เดอะคิงเนเวอร์สไมลส์
ไฟล์:Kingneversmile.jpg หน้าปกของหนังสือ "เดอะคิงเนเวอร์สไมลส์" | |
ผู้ประพันธ์ | พอล แฮนด์ลีย์ |
---|---|
ประเทศ | สหรัฐอเมริกา |
ภาษา | อังกฤษ |
สำนักพิมพ์ | สำนักพิมพ์แห่งมหาวิทยาลัยเยล |
วันที่พิมพ์ | มิถุนายน พ.ศ. 2549 |
เดอะคิงเนเวอร์สไมลส์ (อังกฤษ: The King Never Smiles; "กษัตริย์ไม่เคยยิ้ม") เป็นหนังสือว่าด้วยพระราชประวัติอย่างไม่เป็นทางการของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรและราชวงศ์จักรี เขียนโดย พอล แฮนด์ลีย์ (Paul Handley) นักเขียนชาวอเมริกัน จัดพิมพ์ครั้งแรกโดยสำนักพิมพ์แห่งมหาวิทยาลัยเยล (Yale University Press) และออกจำหน่ายครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายน 2549
หนังสือนี้ทางการไทยจัดให้เป็น "หนังสือต้องห้าม" อย่างไม่เป็นทางการ ตั้งแต่ก่อนตีพิมพ์ โดยมิได้มีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาตามหลักเกณฑ์และวิธีการในกฎหมายว่าด้วยการจดแจ้งการพิมพ์[1] ต่อมามีหนังสือกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ ตช 0016.146/289 ลงวันที่ 18 มกราคม 2551 ว่าหนังสือเล่มนี้เป็น "หนังสือต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร"[2] และในเดือนมกราคม 2549 ทางการไทยยังได้ปิดกั้นเว็บไซต์ที่โฆษณาหรือให้บริการสั่งซื้อหนังสือเล่มนี้ด้วย[3][4]
หนังสือเดอะคิงเนเวอร์สไมลส์นับเป็นหนังสือภาษาอังกฤษเล่มที่สองที่ว่าด้วยพระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เล่มแรกชื่อ "เดอะเรวอลูเชินแนรีคิง" (อังกฤษ: The Revolutionary King; "กษัตริย์นักปฏิวัติ") เขียนโดยชาวแคนาดาชื่อ วิลเลียม สตีเวนสัน (William Stevenson) พิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2544 ซึ่งไม่ผ่านการตรวจพิจารณาในประเทศไทยเช่นเดียวกัน[5]
การตรวจพิจารณาหนังสือในประเทศไทย
[แก้]ในเดือนมกราคม 2550 กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทย อาศัยอำนาจตามคำสั่งคณะปฏิรูป��ารปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 5/2549 เรื่อง ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารควบคุมการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ลงวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2550[6] สั่งปิดกั้นการเข้าถึงรายละเอียดของหนังสือเดอะคิงเนเวอร์สไมลส์ในเว็บไซต์ของสำนักพิมพ์แห่งมหาวิทยาลัยเยลและเว็บไซต์แอมะซอน.คอม[3][4] ซึ่งโปรแกรมชี้แหล่งทรัพยากรสากลของเว็บไซต์ทั้งสองปรากฏในรายการระบบสารสนเทศที่ต้องปิดกั้นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นอย่างน้อยตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2550 ถึงวันที่ 12 มีนาคม 2550 จึงนำออกจากรายการ[7] โดยพลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีแถลงการณ์ลงวันที่ 19 มกราคม 2549 ว่าหนังสือเล่มดังกล่าวมีเนื้อหาที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติและศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงไม่ผ่านการตรวจพิจารณา ไม่อาจให้เผยแพร่ในราชอาณาจักรได้
