ข้ามไปเนื้อหา

ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เดธโน้ต"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
JBot (คุย | ส่วนร่วม)
ย้อนการทดลองเขียน หรือสแปม ที่อาจก่อกวนด้วยบอต
บรรทัด 110: บรรทัด 110:


; ยมทูตชีโดว์
; ยมทูตชีโดว์
ยมทูตที่ถูก ลุค หลอกเอาเดธโน้ตมาทิ้งไว้บนโลก ชีโดว์ พยายามที่จะเอาเดธโน้ตของตนคืน จึงโดนพวกเมลโลหลอกใช้ ซึ่งก็ได้ทำให้แผนการที่ไลท์วางไว้ ผิดพลาดไปอย่างมาก (ชอบกินช็อกโกแล็ต)
ยมทูตที่ถูก ลุค หลอกเอาเดธโน้ตมาทิ้งไว้บนโลก ชีโดว์ พยายามที่จะเอาเดธโน้ตของตนคืน จึงโดนพวกเมลโลหลอกใช้ ซึ่งก็ได้ทำให้แผนการที่ไลท์วางไว้ ผิดพลาดไปอย่างมาก


== เดธโน้ต ==
== เดธโน้ต ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 00:04, 10 พฤษภาคม 2551

เดธโน้ต
ไฟล์:Death Note Manga.jpg
ไลท์ และยมทูตลุค
ชื่อภาษาอังกฤษDeath Note
แนวลึกลับ, สืบสวน
มังงะ
เขียนโดยสึงุมิ โอบะ (เรื่อง)
ทาเคชิ โอบาตะ (ภาพ)
สำนักพิมพ์ญี่ปุ่น ชูเอชะ
ไทย เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์
อนิเมะ
กำกับโดยเท็ตสึโร่ อารากิ
สตูดิโอแมดเฮาส์

เดธโน้ต ญี่ปุ่น: デスノートโรมาจิDesu Nōtoทับศัพท์: ทับศัพท์จาก Death Note เป็นชื่อการ์ตูนญี่ปุ่นแนวลึกลับ แต่งเนื้อเรื่องโดยสึงุมิ โอบะ และวาดภาพโดยทาเคชิ โอบาตะ ในประเทศญี่ปุ่น เดธโน้ตลงตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็นจัมป์รายสัปดาห์ของสำนักพิมพ์ชูเอชะ และตีพิมพ์รวมเล่มออกจำหน่ายทั้งหมด 12 เล่ม ส่วนในประเทศไทยผู้ได้รับลิขสิทธิ์ในการตีพิมพ์คือ เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ โดยลงตีพิมพ์เป็นรายสัปดาห์ในนิตยสารบูม

เดธโน้ตได้มีการนำมาทำเป็นภาพยนตร์ ซึ่งสร้างโดยวอร์เนอร์ บราเธอร์ส โดยแบ่งออกเป็น 2 ภาค คือภาคแรก ในชื่อ สมุดโน้ตกระชากวิญญาณ และภาพที่สองในชื่อ อวสานสมุดมรณะ นอกจากนี้เดธโน้ตยังได้ถูกทำเป็นวิดีโอเกมของเครื่องนินเทนโดดีเอส ในชื่อ Death Note: Kira Game

เนื้อเรื่อง

ภาคแรก

ยางามิ ไลท์ นักเรียนมัธยมปลาย ซึ่งเป็นนักเรียนที่ฉลาดมากและเรียนดีติดอันดับ 1 ของประเทศ วันนึงเขาได้ไปพบ "บันทึกมรณะ" (เดธโน้ต) ของ ลุค ยมทูตผู้หนึ่งได้ในคืนที่ฝนตกหนัก ทำให้ได้รับความสามารถพิเศษ สามารถฆ่าคนได้ เพียงแค่รู้จักหน้าคนผู้นั้นแล้วเขียนชื่อลงไปในกระดาษของสมุดบันทึกเล่มนั้น ผู้ที่ถูกเขียนชื่อจะเกิดอาการหัวใจวาย เสียชีวิตภายในเวลา 40 วินาที ไลท์จึงตัดสินใจจะเปลี่ยนแปลงโลก โดยใช้เดธโน้ตฆ่าอาชญากร ผู้คนจึงขนานนามของผู้ฆ่า (ไลท์) ว่า "คิระ" (มาจากคำว่า killer ในภาษาอังกฤษ)

