ปฏิบัติการยูเรนัส
ปฏิบัติการยูเรนัส | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ ยุทธการที่สตาลินกราดบนแนวรบด้านตะวันออกในสงครามโลกครั้งที่สอง | |||||||
![]() | |||||||
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
![]() |
![]() ![]() ![]() | ||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
![]() ![]() ![]() ![]() | ||||||
กำลัง | |||||||
ทหาร 1,143,500 นาย (รวมกำลังเสริม)[1] รถถัง 894 คัน[1] ปืนใหญ่ 13,451 กระบอก[1] อากาศยาน 1,500 ลำ[2] |
เยอรมนี: ทหาร 400,000 นาย (กองทัพที่ 6 และกองทัพพันท์เซอร์ที่ 4)[3] ไม่ทราบจำนวนปืนใหญ่ อากาศยาน 732 ลำ (ใช้งานได้ 402 ลำ) อิตาลี: ไม่ทราบจำนวนปืนใหญ่หรืออากาศยาน[4] โรมาเนีย: ทหาร 143,296-200,000 นาย[3] ปืนใหญ่ 827 กระบอก รถถัง 134 คีน ไม่ทราบจำนวนอากาศยาน[4] | ||||||
ความสูญเสีย | |||||||
ไม่ทราบ | ไม่ทราบ |
ปฏิบัติการยูเรนัส (รัสเซีย: Опера́ция «Ура́н», อักษรโรมัน: Operatsiya "Uran") เป็นรหัสนามของโซเวียต เมื่อวันที่ 19-23 พฤศจิกายน ค.ศ. 1942 ปฏิบัติการทางยุทธศาสตร์ในสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งได้นำไปสู่การโอบล้อมกองทัพเยอรมันที่ 6, กองทัพโรมาเนียที่ 3 และ 4 และบางส่วนของกองทัพพันเซอร์ที่ 4 ของเยอรมัน ปฏิบัติการได้ถูกดำเนินที่ประมาณกึ่งกลางห้าเดือนที่ยาวนานของยุทธการที่สตาลินกราดและมุ่งเป้าไปที่การทำลายกองทัพเยอรมันทั้งในและรอบ ๆ เมืองสตาลินกราด การวางแผนสำหรับปฏิบัติการยูเรนัส ได้เริ่มขึ้นในเดือนกันยายน ค.ศ. 1942 และได้ถูกพัฒนาขึ้นพร้อมแผนการโอบล้อมและทำลายกลุ่มกองทัพเยอรมันกลางและกองกำลังเยอรมันในเทือกเขาคอเคซัส กองทัพแดงได้ใช้ประโยชน์จากความน่าสังเวชของกองทัพเยอรมันในการเตรียมพร้อมสำหรับฤดูหนาว และความจริงที่ว่ากองกำลังของตนในทางตอนใต้ของสหภาพโซเวียตนั้นเกินความสามารถใกล้กับสตาลินกราด ด้วยการใช้ความอ่อนแอของทหารโรมาเนียที่เป็นปีกป้องกันของพวกเขา จุดเริ่มต้นของการรุกตั้งอยู่ส่วนของแนวด้านหน้าที่ตรงข้างกับกองทัพโรมาเนีย ซึ่งกองทัพฝ่ายอักษะเหล่านี้ไม่ได้มีอาวุธหนักเพื่อรับมือกับยานเกราะของโซเวียต
เนื่องจากระยะทางของแนวหน้าถูกสร้างขึ้นโดยการรุกช่วงฤดูร้อนของเยอรมัน ได้มุ่งเป้าไปที่แหล่งน้ำมันเทือกเขาคอเคซัสและเมืองสตาลินกราด กองทัพเยอรมันและฝ่ายอักษะอื่น ๆ ได้ถูกบังคับให้ต้องปกป้องส่วนที่ระยะทางที่ยาวไกลเกินกว่าที่พวกเขาตั้งใจจะยึดครอง ด้วยสถานการณ์ที่เลวร้ายโดยการตัดสินใจของเยอรมันในการย้ายกองพลยานยนต์หลายหน่วยจากสหภาพโซเวียตไปยังยุโรปตะวันตก นอกจากนี้ หน่วยในพื้นที่ได้หมดไปหลังจากเดือนของการสู้รบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งซึ่งได้เข้าร่วมในการสู้รบในสตาลินกราด เยอรมันได้นับแค่เพียงเหล่าพันเซอร์ที่ 48(XXXXVIII Panzer Corps) ซึ่งมีความแข็งแกร่งของกองพลพันเซอร์เดียว และกองพลแพนเซอร์เกรนาดีร์ที่ 29 เป็นหน่วยสำรองเพื่อสนับสนุนโรมาเนีย พันธมิตรของพวกเขาบนปีกของกองทัพเยอรมันที่ 6 ในทางตรงกันข้าม กองทัพแดงได้ใช้กำลั��ทหารมากว่าหนึ่งล้านนายเพื่อจุดประสงค์ในการเริ่มต้นของการรุกทั้งในและรอบ ๆ สตาลินกราด การเคลื่อนไหวของกองกำลังโซเวียตนั้นมีปัญหา เนื่องจากความยากลำบากในการปกปิดจากการเตรียมความพร้อมของพวกเขา และหน่วยทหารโซเวียตโดยปกติจะมาถึงก็ล่าช้า เนื่องจากปัญหาทางด้านโลจิสติกส์ ปฏิบัติการยูเรนัสถูกเลื่อนออกไปครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 8 ถึง 17 พฤศจิกายน จากนั้นก็เลื่อนไปถึงวันที่ 19 พฤศจิกายน