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสั่งระงับการขายหนังสือ "อะกูป์ฟอร์เดอะริช" (อังกฤษ: A Coup for the Rich; "รัฐประหารเพื่อคนรวย") ซึ่งเป็นหนังสือภาษาอังกฤษเกี่ยวกับวิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย พ.ศ. 2548-2549 และรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549 เขียนโดย รองศาสตราจารย์ใจ อึ๊งภากรณ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยรองผู้จัดการของศูนย์หนังสือจุฬาฯ ชี้แจงว่า เพราะหนังสือดังกล่าวมีการอ้างอิงงานเขียนของพอล แฮนด์ลีย์ คือ หนังสือเล่มนี้[8]
อย่างไรก็ดี ถึงแม้ในประเทศไทยการเข้าถึงหนังสือเดอะคิงเนเวอร์สไมลส์ยังคงเป็นสิ่งต้องห้ามโดยรัฐ แต่คงปรากฏว่าผู้ใช้งานส่วนหนึ่งยังสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ของสำนักพิมพ์แห่งมหาวิทยาลัยเยลและเว็บไซต์แอมะซอน.คอมดังกล่าวได้ตามปกติ ขึ้นอยู่กับว่าใช้บริการของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายใด
เนื้อเรื่อง
[แก้]คำแนะนำหนังสือเดอะคิงเนเวอร์สไมลส์จากเว็บไซต์แอมะซอน.คอมซึ่งเว็บไซต์ประชาไทได้แปลขึ้น มีความว่า[9] [10]
...เป็นหนังสือที่บอกเล่าพระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดชในช่วงเวลาที่ทรงครองราชย์ อธิบายว่า เด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูแบบตะวันตกนั้นกลายมาเป็น 'ในหลวง' (living Buddha) ของประชาชนได้อย่างไร และในความเป็นจริงแล้ว กษัตริย์ซึ่งมีพระเมตตาและวางตัวไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง อาจเกี่ยวข้องกับการเมืองอย่างลึกซึ้งและมีอำนาจเด็ดขาดที่แท้จริงก็ได้
จอห์น กุลกา (John Kulka) บรรณาธิการอาวุโสของสำนักพิมพ์แห่งมหาวิทยาลัยเยล กล่าวว่าหนังสือนี้เป็นหนังสือ "ชีวประวัติเชิงตีความหมาย" ("interpretive biography")
ส่วนหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ตั้งข้อสังเกตว่า หนังสือนี้ "แสดงข้อแก้ต่างอย่างตรงไปตรงมาถึงกระบวนการการที่ราชวงศ์ใช้สร้างภาพลักษณ์อย่างเป็นระบบในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา อันเป็นการฉายภาพกษัตริย์ไปไกลกว่าการเมือง บุรุษแห่งสันติภาพ ผลงานอันยิ่งใหญ่ และความอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างพุทธ"[11]
พอล แฮนด์ลีย์ ผู้เขียนหนังสือเดอะคิงเนเวอร์สไมลส์ กล่าวในนิตยสารอีโคโนมิกรีวิว (อังกฤษ: Economic Review) ว่า หนังสือเล่มนี้มีประเด็นหลักอยู่สองประเด็น ประการแรกคือเป็นเวลากว่าหกสิบปีแล้วที่สถาบันกษัตริย์สนับสนุนให้ทหารก่อการปฏิวัติล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน และประการที่สองคือพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้ใช้กุศโลบายทางวัฒนธรรมและประเพณีไทยมาสร้างความนิยมให้แก่ตนเองภายในหมู่ชนชาวไทย ทั้งนี้เพื่อกอบกู้อำนาจของสถาบันกษัตริย์ของตนกลับคืนมา[12]
การตอบรับเชิงวิพากษ์
[แก้]การตอบรับจากต่างประเทศ
[แก้]หนังสือเดอะคิงส์เนเวอร์สไมส์ได้รับการตอบรับในเชิงบวกเป็นการทั่วไปจากหมู่นักวิจารณ์และนักวิชาการนานาชาติ ส่วนความเห็นในอินเทอร์เน็ตนั้นมีทั้งเชิงบวกและลบ