ไม่นานนักเรื่องนี้ก็บานปลาย อาชญากรพากันล้มตายจนเป็นจำนวนมาก องค์กรตำรวจโลก (ICPO) จึงจัดประชุมใหญ่ขึ้น ประณามการกระทำของ คิระ โดยมีนักสืบผู้แก้ไขคดีต่างๆ มาแล้วมากมายให้กับ ICPO มีนามแฝงว่า L ได้ปรากฏตัวขึ้น และ ประกาศว่า ผมได้เริ่มสืบสวนคดีนี้แล้ว โดยมี วาตาริ ผู้ที่สามารถ ติดต่อกับ L ได้คนเดียว เป็นผู้ช่วย โดย L เองได้ท้าทายคิระ และ วางแผน ล่อให้คิระฆ่าคน โดยใช้ Lind.L.Tailor นักโทษประหารมาหลอกว่าเป็น L และ กล่าวประนาม ว่าสิ่งที่ คิระทำอยู่นี้ เป็นสิ่งชั่วร้าย ทำให้ไลท์ (คิระ) โกรธมากและพยายามหาทางกำจัด L ให้ได้เช่นกัน ทาง L ก็ได้ร่วมมือกับ ทีมงานตำรวจญี่ปุ่น ซึ่งนำโดย ยางามิ โซอิจิโร่ พยายามตามจับตัว พยายามสืบหาว่า "คิระ" คือใคร และ ใช้วิธีใดในการฆ่าคนเพียงแต่เห็นหน้าและทราบชื่อ โดยมี วาตาริ เป็นผู้ช่วย ระหว่างนี้ L ขอให้ทางสหรัฐฯ ส่ง FBI เข้ามาติดตามผู้ต้องสงสัยว่าเป็นคิระ ทางด้านไลท์ได้ทดสอบใช้งานโน้ต จนทราบว่าสามารถที่จะกำหนดให้บุคคลเสียชีวิตด้วยเหตุอื่นๆ และสามารถกำหนดเวลาที่จะให้เสียชีวิตได้ด้วย จนในที่สุดสามารถใช้เดธโน้ตฆ่า FBI ที่เข้ามาได้ทั้งหมด ทำให้ L เริ่มมั่นใจว่า ไลท์ น่าจะเป็นคิระ และคอยดูไลท์อยู่เรื่อย ๆ

แต่แล้วจู่ๆ ก็มีวีดีโอเทปถูกส่งมายังสถานีโทรทัศน์ ระบุว่าตนเองคือ "คิระ" โดยสามารถฆ่าคนได้ เพียงแค่รู้จักหน้าตาเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องทราบชื่อ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ไลท์พยายามหาทางติดต่อกับ คิระ คนนั้น จนในที่สุด ไลท์สามารถดึงตัว อามาเนะ มิสะคิระเบอร์ 2 มาเป็นพวกได้ในที่สุด เพราะมิสะเองได้หลงรักไลท์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ด้วยสาเหตุที่คิระได้ ฆาตกรรม คนที่สังหารพ่อแม่ของมิสะไว้ และยังช่วยชีวิตของมิสะไว้อีก ต่อมาไลท์เองพยายาม ทำให้มิสะเจอกับ L ให้ได้ ส่วน L เองก็เชื่อว่ามีคิระ 2 คน ดังนั้น L จึงออกมาพบกับไลท์เพื่อเฝ้าติดตามดูไลท์ตลอดเวลา เมื่อ L ออกมาพบกับไลท์ และบังเอิญเจอมิสะ L ได้พบพิรุธของมิสะ พร้อมกับพบหลักฐานบางส่วนที่มิสะใช้ทำวีดีโอเทปปลอม จึงจับกุมตัวมิสะในทันที ในฐานะคิระหมายเลข 2 ทำให้ไลท์ไม่สามารถใช้มิสะในการกำจัด L ได้ สุดท้าย เรน (ยมทูตที่ติดตาม มิสะ) ได้ยึดความเป็นเ��้าของโน้ตคืนจากมิสะ และ คิดจะฆ่าไลท์ หากไลท์ไม่สามารถช่วยมิสะออกมาได้ เหตุการณ์ไม่คาดคิดนี้เอง ทำให้ไลท์ต้องวางแผนสุดท้ายในการกำจัด L โดยมีเรนมาช่วยด้วยอีกแรง โดยแผนการในครั้งนี้ ทำให้ไลท์ต้องเสียสิทธิ์ในการครอบครองเดธโน้ต ต้องกลับมาเป็นคนธรรมดา เพื่อช่วย L สืบหาตัวคิระ โดยให้เรน นำโน้ตของมิสะไปให้ หนึ่งในผู้บริหาร 8 คนของ บ.โยทสึบะ เพื่อเป็นคิระคนใหม่แทน มิสะ โดยเป็นตัวร่วมในแผนการของไลท์เองในครั้งนี้

