วยน้ำมือของเชลซีในรอบรองชนะเลิศ โอกาสสุดท้ายในการคว้าแชมป์ต้องพังลงเมื่อพอล สโกลส์ยิงจุดโทษพลาดในเกมที่พบกับ อาร์เซนอลในช่วงดวลจุดโทษหลังจากเสมอกันแบบไร้สกอร์ในนัดชิงชนะเลิศเอฟเอคัพ 2005

ในทางบวกสำหรับสโมสร เวย์น รูนีย์กองหน้าดาวรุ่งวัย 19 ปีที่เพิ่งเซ็นสัญญาเข้ามาและเป็นผู้ทำประตูสูงสุดของสโมสรได้รับเลือกให้นักฟุตบอลดาวรุ่งแห่งปีของพีเอฟเอ

ยูไนเต็ดยุติสถิติไร้พ่าย 49 เกมในลีกของอาร์เซนอล ด้วยชัยชนะในบ้าน 2–0 เมื่อปลายเดือนตุลาคม

เอฟเอ พรีเมียร์ลีก

[แก้]

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเริ่มต้นฤดูกาลด้วยเกมเยือนเจอกับเชลซี เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2004 ยูไนเต็ดแพ้ 1–0 จากประตูชัยของเอย์ดืร์ กวึดยอนแซน ในนาทีที่ 14 กองหน้าชาวไอซ์แลนด์ใช้ประโยชน์จากการเข้าปะทะของทิม ฮาวเวิร์ด ผู้รักษาประตูมือหนึ่งของยูไนเต็ด จนสามารถยิงประตูชัยได้สำเร็จภายใน 14 นาที มันรุนแรงมากสำหรับฝั่งของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันที่พวกเขาได้ครองบอลเป็นส่วนใหญ่แต่ไม่สามารถทำประตูได้ อลัน สมิธ ผู้เซ็นที่เซ็นสัญญาเข้ามาใหม่ในช่วงซัมเมอร์ โหม่งบอลออกไปและไรอัน กิ๊กส์ก็พลาดโอกาสแบบเดียวกันเมื่อเหลือเวลาอีก 10 นาที ในขณะที่เชลซียังคงยื้อเกมเอาไว้ได้ ผลลัพธ์นี้ทำให้ยูไนเต็ดอยู่เหนือโซนตกชั้นในอันดับที่ 17

ยูไนเต็ดคว้าชัยชนะนัดแรกในฤดูกาลนี้ด้วยชัยชนะ 2–1 เหนือนอริชซิตีที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด อลัน สมิธยิงประตูชัยในนาทีที่ 49 ในเกมประเดิมสนามที่เขาลงเล่นให้กับปีศาจแดง ด้วยการวอลเลย์เข้าไป นอกเหนือไปจากการยิงประตูระยะใกล้ของดาบิด เบลลิยงในนาทีที่ 32 ซึ่งสมิธเป็นผู้จ่ายบอลให้ พอล แม็คเวย์ตัวสำรองของนอริชยิงตีไข่แตกได้ในช่วงท้ายเกมจากระยะ 18 หลา แต่ยูไนเต็ดยังยันไว้ได้

หลังจากเสมอกับแบล็กเบิร์นโรเวอส์ 1–1 ซึ่งสมิธยิงประตูตีเสมอในนาทีสุดท้าย เกมถัดมาของยูไนเต็ดคือเกมเหย้าพบกับเอฟเวอร์ตัน ยูไนเต็ดยิงชนเสาถึง 3 ครั้งในเกมนี้ คริสเตียโน โรนัลโดยิงไปชนเสาประตูเช่นเดียวกับสมิธที่ยิงประตูในลักษณะเดียวกัน และพอล สโกลส์ก็ยิงไปโดนเสาประตูเช่นกัน แต่ยูไนเต็ดโชคดีที่ไม่เสียจุดโทษเมื่อมิคาเอล ซิลแวสต์ใช้แขนเคลียร์บอลที่ยิงโดยดันแคน เฟอร์กูสัน ในครึ่งแรก ลูย ซาอามีโอกาสทองจากการโหม่งบอลแต่บอลก็ออกนอกสนาม เป็นโอกาสทองครั้งเดียวที่ชัดเจนในช่วง 45 นาทีแรก โดยยูไนเต็ดขาดความสามัคคีในการบุกทะลวงแนวรับของเอฟเวอร์ตันที่ตั้งรับลึก ๆ

แมนฯ ยูไนเต็ดเสมอ 3 นัดติดต่อกันหลังจากเสมอกับโบลตันวอนเดอเรอส์ 2–2 ที่รีบ็อค สเตเดี้ยม ยูไนเต็ดได้ประตูตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจากการยิงของดาบิด เบลลิยง โดยบอลดูเหมือนจะไปโดนแขนของเขา ก่อนที่เบลลิยงจะยิงตีเสมอสุดดราม่า ดูเหมือนว่ายูไนเต็ดจะแพ้หลังจากที่ทิม ฮาวเวิร์ดและมิคาเอล ซิลแวสต์ ไม่เข้าใจกันจนทำให้เลส เฟอร์ดินานด์ ยิงประตูได้ ประตูของเฟอร์ดินานด์เกิดขึ้นหลังจากเควิน โนลันตีเสมอให้กับโบลตันด้วยการโหม่งเข้าประตูหลังจากการยิงครั้งแรกของเขาถูกบล็อกไว้ได้ กาเบรียล ไอน์เซทำให้ยูไนเต็ดขึ้นนำในช่วงครึ่งแรกในเกมเปิดตัวของเขา แต่ไม่ใช่การออกสตาร์ตที่สมบูรณ์แบบอย่างที่เขาคาดหวัง ผลดังกล่าวทำให้ยูไนเต็ดอยู่ในอันดับที่ 11