นิตยสารนิวยอร์กรีวิวออฟบุ๊กส์ (อังกฤษ: New York Review of Books) กล่าวว่าหนังสือนี้เป็น "หนังสือเล่มหนึ่งที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับประเทศไทยเท่าที่ปรากฏอยู่ในภาษาอังกฤษ" และตั้งข้อสังเกตว่า "ความริเริ่มไม่เหมือนใครในหนังสือของแฮนด์ลีย์มีความก้าวร้าว แต่ผมคิดว่าเมื่อวิเคราะห์อย่างเป็นธรรมแล้ว เกี่ยวกับการฟื้นฟูอำนาจราชวงศ์ในสมัยของกษัตริย์ภูมิพล"[13]
ดันแคน แมคคาร์โก (Duncan McCargo) อาจารย์จากมหาวิทยาลัยลีดส์ในประเทศอังกฤษ ผู้เขียนบทความหลายชิ้นซึ่งมีอิทธิพลต่อประเทศไทย เช่น บทความเรื่อง "เน็ตเวิร์กโมนาร์คีออฟภูมิพลแอนด์ฮีสพรอกซีส์" (อังกฤษ: network monarchy of Bhumibol and his proxies; "เครือข่ายของภูมิพลและนายหน้าตัวตายตัวแทนของพระองค์") [14][15] เขียนบทวิจารณ์ไว้ในนิตยสถาน "นิวเลฟต์รีวิว" (อังกฤษ: New Left Review) ว่า หนังสือเดอะคิงเนเวอร์สไมลส์นี้เป็น "หนังสือสำคัญ" ที่ "เขียนขึ้นอย่างแตกฉานและอยู่บนพื้นฐานของการวิจัยจำนวนมาก"
ดันแคนยังกล่าวอีกว่า ในขณะที่การพิจารณาของพอล แฮนด์ลีย์ "มาจากความเข้าใจลึกซึ้งในระบอบกษัตริย์ของไทยจากนักวิชาการและนักเขียนจำนวนมาก รวมถึง คริสตีน เกรย์ (Christine Gray) กอบเกื้อ สุวรรณทัตเพียร และ หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร" และการเล่าเรื่องของพอล แฮนด์ลีย์นั้น "ไปไกลกว่าตัวแปรของสิ่งตั้งต้นเหล่านี้ มันมีความเด่นชัดและเร่าร้อนเกินกว่าชีวประวัติธรรมดา ๆ ใด ๆ..." ดันแคนยกย่องพอล แฮนด์ลีย์ที่มี "ความเข้าใจถึงภูมิพลในฐานะตัวละครทางการเมือง ในฐานะสถาปนิกเอกของโครงการชั่วชีวิตที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าสถาบันกษัตริย์ที่ไม่เป็นที่นิยมและถูกทำให้ไม่มีความสำคัญ จากขอบข่ายของการเลิกล้มมากกว่าหนึ่งครั้งไปสู่องค์ประกอบที่มีอำนาจมากที่สุดหนึ่งเดียวในรัฐไทยสมัยใหม่" กับทั้งยังว่าอีกว่า พอล แฮนด์ลีย์มี "ความสามารถในการเข้าใจโดยสัญชาตญาณอย่างหลักแหลม ในเรื่องปฏิกิริยาที่เสื่อมศีลธรรมต่อกันและกัน ระหว่างเงินตราและอำนาจ และในเรื่องเกี่ยวกับการทำงานของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์" นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสังเกตถึง "ความรู้สึกร่วมอย่างชัดเจนกับสิ่งที่เขา [หมายถึงพอล แฮนด์ลีย์] ศึกษา"[16]
ในหน้าจำหน่ายหนังสือนี้ ณ เว็บไซต์แอมะซอน.คอม ได้รับความคิดเห็นจากผู้อ่านเป็นจำนวนมาก ซึ่งจำนวนหนึ่งเขียนขึ้นก่อนที่หนังสือจะตีพิมพ์ ความคิดเห็นเหล่านั้นมีตั้งแต่ยกยอไปจนถึงอาฆาตแค้น ผู้วิจารณ์บางรา��กล่าวหาอย่างลอย ๆ ว่า พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตรเป็นผู้ว่าจ้างให้ผู้เขียนนั้นเขียนหนังสือเล่มนี้ แต่การวิจารณ์ที่พบบ่อยที่สุดก็คือ ชาวต่างชาตินั้นไม่สามารถเข้าใจกษัตริย์และระบอบกษัตริย์ของไทยได้
นอกจากนี้ มีบทวิจารณ์อีกหลายชิ้นยกย่องหนังสือดังกล่าวในด้านคุณภาพของการวิจัย[16]
การตอบรับในประเทศไทย
[แก้]การตอบรับเชิงวิพากษ์ในประเทศไทยนั้นมีคละกันทั้งเชิงบวกและเชิงลบ