การร่วมมือระหว่าง L กับ ไลท์ ในการตามจับตัวคิระ ดำเนินไปจนถึงขั้นสุดท้าย จนสามารถจับตัวคิระ หนึ่งในผู้บริหาร บ.โยทสึบะ และยึดโน้ตมาได้สำเร็จ จึงทำให้ L เห็นยมทูต และ รู้วิธีการฆ่าในที่สุด เมื่อไลท์ได้แตะโน้ตอีกครั้ง ทำให้ความทรงจำคืนมาทั้งหมด และ แอบเขียนโน้ตที่ซ่อนไว้ในนาฬิกา ฆ่าคิระ (ผู้บริหาร บ.โยทสึบะ) เพื่อปิดปาก โดยแม้ว่าหลักฐานจะสรุปว่าคิระได้ตายไปแล้ว แต่ L ก็ไม่ลดละความพยายามในการพิสูจน์ว่า ไลท์ คือ คิระ และ มิสะ คือ คิระหมายเลข 2 ทำให้ เรม ซึ่งกลัวว่ามิสะจะต้องถูกจับในฐานะคิระหมายเลข 2 ต้องทำอะไรบางอย่างในที่สุด โดยทุกคนหารู้ไม่ว่า ทุกอย่างเป็นแผนการทั้งหมดของไลท์ที่วางไว้ตั้งแต่แรกแล้ว

ภาคสอง

หลังจาก L และ วาตาริ ตายไปไม่นาน เครื่องคอมพิวเตอร์ของ วาตาริ ได้ทำการส่งข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับคดีคิระไปที่แห่งนึงซึ่งนั่นก็คือสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ซึ่งก่อตั้งโดย ควิลล์ แวมมี่ เป็นเจ้าของ และมี โรเจอร์ เป็นผู้ดูแลอยู่ ก็ทำให้ทราบว่า วาตาริ เป็นเจ้าของบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้นั่นเอง เนียร์ และ เมลโล ก็อยู่ในระหว่างการคัดเลือกว่า ใครจะมาแทน L ซึ่ง เมลโล รู้ตัวว่าเป็นรอง เนียร์ จึงออกจากบ้านเด็กกำพร้า และหาทางสืบเรื่องคิระ ตามวิธีของตน เพื่อที่จะแสดงให้คนอื่นเห็นว่า ตนเองมีความสามารถ และไปเข้ากับพวกองค์กรมาเฟียระดับโลก โดยยื่นเงื่อนไขในการจัดการคิระให้ เพื่อพวกมาเฟียจะไม่ถูกคิระเขียนชื่อลงในเดธโน้ต ส่วนทาง เนียร์ ได้นำข้อมูลทั้งหมดไปให้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และขอให้จัดสรรทีม SPK (Secret Provision For Kira) เพื่อสืบคดีคิระต่อ ยางามิ ไลท์ ก็สืบทอดตำแหน่งการตามจับคิระต่อไปในร่างของ L โดยเข้าไปทำงานด้านข้อมูลของกรมตำรวจ

ทางเมลโลกับพวกมาเฟีย จับ ผบตร. ของญี่ปุ่นมา เพื่อสอบถามข้อมูลของเดธโน้ต แต่ ผบตร.ก็ตายด้วยน้ำมือของไลท์ ต่อมาเมลโลวางแผนจับตัว ยางามิ ซายุ มาต่อรองการแลกโน้ตจาก ยางามิ โซอิจิโร่ หลังจากเมลโลแลกโน้ตกับซายุแล้ว ได้ทำการศึกษาเดธโน้ต และเริ่มทดลองการใช้โน้ต ระหว่างนี้ทางเนียร์เองได้ติดต่อกับ L หมายเลข 2 (ยางามิ ไลท์) เพื่อร่วมกันแย่งเดธโน้ตคืนจากเมลโล สุดท้ายได้รับความร่วมมือจาก ชีโดว์ ยมทูตซึ่งเป็นเจ้าของโน้ตเล่มแรกที่แท้จริง (โน้ตที่ได้จากลุคเล่มแรก) โดยการแย่งคืนโน้ตครั้งนี้ แม้ว่าจะสามารถแย่งโน้ตคืนมาได้ รวมถึงรู้ชื่อที่แท้จริงของเมลโล แต่ก็ต้องทำให้พ่อของไลท์ (ยางามิ โซอิจิโร่) ต้องเสียชีวิตไป และ เมลโล ก็หนีไปได้

ต่อมาไม่นาน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เสียชีวิตลงโดยฝีมือของ คิระ เหตุการณ์นี้ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ล้มเลิกความคิดที่จะสืบหาตัวคิระ และมายืนอยู่ฝ่ายเดียวกับคิระจนทำให้หน่วย SPK ของเนียร์ต้องถูกปิดลง แต่ทางเนียร์กับพวกที่เหลืออีก 3 คนต่างไม่ยอมล้มเลิกการตามหาตัวคิระ และได้ใช้เงินกองทุนของ L ในการดำเนินการสืบหาคิระต่อไป ต่อมาเมลโลได้ติดต่อกลับมาทางเนียร์ผ่านทาง ริโดน่า สมาชิก 1 ใน 3 ของ SPK ที่ยังทำงานกับเนียร์ และเล่าเรื่องเดธโน้ตที่รู้ให้เนียร์ฟังก่อนจะจากไป ในตอนนั้นเนียร์เองก็เริ่มสงสัยในตัวไลท์ หรือ L หมายเลข 2 โดยเริ่มติดต่อกับคนในทีมของไลท์ 2 คน คือ โมงิ กับ ไอซาวะ และอนุญาตให้โมงิมาพบเนียร์ได้ ตอนนั้นไลท์ซึ่งต้องการจัดการเนียร์อยู่แล้ว จึงซ้อนแผนไปอีกทีหนึ่ง ทำให้ที่อยู่ของเนียร์ถูกค้นพบและถูกทำลายลง แต่เนียร์และสมาชิกทีม SPK ทั้ง 3 คน ก็หนีรอดออกมาได้