วันที่ 20 กันยายน ยูไนเต็ดขยับขึ้น 3 อันดับในตารางเอฟเอพรีเมียร์ลีก มาอยู่อันดับที่ 8 หลังจากชนะลิเวอร์พูล 2–1 ในบ้าน หลังจากที่คริสเตียโน โรนัลโดยิงชนเสาในช่วงต้นเกม มิกาเอล ซิลแวสต์ก็ทำให้ยูไนเต็ดขึ้นนำก่อน จากนั้นกระโดดขึ้นไปโหม่งลูกฟรีคิกของไรอัน กิกส์เข้าประตูไป ลิเวอร์พูลตีเสมอได้สำเร็จหลังจากพักครึ่งแรก เมื่อลูกโหม่งของสตีฟ ฟินแนนถูกจอห์น โอเช เพื่อนร่วมชาติชาวไอริชสกัดเข้าประตูตัวเอง แต่การโหม่งอีกครั้งของซิลแวสต์ทำให้ยูไนเต็ดเก็บสามคะแนนได้สำเร็จ โดยกองหลังชาวฝรั่งเศสโหม่งบอลผ่านแยชือ ดูแด็กเข้าไปได้

ห้าวันต่อมายูไนเต็ดเดินทางไปที่ไวต์ฮาร์ตเลนพบกับ ทอตนัมฮอตสเปอร์ จุดโทษของรืด ฟัน นิสเติลโรย สามนาทีก่อนพักครึ่งทำให้ปีศาจแดงคว้าชัยชนะในเอฟเอพรีเมียร์ลีกได้ 2 นัดติดต่อกันเป็นครั้งแรกในฤดูกาลทำให้ขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 5 ของตาราง และยุติสถิติไร้พ่ายของสเปอร์ลง ฟัน นิสเติลโรยซึ่งพลาดการได้ประตูเพราะล้ำหน้า กลับมายิงประตูได้สำเร็จ หลังจากเอริก เอ็ดแมน ทำฟาวล์จอห์น โอเชในกรอบเขตโทษ ร็อบบี คีนทำการบล็อคลูกยิงของมิคาเอล ซิลแวสต์และพอล โรบินสันเซฟลูกโหม่งของดาบิด เบลลิยง ขณะที่แมนฯ ยูไนเต็ดพยายามหาประตูที่สอง

หลังจากเสมอในบ้านกับมิดเดิลส์เบรอ 1–1 ยูไนเต็ดก็ขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 4 บนตารางคะแนน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่พวกเขาอยู่ในสี่อันดับแรกในฤดูกาล 2004–05 แต่ยูไนเต็ดก็ร่วงลงมาสองอันดับอยู่อันดับที่ 6 หลังจากเสมอกับเบอร์มิงแฮมซิตี 0–0 ลูกทีมของสตีฟ บรูซ (อดีตกัปตันทีมของยูไนเต็ด) มีโอกาสที่จะคว้าชัยชนะเมื่อรอย แคร์รอลล์ ผู้รักษาประตูของแมนฯ ยูไนเต็ด ป้องกันไม่ให้เอมีล เฮสกีย์ยิงประตูในช่วงก่อนพักครึ่งแรก ยูไนเต็ดที่มีเวย์น รูนีย์นั่งสำรองแทบไม่สามารถสร้างปัญหาให้กับเบอร์มิงแฮมได้แต่ฟัน นิสเติลโรย กลับพลาดโอกาสที่ดีที่สุดของเกมหลังจากผ่านไป 36 นาที เขาเตะบอลตรงเข้าใส่ไมค์ เทย์เลอร์ผู้รักษาประตูของเบอร์มิงแฮมจากระยะเพียง 6 หลา ขณะที่เขาวิ่งเข้ารับลูกครอสของควินตัน ฟอร์จูน

เกมถัดมาของยูไนเต็ดคือเกมเหย้าที่พบกับ อาร์เซนอล ยูไนเต็ดชนะ 2–0 แมตช์ที่ลงเล่นเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2004 เป็นที่รู้จักกันในชื่อศึกบุฟเฟ่ต์ และเป็นการยุติสถิติไร้พ่าย 49 นัดของอาร์เซนอล ฟัน นิสเติลโรยเป็นผู้ยิงประตูขึ้นนำด้วยการยิงลูกจุดโทษอันเป็นที่ถกเถียงหลังจากที่โซล แคมป์เบลล์เข้าปะทะเวย์น รูนีย์ แด็นนิส แบร์คกัมป์และตีแยรี อ็องรีมีโอกาสที่ดีที่สุดในการทำประตูให้กับอาร์เซนอล แต่พวกเขาถูกปฏิเสธด้วยการเซฟที่ยอดเยี่ยมของรอย แคร์รอลล์ผู้รักษาประตูของยูไนเต็ด รูนีย์ยิงจากระยะ 6 หลาพาทีมคว้าชัยชนะในวันเกิดอายุครบ 19 ปีของเขา ชัยชนะครั้งนี้ช่วยให้ยูไนเต็ดลดช่องว่างกับอาร์เซนอลจ่าฝูงเหลือ 8 คะแนน นอกจากนั้นยังช่วยให้ฟัน นิสเติลโรยแก้แค้นคำเยาะเย้ยของนักเตะอาร์เซนอล หลังจากที่เขาพลาดจุดโทษในนาทีสุดท้ายในการเจอกันเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ยูไนเต็ดขึ้นมาอยู่อันดับที่ 5 จากชัยชนะนัดนี้

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Manchester United Season 2004/05". StretfordEnd.co.uk. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 8, 2006. สืบค้นเมื่อ 8 October 2007.