สนธิ ลิ้มทองกุล นักธุรกิจด้านสื่อสารมวลชน และผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์เชิงสนทนาซึ่งสนับสนุนสถาบันพระมหากษัตริย์ วิพากษ์วิจารณ์หนังสือดังกล่าวอย่างไม่เป็นทางการว่า "เขียนจากข่าวโคมลอย" และพูดถึงผู้เขียนหนังสือว่า "ก้าวร้าว" "จาบจ้วง" "โอหัง" "ดูถูกคนเอเชีย" และ "ยโสไม่เว้นแม้กระทั่งพ่อและแม่มัน"[17]
กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี ได้ให้ข้อเสนอแนะต่อข่าวในนิตยสารดิอีคอเนอมิสต์ (อังกฤษ: The Economist) ฉบับวันที่ 29 กรกฎาคม 2549 ซึ่งได้รายงานและคัดลอกข้อเขียนบางตอนของหนังสือเดอะคิงเนเวอร์สไมลส์ ว่า "ไม่ต้องขยายผล"[18]
คริส เบเคอร์ นักวิชาการอิสระที่มีแหล่งพำนักในประเทศไทย ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการเมืองไทยหลายเล่ม เช่น "ทักษิณ : เดอะบีซีเนสออฟพอลิทิกส์อินไทยแลนด์" (อังกฤษ: Thaksin : The Business of Politics in Thailand) [19] และ หนังสือ "เศรษฐกิจการเมืองไทยสมัยกรุงเทพฯ"[20] และเป็นผู้เขียนรายงานยกย่องทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสนอต่อสหประชาชาติ ได้วิพากษ์วิจารณ์หนังสือดังกล่าวลงในนิตยสารเอเชียเซนทิเนล (อังกฤษ: Asia Sentinel) [21] ว่า
แต่แฮนด์ลีย์พลาดประเด็นสำคัญอันหนึ่ง หรือละเว้นมันไปเพื่อความเรียบง่าย. ตั้งแต่ เหตุการณ์ 6 ตุลา พ.ศ. 2519 ส่วนสำคัญของกลุ่มชนชั้นนำและชนชั้นกลางของไทย มีความจำเป็นต้องจินตนาการให้กษัตริย์เป็นสัญลักษณ์ของประชาธิปไตย โดยเฉพาะเพื่อต่อต้านฝ่ายทหารที่ต้องการหยุดยั้งมันลงด้วยปากกระบอกปืน และต่อต้านฝ่ายนักธุรกิจที่ต้องการล้มล้างมันด้วยเงินตรา. กลุ่มคนเหล่านี้ต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากความน่าเชื่อถือทางศีลธรรมอันยิ่งใหญ่ของระบอบกษัตริย์ โดยไม่สนใจการเมือง. พวกเขาได้สมคบกันในการเขียนประวัติศาสตร์ขึ้นใหม่ เพื่อสร้างภาพกษัตริย์ในฐานะผู้ทำให้เกิดสันติภาพ ในเหตุการณ์ 14 ตุลา และพฤษภาทมิฬ พร้อมทั้งบิดเบือนเหตุการณ์ 6 ตุลา ไปในคราวเดียว และละเลยการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 เพื่อทำให้ประชาธิปไตยดูเหมือนเป็นของขวัญจากราชบัลลังก์ นี่เป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้เข้าใจเหตุการณ์ที่แสนสำคัญในปีที่ผ่านมา. โชคไม่ดี ส่วนเหล่านี้ของหนังสือ มีข้อผิดพลาดด้านข้อเท็จจริงและการพิจารณาที่ไม่ระมัดระวัง. ที่สำคัญกว่านั้น การวิเคราะห์ของเขาไม่สามารถทำให้เข้าใจได้ว่า ทำไมกลุ่มหลายกลุ่มถึงจำต้องฉกฉวยโอกาสจากระบอบกษัตริย์ ในฐานะฝ่ายตรงข้ามของรัฐบาลปัจจุบันที่ทุจริตและเผด็จการ. หนังสือของเขาตีแผ่การประชดประชันในกลุ่มผู้ต่อต้านทักษิณ แต่ในสถานการณ์การเมืองไทยที่ป่วยไข้ การบอกเป็นนัย ๆ เช่นนี้จะถูกมองข้ามไป
โดยได้กล่าวทิ้งท้ายในบทวิจารณ์ว่า
เป็นเวลานานเกินไปแล้ว ที่ประเด็นเรื่องระบอบกษัตริย์เป็นประเด็นอ่อนไหว ที่นักวิเคราะห์ประวัติศาสตร์และการเมืองไทยจำเป็นต้องสำรวจอย่างระมัดระวัง. ยุคสมัยนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว. ในพระราชดำรัสที่พระราชทานในวันพระราชสมภพ กษัตริย์ภูมิพลเองได้ยืนยันว่า กษัตริย์นั้นไม่ได้อยู่เหนือการวิพากษ์วิจารณ์. หวังว่าหนังสือของแฮนด์ลีย์จะกระตุ้นให้ผู้คนที่เชื่อว่าหนังสือเล่มนี้ทำวิจัยมาไม่เพียงพอและเข้าใจผิด ได้ผลิตงานประวัติศาสตร์ทางเลือกซึ่งมีความเป็นมืออาชีพอย่างน้อยก็ให้เท่ากับงานของเขา