การกระทำและการเฝ้าจับตาดู L หมายเลข 2 ของเนียร์ ทำให้ไลท์ทำหน้าที่คิระไม่ได้ และจำเป็นต้องหาตัวแทนขึ้นมา สุดท้ายจำเป็นต้องเลือก มิคามิ เทรุ มาเป็นตัวแทนคิระ มิคามิยอมแลกเปลี่ยนดวงตายมทูต เพราะศรัทธาในตัวคิระเมื่อตอนที่โฆษกซากุระทีวีตาย มิคามิได้เลือกโฆษกคนใหม่ ซึ่งก็คือ ทาคาดะ คิโยมิ แฟนของไลท์สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เมื่อไลท์ได้พบกับทาคาดะ ก็แสดงความรักต่อทาคาดะ และสารภาพกับทาคาดะไปว่าเขาคือ คิระ ทางทาคาดะเองซึ่งศรัทธาในการกระทำของคิระอยู่แล้ว บวกกับชอบพอในตัวไลท์มาก่อน ก็ตอบตกลงช่วยเหลือไลท์ในทันที ซึ่งทำให้ไลท์สามารถใช้งานทาคาดะ เป็นตัวกลางระหว่างติดต่อกับมิคามิ โดยทุกครั้งที่ไลท์นัดเจอกับทาคาดะ ไลท์จะติดเครื่องดักฟังเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ในทีมคนอื่นสงสัย แต่อาศัยการเขียนความต้องการลงในกระดาษเพื่อเป็นการสื่อสารกับทาคาดะแทน

ทาคาดะ ซึ่งเป็นคนเดียวที่สามารถติดต่อกับคิระได้ ทำให้เธอมีสิทธิ์อยู่เหนือคนธรรมดาทั่วไป ในเวลานั้นทางมิคามิเองก็ฆ่าคนอื่นไปตามคำสั่งของไลท์ ที่ส่งผ่านมาทางทาคาดะ ต่อมาทาคาดะได้จ้างบอดี้การ์ด 4 คนเพื่อคุ้มกันตัวเธอเองหนึ่งในนั้นคือ ริโดน่า สมาชิก SPK ซึ่งทาคาดะไม่รู้ว่าเนียร์ส่งริโดน่าให้มาจับตาดูเธอ ส่วนทางไอซาว่า ที่ติดต่อกับเนียร์ ก็เริ่มจับตาดูไลท์เป็นระยะ และเริ่มมั่นใจว่าไลท์คือคิระ แต่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้

ทางเนียร์เริ่มสงสัยในตัวมิคามิ และสั่งให้เจวานนี่ตามเฝ้ามิคามิตลอด จนในที่สุดเจวานนี่สามารถเข้าถึงเดธโน้ตที่อยู่ในมือมิคามิได้สำเร็จ และถ่ายรูปข้อความทั้งหมดในเดธโน้ตกลับมาให้เนียร์ แต่หลักฐานนั้นยังไม่พอที่จะสาวไปถึงตัวไลท์ได้ เพราะไลท์ไม่ได้ติดต่อกับทางมิคามิโดยตรง มีทางเดียวคือต้องให้ไลท์เป็นคนยอมรับเองว่าเป็นคิระ ทางเนียร์จึงให้เจวานนี่ติดตามมิคามิต่อไป รวมถึงตัวเองก็คิดหาทางจัดการกับคิระไปด้วย โดยหารู้ไม่ว่าทั้งหมดอยู่ในแผนของไลท์ ที่วางเอาไว้แล้ว

เมื่อรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดแล้ว และมั่นใจเต็มที่ว่าไลท์คือคิระ ทางเนียร์จึงได้นัดกับไลท์ออกมาพบกันเพื่อมาพิสูจน์ในครั้งสุดท้าย ส่วนไลท์เองก็หาโอกาสกำจัดเนียร์มานาน ในเมื่อเนียร์เป็นฝ่ายนัดมาเองก็ยินดียิ่ง เพราะจะเป็นโอกาสจัดการทุกคนในทีเดียว โดยจะเจออีกครั้งใน 3 วันให้หลัง โดยเนียร์จะพาทีม SPK ซึ่งประกอบด้วย เลสเตอร์ โจวานนี่ และริโดน่า ไปทั้งหมด และไลท์เองก็พาทีมอันประกอบด้วย โมงิ ไอซาว่า อิเดะ และ มัตสึดะ ทั้งหมด ไปนัดเจอกันที่โกดังร้างเเห่งหนึ่ง เมื่อทั้งสองฝ่ายตกลงกันแล้ว ต่างก็ยุติการเคลื่อนไหวทั้งสิ้น

แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเมลโลลักพาตัวทาคาดะไป แต่ท้ายที่สุด เมลโลก็ต้องตายโดยฝีมือของทาคาดะ โดยทาคาดะเขียนชื่อจริงของเมลโลลงในเศษกระดาษเดธโน้ต ที่ไลท์ได้ให้ไว้ก่อนหน้านี้ (ไลท์ ได้เคยบอกชื่อ และให้ด��รูปตอนเด็กของ เมลโล แก่ ทาคาดะ ไว้ก่อนแล้ว) หลังจากทราบว่าเมลโล ได้ตายแล้ว ไลท์ต้องการทำลายหลักฐานทั้งหมด ระหว่างเดินทางไปรับตัวทาคาดะ จึงได้เขียนชื่อทาคาดะลงเดธโน้ต และใส่สาเหตุการตายว่าฆ่าตัวตาย โดยการเผาร่างตัวเองพร้อมวัตถุใกล้ตัว แม้จะมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้การนัดพบของทั้งเนียร์และไลท์ต้องยกเลิก เพราะต่างฝ่ายต่างวางแผนของตนไว้อย่างดีแล้ว

เมื่อถึงวันนัด ทั้งสองมาพบกัน ต่างฝ่ายก็มั่นใจว่าต่างเตรียมตัวมาดีแล้ว สุดท้ายแผนการเปิดโปงตัวจริงของคิระจากเนียร์ ที่วางไว้ถูกซ้อนแผนโดยไลท์ โดยมีมิคามิเป็นตัวร่วมในครั้งนี้ และการตายของเมลโลในคราวนั้น กลับช่วยเนียร์ซ้อนแผนกลับไปที่ไลท์ได้อีกครั้ง และช่วยทำให้ทุกคนรอดตายจากน้ำมือของไลท์ได้ในที่สุด

หลังจากถูกเปิดโปงได้ว่าไลท์คือคิระ ทำเอาไลท์พยายามหาทางเกลี้ยกล่อมคนที่เหลือ และหาวิธีกำจัดเนียร์ ส่วนมิคามิก็ถูกรวบตัวไป เมื่อรวบรวมสติได้ไลท์ ก็ตั้งใจจะเขียนชื่อเนียร์ลงบนเศษของโน้ตที่ซ่อนอยู่ในนาฬิกา แต่มัตสึดะเห็นเสียก่อนจึงยิงปืนใส่ไลท์ แล้วบอกว่า "ไลท์เป็นคนทำให้พ่อของตัวเอง (ยางามิ โซอิจิโร่) ตาย" ไลท์หมดสภาพ พยายามดิ้นรนขอให้ มิคามิเขียนชื่อพวก SPK แต่มิคามิถูกจับอยู่ แถมโน้ตที่อยู่กับตัวก็เป็นของปลอม มิคามิจึงตะโกนต่อว่าไลท์ว่า "แกมันไม่ใช่พระเจ้า" ไลท์ยังคงพยายามที่จะหาคนอื่นช่วย จนในที่สุดก็มองเห็นลุค และขอร้องลุคว่า "ฆ่าไอ้พวกนี้ให้ที" ลุคตอบว่า"ได้ชั้นจะเขียนให้ แต่คนที่ตายก็คือไลท์" ไลท์ตกใจมาก แล้วร้องออกมาว่ายังไม่อยากตาย เขานึกย้อนเหตุการณ์ไปวันที่ไลท์เจอกับลุคครั้งแรก ซึ่งลุคเคยบอกว่าทั้งสวรรค์หรือนรกก็ไม่มีจริง และจะอยู่รอจนถึงวันที่ตัวเองได้เขียนชื่อไลท์ลงในโน้ตของลุคเอง สุดท้ายไลท์เองก็ไม่สามารถที่จะต้านทานอำนาจของเดธโน้ตได้

ผ่านมาเป็นเวลา 1 ปี โลกกลับสู่สภาพเดิมก่อนที่จะมีคิระมาพิพากษา ไอซาว่า ได้เป็น ผ.บ. เนียร์ได้เป็น L โรเจอร์ได้เป็นวาตาริ และทำการสืบคดีเรื่องการค้ายาเสพติด ทุกสิ่งทุกอย่างกลับเป็นปกติ โดยก่อนหน้านั้นเนียร์ได้เผาโน้ตที่มีอยู่ทั้งหมดทิ้ง ส่วนมิคามิเองก็เสียชีวิตในคุกเพราะได้รับเงื่อนไขดวงตายมทูต แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก็มีกลุ่มคนที่ยังคิดว่า คิระแค่หยุดพักไปเท่านั้น และยังเชื่อกันอยู่ว่าสักวันคิระจะกลับมา