เวลา 7 นาฬิกา 20 นาทีซึ่งเป็นเวลาของกรุงมอสโก เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน กองกำลังโซเวียตบนทางตอนปีกเหนือของกองกำลังฝ่ายอักษะที่สตาลินกราดได้เริ่มต้นการรุก กองกำลังในทางตอนใต้ได้เริ่มเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน แม้ว่าหน่วยทหารโรมาเนียจะสามารถต้านทานการโจมตีครั้งแรกไว้ได้ ในช่วงท้ายของวันที่ 20 พฤศจิกายน กองทัพโรมาเนียที่ 3 และ 4 ต้องล่าถอยอย่างแตกกระเจิง ดังนั้นกองทัพแดงก็ได้โอบล้อมกองพลทหารราบของเยอรมันได้หลายกองพล การเคลื่อนไหวของหน่วยสำรองของเยอรมันไม่แข็งแกร่งพอที่จะป้องกันหน่วยยานยนต์หัวหอกของโซเวียตได้ ในขณะที่กองทัพที่ 6 ไม่อาจตอบโต้ได้อย่างรวดเร็วพอหรืออย่างเด็ดขาดที่จะปลดปล่อยกองทัพเยอรมันในสตาลินกราดและช่วยให้พวกเขาเอาชนะภัยคุกคามที่ใกล้เข้ามา โดยช่วงปลายวันที่ 22 พฤศจิกายน กองกำลังโซเวียตได้เชื่อมโยงกันไปที่เมืองคาลัช ล้อมรอบด้วยจำนวนประมาณ 290,000 นาย ทางตะวันออกของแม่น้ำดอน แทนที่จะพยายามในการเปิดวงล้อม ผู้นำเยอรมัน อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ได้ตัดสินใจที่จะรักษากองกำลังฝ่ายอักษะในสตาลินกราดและจัดหาสเบียงและอื่น ๆให้กับพวกเขาทางอากาศ ในขณะเดียวกันผู้บัญชาการฝ่ายโซเวียตและฝ่ายเยอรมันก็ได้เริ่มวางแผนการเคลื่อนไหวครั้งต่อไป
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 Glantz & House 1995, p. 134
- ↑ Bergström 2007, p. 87
- ↑ 3.0 3.1 Glantz & House 1995, p. 346
- ↑ 4.0 4.1 Bergström 2007, p. 88
ข้อมูล
[แก้]- Beevor, Antony (1998). Stalingrad: The Fateful Siege: 1942 – 1943. Harmondsworth, United Kingdom: Penguin Putnam Inc. ISBN 0-670-87095-1.
- Bell, Kelly (Fall 2006). "Struggle for Stalin's Skies". WWII History: Russian Front. Special. Herndon, Virginia: Sovereign Media. Issue. 1539-5456.
- Bergström, Christer (2007). Stalingrad – The Air Battle: 1942 through January 1943. Harmondsworth, United Kingdom: Chevron Publishing Limited. ISBN 978-1-85780-276-4.
- Clark, Alan (1965). Barbarossa: The Russian-German Conflict, 1941–1945. New York City, New York: William Morrow. ISBN 0-688-04268-6.
- Cooper, Matthew (1978). The German Army 1933–1945. Lanham, Maryland: Scarborough House. ISBN 0-8128-8519-8.
- Erickson, John (1983). The Road to Berlin: Stalin's War with Germany. Yale University Press. ISBN 0-300-07813-7.
- Erickson, John (1975). The Road to Stalingrad: Stalin's War With Germany. Yale University Press. ISBN 0-300-07812-9.
- Glantz, David M. (January 1996). "Soviet Military Strategy During the Second Period of War (November 1942 – December 1943): A Reappraisal". The Journal of Military History. Society for Military History. 60 (1): 115–150. doi:10.2307/2944451. JSTOR 2944451.
- Glantz, David M.; House, Jonathan (1995). When Titans Clashed: How the Red Army Stopped Hitler. Lawrence, Kansas: Kansas University Press. ISBN 0-7006-0717-X.
- Glantz, David M. (1999). Zhukov's Greatest Defeat: The Red Army's Epic Disaster in Operation Mars, 1942. Lawrence, Kansas: Kansas University Press. ISBN 0-7006-0944-X.
- Glantz, David M. (2009). Armageddon in Stalingrad: September-November 1942. Lawrence, Kansas: Kansas University Press. ISBN 978-0-7006-1664-0.
- Joly, Anton (2014). Stalingrad Battle Atlas, Volume III. Paris, France: Staldata Publications. ISBN 979-10-93222-06-6.
- McCarthy, Peter; Syron, Mike (2002). Panzerkrieg: The Rise and Fall of Hitler's Tank Divisions. New York City, New York: Carroll & Graf. ISBN 0-7867-1009-8.
- McTaggart, Pat (Fall 2006). "Soviet Circle of Iron". WWII History: Russian Front. Special. Herndon, Virginia: Sovereign Media. Issue. 1539-5456.
- Perrett, Bryan (1998). German Light Panzers 1932–42. Oxford, United Kingdom: Osprey. ISBN 1-85532-844-5.
- von Manstein, Erich (1982). Lost Victories. St. Paul, MN: Zenith Press. ISBN 0891411305.