ส่วนรองศาสตราจารย์ใจ อึ๊งภากรณ์ นักกิจกรรมทางสังคม และอาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เขียนในตอนท้ายบทวิจารณ์หนังสือเล่มดังกล่าวว่า "หนังสือเล่มนี้ไม่ควรเป็นหนังสือที่ห้ามนำเข้า ยิ่งกว่านั้นควรมีการแปลเป็นไทย เพื่อให้ประชาชนสามารถวิพากษ์วิจารณ์ข้อดีข้อเสียของเล่มนี้ได้ และเพื่อให้เราสร้างความโปร่งใสและระบบตรวจสอบประมุขของไทยได้อีกด้วย"[22]
นอกจากนี้ยังมีการอภิปรายถึงเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้อย่างกว้างขวางในกระดานสนทนาบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต[23]
ประวัติการพิมพ์
[แก้]หนังสือเล่มดังกล่าว แม้จะถูกห้ามจำหน่ายในประเทศไทย แต่ก็ประความสำเร็จในด้านพาณิชย์ โดยเมื่อเดือนตุลาคม 2549 พบว่ามีการพิมพ์ไปแล้วสามครั้ง[24] และในประเทศไทยก็มีสำเนาเถื่อนของหนังสือนี้วางจำหน่ายในเขตกรุงเทพมหานคร[23] เช่น ในย่านท่าพระจันทร์[25][22] กับทั้งมีการแปลโดยมิได้รับอนุญาตให้แปลจากเจ้าของลิขสิทธิ์และนำเผยแพร่บนเว็บไซต์หลายแห่ง
ข้อมูลทางบรรณานุกรม
[แก้]Handley, Paul M. The King Never Smiles : A Biography of Thailand's Bhumibol Adulyadej. Yale University Press. ISBN 0-300-10682-3.
อ้างอิง
[แก้]- ↑ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา. (2551, 10 มกราคม). พระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. 2550. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: < http://www.krisdika.go.th/lawHeadPDF.jsp?formatFile=pdf&hID=0[ลิงก์เสีย] >. (เข้าถึงเมื่อ: 18 ตุลาคม 2551).
- ↑ ตำรวจนครบาลสั่งห้ามขายหนังสือ A Coup for the Rich, ประชาไท, 29 มกราคม พ.ศ. 2551, เรียกดูเมื่อ 14 มกราคม พ.ศ. 2552
- ↑ 3.0 3.1 Warrick-Alexander, James, "Thailand Bars Univ. Website" เก็บถาวร 2009-01-13 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Yale Daily News, 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549, เรียกดูเมื่อ 20 เมษายน พ.ศ. 2550
- ↑ 4.0 4.1 สตช. บล็อกเว็บม.เยลห้ามนำเข้า ‘เดอะคิงเนเวอร์สไมลส์’, ประชาไท, 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549, เรียกดูเมื่อ 19 เมษายน พ.ศ. 2550
- ↑ Bangkok May Ban King's Biography[ลิงก์เสีย] (อังกฤษ), International Herald Tribune, 27 สิงหาคม พ.ศ. 2542, เรียกดูเมื่อ 19 เมษายน พ.ศ. 2550
- ↑ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา. (2551, 10 มกราคม). คำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 5/2549 เรื่อง ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารควบคุมการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ลงวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2550. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: < http://gotoknow.org/blog/tutorial/50925 เก็บถาวร 2008-05-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน >. (เข้าถึงเมื่อ: 18 ตุลาคม 2551).