ตัวละคร

ยางามิ ไลท์ ญี่ปุ่น
夜神 月โรมาจิYagami Raito

(ชื่อสมมุติในเรื่องคือ คิระ และสวมบทเป็น L รุ่นที่ 2) ตัวเอกของเรื่อง เป็นนักเรียนมัธยมปลายผู้เบื่อหน่ายและเสื่อมศรัทธาต่อความยุติธรรมในโลก เมื่อเขาเก็บเดธโน้ตได้ จึงตั้งใจที่จะกำจัดคนชั่ว เพื่อสร้างโลกที่น่าอยู่ตามความคิดของตน ภายหลังเมื่อมีคนมาขัดขวางก็หาทางกำจัดศัตรูทางความคิดของตนด้วย เนื่องจากความตั้งใจของไลท์ที่จะทำให้สำเร็จ จึงไม่ได้คำนึงว่าบุคคลเหล่านั้นจะเป็นใคร แม้แต่พ่อของตนเอง

L (L. Lawliet) ญี่ปุ่น
エル・ローライトโรมาจิEru Rōraito

(แอล หรือชื่ออื่นคือ ริวซากิ และ ริวงะ) เป็นนักสืบที่มีอายุมากกว่าไลท์10ป๊ และยังมีความสามารถเหนือกว่าไลท์เกือบทุกด้าน มีความสามารถในการสืบสวนมาก จนได้ชื่อว่าเป็นนักสืบอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งสามารถสั่งการ FBI และตำรวจทั่วโลก ได้ และมีความคิดว่า สิ่งที่คิระทำเป็นสิ่งที่ผิด จึงหาทางจับตัวคิระ จนกระทั่งสงสัยว่าไลท์คือ "คิระ" แต่ถูกไลท์ชิงกำจัดได้ก่อนโดยหลอกใช้ "เรม" (ในเล่ม 13 How to Read ที่ออกจำหน่าย วันศุกร์ที่ 13 ตุลาคม 2549 ชื่อจริงของแอลได้ถูกเปิดเผยขึ้นว่า L Lawliet หรือ แอล ลอว์ไลท์ โดยชื่อของแอลนั้นถูกตั้งให้ตรงกันข้ามกับชื่อของไลท์)

ชื่อของ L อ่านในภาษาไทยว่า แอล ในขณะที่ภาษาอังกฤษอ่าน เอล ตามตัวอักษร L และภาษาญี่ปุ่นอ่าน เอะรุ (เนื่องจากภาษาญี่ปุ่นไม่มี ล ลิง)
วาตาริ ญี่ปุ่น
ワタリโรมาจิWatari

เป็นผู้ก่อตั้งบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ชื่อ Wammy's House ที่ L เนียร์ และเมลโลเคยอยู่

ยมทูตลุค ญี่ปุ่น
リュークโรมาจิRyūku

ยมทูตที่ชอบกินแอปเปิลของโลกมนุษย์ เบื่อชีวิตซ้ำซากในยมโลก อยากจะทำอะไรสนุกๆ จึงนำเดธโน้ต มาทิ้งไว้ที่โลกมนุษย์ ซึ่งผู้ที่เก็บได้ก็คือ "ไลท์" ตอนหลังก็ได้ฆ่าไลท์ไป

อามาเนะ มิสะ ญี่ปุ่น
弥 海砂โรมาจิAmane Misa

เด็กสาวไอดอลผู้หลงรักไลท์อย่างโงหัวไม่ขึ้น ถึงกับยอมแลก ดวงตายมทูต จาก เรม และ ลุค ด้วยอายุขัยครึ่งหนึ่งของตน เพื่อช่วยทำงานให้ไลท์ และต่อมามิสะได้เป็นคิระหมายเลข 2

ยมทูตเรม

ยมทูตที่ติดตาม "มิสะ" ภายหลัง เพื่อช่วยมิสะจากแผนการที่ไลท์วางไว้ จึงยอมสละชีวิตตัวเอง ฆ่า L และ วาตาริ

ยางามิ โซอิจิโร่

เป็นพ่อของไลท์และเป็นหัวหน้ากองสืบสวนญี่ปุ่น (NPA) โซอิจิโร่ได้สืบสวนคดีคิระจนกระทั่งตนเองได้ตายเพราะถูกสมาชิกแก๊งมาเฟีย (พวกของเมลโล) ยิง และถูกระเบิดซ้ำอีก ในตอนที่พบกับเมลโลนั้นถูกหยามไว้ว่า "นายน่ะ ไม่เคยฆ่าคนใช่มั้ยล่ะ คงทำไม่ลงหรอก" ซึ่งก็เป็นความจริง โซอิจิโร่เสียชีวิตที่ รพ.แห่งหนึ่ง ซึ่งขณะนั้น ไลท์ที่อยู่ข้างเตียงก็ได้แต่บอกให้โซอิจิโร่เขียนชื่อจริงของเมลโลลงในเดธโน้ต แต่โซอิจิโร่สิ้นใจก่อนที่จะเขียน และโซอิจิโร่เชื่อว่าไลท์ไม่ได้เป็นคิระ เพราะโซอิจิโร่ที่มีดวงตายมทูต ยังคงสามารถเห็นอายุขัยของไลท์ (โดยปกติแล้ว ผู้ที่มีดวงตายมทูตจะมองไม่เห็นอายุขัยของผู้ที่ครอบครองเดธโน้ต)

