ข้ามไปเนื้อหา

สมองน้อย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก ซีรีเบลลัม)
เซรีเบลลัม
(Cerebellum)
สมองของมนุษย์ เซรีเบลลัมแสดงด้วยสีม่วง
รายละเอียด
ส่วนหนึ่งของสมอง
หลอดเลือดแดงมีหลอดเลือดแดงที่เลี้ยงทั้งหมด ดังนี้
หลอดเลือดดำมีหลอดเลือดดำที่รับเลือดทั้งหมด ดังนี้
ตัวระบุ
MeSHD002531
นิวโรเนมส์643
นิวโรเล็กซ์ IDbirnlex_1489
TA98A14.1.07.001
TA25788
FMA67944
ศัพท์ทางกายวิภาคของประสาทกายวิภาคศาสตร์

เซรีเบลลัม หรือ สมองน้อย (อังกฤษ: Cerebellum) เป็นบริเวณของสมองที่ทำหน้าที่สำคัญในการประมวลการรับรู้และการควบคุมการสั่งการ เนื่องจากซีรีเบลลัมทำหน้าที่ประสานการควบคุมการสั่งการ จึงมีวิถีประสาทเชื่อมระหว่างซีรีเบลลัมและคอร์เท็กซ์สั่งการของซีรีบรัม (ซึ่งจะส่งข้อมูลไปยังกล้ามเนื้อเพื่อเคลื่อนไหว) และลำเส้นใยประสาทสไปโนซีรีเบลลาร์ (spinocerebellar tract) (ซึ่งทำหน้าที่ส่งข้อมูลการรับรู้อากัปกิริยาจากไขสันหลังกลับมายังซีรีเบลลัม) เซรีเบลลัมทำหน้าที่ประมวลวิถีประสาทต่าง ๆ โดยใช้ข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งของร่างกายและการเคลื่อนไหวละเอียดที่ส่งกลับเข้ามา[1]

รอยโรคที่เกิดในเซรีเบลลัมไม่ก่อให้เกิดกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือทำให้เกิดอัมพาต แต่จะเกิดความผิดปกติในการส่งข้อมูลกลับซึ่งทำให้เกิดความผิดปกติในการเคลื่อนไหวละเอียด, การรักษาสมดุล, ท่าทางและตำแหน่งของร่างกาย, และการเรียนรู้การสั่งการ การสังเกตของนักสรีรวิทยาในช่วงศตวรรษที่ 18 บ่งชี้ว่าผู้ป่วยที่เกิดความเสียหายที่เซรีเบลลัมจะมีปัญหาในการประสานการสั่งการ (motor coordination) และการเคลื่อนไหว การวิจัยเกี่ยวกับหน้าที่ของซีรีเบลลัมในช่วงต้นถึงกลางศตวรรษที่ 19 จะศึกษาจากรอยโรคและการลองตัดซีรีเบลลัมในสมองของสัตว์ทดลอง นักวิจัยทางสรีรวิทยาได้บันทึกว่ารอยโรคดังกล่าวทำให้สัตว์มีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ, ท่าเดินเงอะงะ, และกล้ามเนื้ออ่อนแรง จากการสังเกตในช่วงเวลานั้นทำให้เกิดข้อสรุปว่าซีรีเบลลัมเป็นโครงสร้างเกี่ยวกับการควบคุมการสั่งการ[1] อย่างไรก็ตามในการวิจัยสมัยใหม่แสดงว่าซีรีเบลลัมมีหน้าที่ที่หลากหลายกว่าไม่ว่าจะเป็นหน้าที่เกี่ยวกับกระบวนการคิด (ประชาน; cognition) , เช่น ความใส่ใจ, และกระบวนการทางภาษา, ดนตรี, และสิ่งกระตุ้นชั่วคราวอื่นๆ[2]

ลักษณะโดยทั่วไป

[แก้]

