ผลต่างระหว่างรุ่นของ "คมชัดลึก (หนังสือพิมพ์)"

คมชัดลึก เป็นหนังสือพิมพ์รายวัน เสนอข่าวทั่วไป ของ บริษัท เอ็นเอสที นิวส์ จำกัด ของเครือเนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ปก่อตั้งเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2544 มี เฉลียว คงตุก เป็นบรรณาธิการ มีคอลัมนิสต์ประจำในเครือคือ สุทธิชัย หยุ่น (เจ้าของคอลัมน์ คิดนอกกรอบ) โสภณ องค์การณ์ (เจ้าของคอลัมน์ เล่นนอกสภา ตีพิมพ์ทุกวันพุธ และเกาที่คัน ตีพิมพ์ทุกวันเสาร์) นอกจากนี้ยังมีคอลัมนิสต์รับเชิญ เช่น คุณหญิง พ.ญ.พรทิพย์ โรจนสุนันท์ พล.อ.บัญชร ชวาญศิลป์ กวี จงกิจถาวร สุจินต์ จันทร์นวล นันทขว้าง สิ���สุนทร เจนนิเฟอร์ คิ้ม

คมชัดลึกได้รับรางวัลหนังสือพิมพ์โลก ปีพุทธศักราช 2548 (2005) จากสมาคมหนังสือพิมพ์โลก ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ของเมืองไทย เพียงฉบับเดียวที่ได้รับรางวัล เมื่อเดือนพฤษภาคม 2548

บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้

หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จากการตีพิมพ์คำให้สัมภาษณ์หลังเวทีของ สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในฉบับประจำวันศุกร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2549 ซึ่งกล่าวในทำนองว่า หากผู้รับสนองพระบรมราชโองการไม่รับผิดชอบในความผิดพลาดของพระราชกฤษฎีกาแล้ว จะให้ใครรับผิดชอบ ซึ่งทำให้ประชาชนฟ้องร้องดำเนินคดีต่อนายสนธิ และหนังสือพิมพ์คมชัดลึก เป็นจำนวนมาก ในหลายพื้นที่

ต่อมา เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 มีนาคม กลุ่มชาวไทยผู้จงรักภักดี และกลุ่มคาราวานคนจน ที่เป็นกลุ่มที่นำหนังสือพิมพ์มาแสดงเป็นกลุ่มแรก บนเวทีปราศรัยสวนจตุจักร จำนวนนับพันคน นำโดย นายคำตา แคนบุญจันทร์ นายอรรถฤทธิ์ สิงห์ลอ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด นายชูพงศ์ ถี่ถ้วน^[1] นายประยูร ครองยศ นายทองเจือ ชาติกิจเจริญ เป็นต้น เคลื่อนขบวนจากสวนจตุจักร มาชุมนุมหน้าอาคารเนชั่นทาวเวอร์ เพื่อประท้วงผู้กระทำผิดหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ไม่ว่าจะเป็น สนธิ หรือ คมชัดลึก

เวลาผ่านไปกว่า 7 ชั่วโมง จึงได้ผลการเจรจาระหว่างกลุ่มชาวไทยผู้จงรักภักดี กับผู้บริหารหนังสือพิมพ์คมชัดลึก สรุปได้ว่า หนังสือพิมพ์คมชัดลึกขอปิดตัวเองเป็นเวลา 5 วัน และในฉบับวันที่ 3 เมษายน ซึ่งเป็นฉบับแรก หลังจากปิดตัวเองรอบแรก 3 วัน จะตีพิมพ์คำขอพระราชทานอภัยโทษ บนหน้า 1 นายก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ ประกาศลาออกจาก บรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์คมชัดลึก เพื่อแสดงความรับผิดชอบ (ปัจจุบันกลับเข้ารับตำแหน่งเดิมแล้ว) สั่งปลดผู้สื่อข่าวที่เขียนข่าวดังกล่าว และบรรณาธิการข่าวหน้า 1

ส่วนอีกข้อหนึ่งระบุว่า หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ฉบับวันที่ 3 เมษายน จะต้องลงข่าว กลุ่มคนไทยผู้จงรักภักดีฯ ที่มาชุมนุมเรียกร้อง ให้ผู้กระทำผิดหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัยโทษ หากแต่เมื่อถึงวันดังกล่าว คมชัดลึกกลับลงข่าวบิดเบือนโจมตีกลุ่มคนไทยผู้จงรักภักดีว่า มีพฤติการณ์เข้าปิดล้อมทางเข้า-ออก อาคารเนชั่นทาวเวอร์ ไม่ให้ผู้อยู่ภายในออกจากตัวอาคาร รวมทั้งพนักงานเนชั่นทีวี ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง และผู้สื่อข่าวหญิงของหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ที่กำลังตั้งครรภ์ในขณะนั้นด้วย อีกทั้งพูดจาข่มขู่ และแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว อีกทั้งเลือกใช้คำว่า “คาราวานคนจน” แทน “กลุ่มคนไทยผู้จงรักภักดี” เพื่อลดความน่าเชื่อถือของกลุ่มดังกล่าว โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ร้ายกลุ่มคนไทยผู้จงรักภักดีว่า กระทำการแทรกแซงสิทธิเสรีภาพในการนำเสนอข่าวสารของสื่อมวลชน

หนังสือพิมพ์คมชัดลึกได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการนำเสนอ โดยให้หนังสือพิมพ์กรอบบ่ายที่ลงวันที่ล่วงหน้าให้เป็นฉบับข่าวร้อนก่อนเที่ยง โดยสีที่ใช้ในการพาดหัวข่าวจะใช้สีน้ำเงิน จากเดิมที่ใช้สีน้ำตาลพาดหัวเป็นหลัก แตกต่างจากฉบับกรอบเช้าซึ่งใช้สีดำ สำหรับจุดขายที่คมชัดลึกพยายามนำเสนอคือ ข่าวหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน 8.00 น. จะถูกตีพิมพ์และวางแผงไม่เกิน 12.00 น. ของแต่ละวัน ซึ่งจะวางขายเฉพาะแผงหนังสือในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเท่านั้น

หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ฉบับวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2551 ได้มีการปรับลดขนาดหนังสือพิมพ์ลงจากเดิม 31 นิ้ว เป็น 27 นิ้ว ^[2]ส่งผลให้มีขนาดเทียบเท่ากับหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ โพสต์ทูเดย์ เดอะเนชั่น และกรุงเทพธุรกิจ ที่ได้มีการปรับลดขนาดก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังมีการลดขนาดหัวคอลัมน์ให้เล็กลง เพื่อสะดวกในการจัดวางหน้า (Layout)

สำหรับหนังสือพิมพ์หัวสีฉบับอื่นๆ มีเพียงสยามรัฐที่มีการปรับลดขนาด คงเหลือไทยรัฐ เดลินิวส์ และข่าวสดที่ยังไม่มีการปรับลดขนาด

• คมชัดลึก

1. ↑ เว็บไซต์ นายชูพงศ์ ถี่ถ้วน ศูนย์กลางประชาชนแห่งประเทศไทย สถานีวิทยุชุมชนคนรู้ใจ เอฟ.เอ็ม.87.75 MHz.
2. ↑ คม ชัด ลึก ! โฉมใหม่...ให้คุณลึกกว่าที่เคย[1]