มิคามิ เทรุ

เมื่อไลท์ถูกจับตามอง จนไม่สามารถเคลื่อนไหวในชื่อ "คิระ" ได้ จึงได้เลือก มิคามิ มาเป็นผู้ทำหน้าที่แทนไลท์ มิคามิยอมแลกอายุขัยตัวเองครึ่งหนึ่งกับดวงตายมทูต และเลือก ทาคาดะ เป็นโฆษกรายการทีวีของคิระ หลังจากที่มิคามิถูกพวก SPK จับกุมตัวในคุก 10 วันต่อมา เขาก็ตายในคุก

ทาคาดะ คิโยมิ

แฟนของไลท์สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ได้รับแต่งตั้งให้เป็นโฆษกรายการทีวีของคิระ ซึ่งไลท์ก็นำเอาความหลังมาหลอกใช้ แต่ในที่สุดทาคาดะก็ตายเพราะถูกไลท์เขียนชื่อลงในเดธโน้ต

เมลโล (Mihael Keehl)

อยู่สถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้า Wammy's House เหมือนกันกับ L และ เนียร์ แต่ความสามารถไม่เป็นรอง เนียร์ (เพียงแต่ขาดความเยือกเย็นที่เนียร์มี แต่ก็ได้ความกระตือรือร้นมาทดแทนในสิ่งที่เนียร์ขาดไป) จึงพยายามออกมาเพื่อที่���ะแสดงให้คนอื่น เห็นว่าตัวเองนั้น เหนือกว่าเนียร์ ภายหลังเมลโลก็เสียชีวิตเพราะถูกทาคาดะฆ่าด้วยการเขียนชื่อ Mihael Keehl ลงในเดธโน้ต (ทาคาดะรู้ชื่อจริงของเมลโลจากไลท์ และไลท์ก็รู้ชื่อจริงของเมลโลจากพ่อของไลท์อีกต่อหนึ่ง ซึ่งในขณะนั้น พ่อของไลท์มีดวงตายมทูต จึงรู้ชื่อจริงของเมลโลได้) หากไม่มี เมลโล เนียร์อาจจะแพ้ให้แก่คิระในศึกสุดท้ายก็เป็นได้ (ระหว่าง L เนียร์ และเมลโล มีแต่เมลโลเท่านั้นที่ไม่เคยเจอคิระหรือไลท์เลย)

เนียร์ (Nate River)

เป็นผู้มาแทนแอล หรือผู้สืบทอด L ตัวจริง เมื่อแอลตายไปแล้ว เนียร์ก็ได้แอบสืบข้อมูลอย่างลับๆ จนได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือ และได้เข้าร่วมสืบสวนกับ SPK จนสามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของคิระ และเอาชนะคิระได้ โดยที่ตนเองก็เกือบจะไม่รอดเหมือนกัน เพราะเกือบถูกคิระเขียนชื่อจริงของเนียร์ ลงในเศษกระดาษเดธโน้ต

ยมทูตชีโดว์

ยมทูตที่ถูก ลุค หลอกเอาเดธโน้ตมาทิ้งไว้บนโลก ชีโดว์ พยายามที่จะเอาเดธโน้ตของตนคืน จึงโดนพวกเมลโลหลอกใช้ ซึ่งก็ได้ทำให้แผนการที่ไลท์วางไว้ ผิดพลาดไปอย่างมาก

เดธโน้ต

"เดธโน้ต" (Death Note) หรือ "บันทึกมรณะ" เป็นสมุดที่มียมทูตเป็นเจ้าของโดยมีอำนาจในการฆ่าผู้คนตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยถ้าไม่กำหนดสาเหตุการตาย ผู้ตายจะตายด้วยโรคหัวใจ ในการ์ตูนเรื่องนี้จะมีเดธโน้ตปรากฏมาสองเล่ม โดยเป็นของยมทูตลุคและยมทูตเรม

เดธโน้ตของลุคจะมีคำอธิบายการใช้งานไว้เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งลุคเชื่อว่าเป็นภาษาที่นิยมใช้มากที่สุดในโลก โดยได้เขียนกฎไว้ดังนี้ (ถ้าใน How to Read ในฉบับการ์ตูนจะกฎบางส่วนที่ไม่ได้ถูกเขียนไว้เพิ่มเข้ามาอีก)