ซีรีเบลลัมตั้งอยู่บริเวณด้านหลังเยื้องด้านล่างของศีรษะ (บริเวณสมองส่วนท้าย (rhombencephalon)) ด้านหลังของพอนส์ (pons) และด้านล่างกลีบท้ายทอย (occipital lobe) ของซีรีบรัม ซีรีเบลลัมประกอบด้วยเซลล์แกรนูล (granule cell) ขนาดเล็กๆ จำนวนมาก ส่วนนี้จึงมีเซลล์ประสาทมากกว่า 50% ของสมองทั้งหมด แต่มีปริมาตรเพียง 10% ของปริมาตรสมองรวม[3] ซีรีเบลลัมรับใยประสาทนำเข้ามากถึงประมาณ 200 ล้านใย ในขณะที่เส้นประสาทตา (optic nerve) ประกอบด้วยใยประสาทเพียงหนึ่งล้านใย

ซีรีเบลลัมแบ่งออกเป็นครึ่งซ้ายและขวาเช่นเดียวกับซีรีบรัม และแบ่งออกเป็นกลีบย่อยๆ 10 กลีบ การเรียงตัวของเซลล์ประสาทในซีรีเบลลัมมีลักษณะเป็นแบบเดียวกันทั้งหมด คือเชื่อมต่อเป็นชุดของวงจรในแนวตั้งฉาก การเรียงตัวเป็นแบบเดียวกันดังกล่าวทำให้ง่ายต่อการศึกษาวงจรประสาท

เซลล์ประสาทสองประเภทที่มีบทบาทโดดเด่นในวงจรสมองน้อยคือ เซลล์เปอร์กินเจ(Purkinje cells) และ เซลล์แกรนูล(granule cell) เซลล์เปอร์กินเจควบคุมการแสดงผลของซีรีเบลลัมโดยยับยั้งจากการยิงของนิวเคลียสลึก ความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับเซลล์เปอร์กินเจ มักจะมีผลเสียต่อการเคลื่อนไหวของผู้ป่วยได้ เซลล์แกรนูลคือหนึ่งในเซลล์ประสาทที่เล็กที่สุดในซีรีเบลลัม เซลล์แกรนูลรับเส้นประสาททั้งหมดจาก mossy fibre

การเจริญพัฒนาและวิวัฒนาการ

[แก้]
ภาพวาดของเซลล์ภายในซีรีเบลลัมของไก่ โดย ซานเตียโก รามอน อี กาคาล

ระหว่างช่วงต้นของการเจริญของเอ็มบริโอ สมองจะเริ่มแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหรือปล้อง ได้แก่ สมองส่วนหน้า (prosencephalon) , สมองส่วนกลาง (mesencephalon) , และสมองส่วนท้าย (rhombencephalon) สมองส่วนท้ายจะเป็นปล้องที่อยู่ท้ายที่สุดซึ่งจะเจริญไปเป็นซีรีเบลลัม ส่วนนี้จะเจริญโดยพัฒนาเป็นกระเปาะ 8 อัน เรียกว่า รอมโบเมียร์ (rhombomere) ซีรีเบลลัมจะเจริญมาจากรอมโบเมียร์ 2 อันที่อยู่ตรงแผ่นเอลาร์ (alar plate) ของนิวรัล ทูบ (neural tube) ซึ่งเป็นท่อที่จะเจริญไปเป็นสมองและไขสันหลัง

ภาพอื่นๆ

[แก้]

ดูเพิ่ม

[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]

หนังสืออ่านเพิ่มเติม

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 Fine EJ, Ionita CC, Lohr L (2002). "The history of the development of the cerebellar examination". Semin Neurol. 22 (4): 375–84. doi:10.1055/s-2002-36759. PMID 12539058.{{cite journal}}: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์)
  2. Rapp, Brenda (2001). The Handbook of Cognitive Neuropsychology: What Deficits Reveal about the Human Mind. Psychology Press. p. 481. ISBN 1841690449.
  3. The Brain From Top To Bottom