- ↑ กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย
- ↑ ศูนย์หนังสือจุฬาฯ ไม่ยอมขายหนังสืออ.ใจ เพราะอ้างอิงผู้เขียน TKNS., ประชาไท, 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550, เรียกดูเมื่อ 19 เมษายน พ.ศ. 2550
- ↑ บทคัดย่อจากแอมะซอน.คอม, ประชาไท, 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549, เรียกดูเมื่อ 19 เมษายน พ.ศ. 2550
- ↑ Yale University Press, เดอะคิงเนเวอร์สไมลส์
- ↑ The New York Times, A Banned Book Challenges Saintly Image of Thai King (อังกฤษ), 26 กันยายน พ.ศ. 2549
- ↑ Nuanced Views of the King, Far Eastern Economic Review
- ↑ Ian Buruma, New York Review of Books, "Thailand: All the King's Men", ปีที่ 54, เล่มที่ 3, 1 มีนาคม พ.ศ. 2550
- ↑ Duncan McCargo. 2005. Network Monarchy and Legitimacy Crises in Thailand. The Pacific Review, Vol. 18 No.4. (December 2005) , pp. 499-519. (CiteULike เก็บถาวร 2007-11-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน) (อังกฤษ)
- ↑ Duncan McCargo. 2006 Thaksin and the resurgence of violence in the Thai South: Network monarchy strikes back? Critical Asian Studies, Vol. 38, No. 1. (March 2006) , pp. 39-71. (CiteULike เก็บถาวร 2007-11-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน) (อังกฤษ)
- ↑ 16.0 16.1 Duncan McCargo, New Left Review, "A Hollow Crown (อังกฤษ), มกราคม-กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550
- ↑ แฉ 'แม้ว' เก็บเงียบ ไม่สั่งท้วงหนังสือฝรั่งหมิ่นในหลวง เก็บถาวร 2007-03-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน ข่าวเกี่ยวกับหนังสือ, ผู้จัดการรายวัน, 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2549, เรียกดูเมื่อ 20 เมษายน พ.ศ. 2550
- ↑ สรุปประเด็นวิเคราะห์ข่าวจากต่างประเทศจากสื่ออินเทอร์เน็ต : ความมั่นคง เก็บถาวร 2009-01-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, กรมประชาสัมพันธ์, 8 สิงหาคม พ.ศ. 2549, เรียกดูเมื่อ 25 เมษายน พ.ศ. 2550
- ↑ Chris Baker, 2005. Thaksin: The Business of Politics in Thailand. Silkworm Books. ISBN 974-9575-55-5
- ↑ ผาสุก พงษ์ไพจิตร และ คริส เบเคอร์, 2546. เศรษฐกิจการเมืองไทยสมัยกรุงเทพฯ เก็บถาวร 2006-10-31 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (ฉบับเพิ่มเติมและปรับปรุงใหม่). Silkworm Books. ISBN 974-9575-30-x
- ↑ Revival, Renewal and Reinvention: The Complex Life of Thailand’s Monarch เก็บถาวร 2006-11-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Chris Baker, 8 September 2006, เรียกดูเมื่อ 20 เมษายน พ.ศ. 2550
- ↑ 22.0 22.1 ใจ อึ๊งภากรณ์, บทความ รศ.ใจ อึ๊งภากรณ์ วิจารณ์ : เดอะคิงเนเวอร์สไมลส์, ประชาไท, 14 ธันวาคม พ.ศ. 2549, เรียกดูเมื่อ 20 เมษายน พ.ศ. 2550
- ↑ 23.0 23.1 Inconvenient truths of censorship, The Nation, 16 เมษายน พ.ศ. 2550, เรียกดูเมื่อ 22 เมษายน พ.ศ. 2550
- ↑ Hartford Courant, The King Is Not Amused[ลิงก์เสีย] (อังกฤษ)
- ↑ การนำเสนอจากการสัมมนา Understanding the Past: Freedom of Expression and Democratic Processes Today ที่ศูนย์ศิลปะเอเชียอเมริกัน นครนิวยอร์ก, 19 ตุลาคม พ.ศ. 2549
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- บทวิจารณ์หนังสือ โดย รศ.ใจ อึ๊งภากรณ์, 14 ธันวาคม พ.ศ. 2549
- Revival, Renewal and Reinvention: The Complex Life of Thailand’s Monarch เก็บถาวร 2006-11-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน บทวิจารณ์หนังสือ โดย คริส เบเคอร์, AsiaSentinel, 8 กันยายน พ.ศ. 2549
- A Hollow Crown บทวิจารณ์หนังสือ โดย ดังแคน แม็คคาร์โก (Duncan McCargo) , New Left Review 43, มกราคม-กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550
- Thailand: All the King's Men บทวิจารณ์หนังสือ โดย Ian Buruma, นิวยอร์กรีวิวออฟบุกส์ (New York Review of Books) ปีที่ 54 ฉบับที่ 3, 1 มีนาคม พ.ศ. 2550