  • ใครก็ตามที่ถูกเขียนชื่อลงในสมุดเล่มนี้จะต้องตาย
  • เดธโน้ตจะส่งผลเฉพาะต่อคนที่ถูกเขียนชื่อ และต้องนึกถึงใบหน้าของบุคคลผู้นั้น เพื่อป้องกันลูกหลงกับบุคคลที่มีชื่อและนามสกุลเดียวกัน
  • ถ้ามีการระบุสาเหตุการตายไว้ จะมีเวลาให้ 40 วินาทีเพื่อระบุสาเหตุการตาย แล้วผลจะออกมาตามกำหนด
  • ถ้าไม่ระบุสาเหตุการตาย คนที่ถุกเขียนชื่อจะตายด้วยอาการหัวใจวายทั้งหมด
  • แต่ถ้าหากจะลงรายละเอียดการตายไว้ จะมีเวลาให้ 6 นาที 40 วินาทีเพื่อลงรายละเอียดสภาพการตาย
  • ในกรณีที่ระบุวิธีการตายหากเขียนชื่อ คนมากกว่าหนึ่งคนในสถานการณ์เดียวกันหรือ เหตุการณ์เดียวกัน จะไม่เป็นตามที่ระบุไว้ แต่คนที่ถูกเขียนชื่อจะตายเพราะหัวใจวาย
  • ในการระบุรายละเอียดการตาย จะมีกฎที่ว่าต้องลงวันเสียชีวิตภายในระยะเวลา 23 วัน เรียกว่า กฎ 23 วัน (เช่นวันนี้วันที่ 1 มกราคม จะสามารถลงล่วงหน้าให้ตายได้จนถึงวันที่ 23 มกราคม)
  • ผู้ใดที่สัมผัสเดธโน้ต คนๆ นั้นจะเห็นและได้ยินเสียงของยมทูต ถึงแม้จะไม่ใช่เจ้าของเดธโน้ตก็ตาม
  • ผู้ที่ครอบครองเดธโน๊ตสามารถแลกดวงตาของตัวเองกับดวงตาของยมฑูตได้ โดยแลกกับอายุขัยครึ่งหนึ่งของตน
  • หากถอนการครอบครองสิทธิ์จากเดธโน้ต จะเสียความทรงจำเกี่ยวกับเดธโน้ตไปทั้งหมดรวมถึงความสามารถของดวงตายมทูตด้วย โดยมิได้รับอายุขัยที่เสียไปกลับคืนมา
  • แต่ถ้าหากสัมผัสเดธโน้ตอีกคร้ง ความจำก็จะกลับมา ถึงแม้ไม่ใช่เล่มที่ตนเป็นเจ้าของก็ตาม แต่ถ้าเล่มนั้นมีเจ้าของอยู่ ความทรงจะกลับมาเมื่ออยู่สมุดอยู่ในมือเท่านั้น โดยฆ่าเจ้าของเดิมเสียก่อนความทรงจำถึงจะกลับมาอย่างถาวร
  • หากถูกเขียนชื่อลงไปแล้ว ไม่ว่าอย่างไร คนๆนั้นก็ต้องตาย (อ้างอิงจาก ภาพยนตร์เรื่องเดธโน้ต ภาค 2)
  • สามารถตั้งกฎปลอมในเดธโน้ตจากยมทูตได้
    ไฟล์:Deathnote2.jpg
    อวสานสมุดมรณะ
  • สามารถฆ่าตัวตายได้

ดวงตายมทูต

ดวงตายมทูตเป็นดวงตาที่มีพลังพิเศษของยมทูต ซึ่งจะสามารถมองเห็นชื่อและอายุขัยที่เหลืออยู่ของมนุษย์ได้ โดยยมทูตจะใช้ดวงตานี้เพื่อหาชื่อของมนุษย์และฆ่า เพื่อที่จะทำให้อายุขัยที่เหลืออยู่ของมนุษย์เป็นของตน ซึ่งการที่มนุษย์จะได้ความสามารถนี้มา ก็ต้องแลกด้วยอายุขัยครึ่งหนึ่งของที่เหลืออยู่ของตนเอง เช่น คนที่มีอายุขัยรวม 70 ปี เมื่ออายุครบ 20 ปี ก็เท่ากับว่าคนผู้นั้นจะมีอายุขัยเหลืออยู่อีก 50 ปี หากทำการแลกเปลี่ยนดวงตายมทูตในช่วงนี้ อายุขัยที่จะต้องเสียไปก็คือ 50÷2 เท่ากับ 25 ปี

ตัวละครที่เคยแลกเปลี่ยนดวงตายมทูต
  • อามาเนะ มิสะ (Kira No.2) ทำการแลกเปลี่ยนไป 2 ครั้ง ครั้งแรกแลกกับเรม ต่อมาแลกกับลุค
  • ฮิงูจิ เคียวสึเกะ (Kira No.3) ได้โน้ตมาจากเรม เพราะเรมไม่อยากให้มิสะโดนโทษประหาร
  • คาล สไนเดอร์
  • ยางามิ โซอิจิโร่ (แลกเปลี่ยนเพื่อดูชื่อจริงของเมลโล่)
  • มิคามิ เทรุ (Kira No.4 หรือ X-Kira)

ดูเพิ่ม

แหล่งข้อมูลอื่น