สโมสรฟุตบอลราชนาวี
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
ชื่อเต็ม | สโมสรฟุตบอลราชนาวี | ||
---|---|---|---|
ฉายา | ตะหานน้ำ | ||
ก่อตั้ง | 10 มกราคม พ.ศ. 2499 (ในชื่อ สโมสรฟุตบอลทหารเรือ) พ.ศ. 2552 (ในชื่อ สโมสรฟุตบอลราชนาวี-ระยอง ) พ.ศ. 2554 (ในชื่อ สโมสรฟุตบอลราชนาวี) | ||
สนาม | สนามกีฬาราชนาวี สัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี | ||
ความจุ | 6,000 ที่นั่ง | ||
ประธาน | พล.ร.อ. รังสฤษดิ์ สัตยานุกูล | ||
หัวหน้าผู้ฝึกสอน | สมชาย ชวยบุญชุม | ||
ลีก | ไทยลีก 3 | ||
2566–67 | ไทยลีก 3 โซนภาคตะวันออก, อันดับที่ 4 | ||
|
สโมสรกีฬาของกองทัพเรือไทย | ||
---|---|---|
ฟุตบอล | ฟุตบอลบี | ฟุตบอลสำรอง |
ฟุตซอล |
สโมสรฟุตบอลราชนาวี (สโมสรฟุตบอลราชนาวีสโมสร) เป็นสโมสรฟุตบอลในประเทศไทยสนับสนุนโดยกองทัพเรือไทย ปัจจุบันแข่งขันอยู่ในไทยลีก 3 โซนภาคตะวันออก
ประวัติสโมสร
[แก้]ก่อนมีการจัดตั้งสโมสรฟุตบอลของกองทัพเรือนั้น กองทัพไทยได้จัดให้มีการแข่งฟุตบอลเป็นการภายในอยู่ก่อนแล้ว โดยกองทัพเรือมีเสนาบดีกระทรวงทหารเรือและผู้บัญชาการทหารเรือท่านต่างๆ เป็นผู้ให้การสนับสนุนโดยตลอด ดังปรากฏว่า พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสิงหวิกรมเกรียงไกร ได้ให้การสนับสนุนฟุตบอลภายในกองทัพเป็นอย่างดีโดยเฉพาะนักเตะจากโรงเรียนนายเรือจนได้แชมป์ถ้วยทองหล���งในปี พ.ศ. 2458 ก่อนจะมาได้แชมป์ถ้วย ก. 2 สมัยใน พ.ศ. 2466 และ 2467 ในสมัยพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงเป็นเสนาบดีกระทรวงทหารเรือ ต่อมากองทัพเรือไทยจึงได้จัดตั้งสโมสรฟุตบอลราชนาวีสโมสรขึ้น เมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2499[1]
เนื่องจากสโมสรฟุตบอลราชนาวีสโมสรขาดแคลนงบประมาณในการดึงตัวนักฟุตบอลฝีมือดีมาร่วมทีมเช่นเดียวกับทีมฟุตบอลของเหล่าทัพอื่น จึงต้องใช้นักฟุตบอลที่เป็นทหารอาชีพล้วนลงแข่งขัน ผลงานของทีมนี้จึงไม่คงที่ มีการเลื่อนชั้นสลับกับตกชั้นระหว่างฟุตบอลดิวิชั่น 1 และไทยลีกมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม สโมสรฟุตบอลแห่งนี้ยังเคยคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานควีนส์คัพครั้งที่ 32 ใน พ.ศ. 2549 มาครองได้สำเร็จ
ในการแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2552 สโมสรฟุตบอลราชนาวีสโมสรได้สิทธิกลับมาแข่งขันในฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง จากการทำผลงานได้สูงสุดเป็นอันดับ 3 ในไทยลีกดิวิชัน 1 โดยปีนี้สโมสรได้มีการไปร่วมทุนกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยองจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลในชื่อ "ราชนาวี-ระยอง" เพื่อให้สามารถส่งทีมเข้าร่วมแข่งขันได้ตามข้อกำหนดของเอเอฟซี โดยใช้สนามกีฬากลางจังหวัดระยองเป็นสนามเหย้า ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัท ระยองไทยพรีเมียร์ จำกัด ในฉายา "ม้านิลมังกร" สามารถขึ้นไปถึงลำดับที่ 12 ของตารางไทยพรีเมียร์ลีก และในฤดูกาล 2553 ราชนาวี-ระยอง ยังคงรั้งอยู่อับดับ 11 ในไทยพรีเมียร์ลีก แต่เมื่อจบฤดูกาล หมดสัญญากับจังหวัดระยอง กองทัพเรือดึงสิทธิ์ไปทำทีมเองในฤดูกาล 2554 ภายใต้การบริหารของบริษัท สยามนาวี ลีค คลับ กลับไปใช้ชื่อทีม "ราชนาวี" เหมือนเดิม และปรับปรุงสนามกีฬากองทัพเรือ กม.5 สัตหีบ เป็นสนามเหย้า จบฤดูกาล "ตะหานน้ำ" ก็ร่วงไปเล่นในไทยลีกดิวิชัน 1 อีกครั้ง เพราะทำได้เพียงอันดับที่ 16 เท่านั้น
พ.ศ. 2558 สโมสรฟุตบอลราชนาวีได้กลับขึ้นสู่ไทยพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง หลังจากได้อันดับ 3 ในไทยลีกดิวิชัน 1 ฤดูกาล 2557 ซึ่งในไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2558 พลเรือโทประพฤติพร อักษรมัต (ยศขณะนั้น) ประธานสโมสรราชนาวี เปิดตัวทีมสู้ศึกด้วยแคมเปญ "NAVY SMART TEAM" และเป็นที่ฮือฮาเมื่อปรากฏข่าวสโมสรแห่งนี้ได้รับการฝึกจากหน่วยทำลายใต้น้ำจู่โจม (ประเทศไทย) โดยเป็นการฝึกให้นักกีฬาได้มีจิตใจเข้มแข็งและมีสมาธิก่อนเข้าร่วมการแข่งขันไทยลีกคัพ[2] ในไทยพรีเมียร์ลีก สโมสรฟุตบอลราชนาวีภายใต้การฝึกสอนของสุรศักดิ์ ตังสุรัตน์ จบเลคแรกไม่ค่อยสวยนัก เลคหลังสโมสรตัดสินใจดึงโค้ชอาจหาญ ทรงงามทรัพย์ให้คัมแบ็คมาคุมทีมเต็มตัว ประเดิมเปิดบ้านเสมอกับ แบงค็อก ยูไนเต็ด ไปอย่างสนุกด้วยสกอร์ 2 - 2 แต่เมื่อบุกไปแพ้ให้กับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ถึง 7 - 0 อาจหาญ ทรงงามทรัพย์ ก็แสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกหลังจากเกมดังกล่าว ต่อมาสโมสรก็ได้เปิดตัวสเตฟาโน คูกูรา อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนของโอสถสภา เอ็ม-150 เข้าเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่ของสโมสรและสร้างผลงานฮือฮาเมื่อสามารถเอาชนะติดต่อกัน 4 นัดซ้อน ทำให้อันดับในตารางดีขึ้น แต่ก็อยู่ในโซนหนีตกชั้นจนจบฤดูกาล 2558 โดยนัดสุดท้ายเปิดบ้านเอาชนะทีมอาร์มี่ ยูไนเต็ด (ทีมอันดับ 10) ด้วยจำนวนประตู 2 - 1 รั้งอันดับ 15 (จาก 18 ทีม) ยังคงยืนหยัดอยู่ในไทยพรีเมียร์ลีก ต่อไปอีกฤดูกาล
หลังจากพีทีที ระยองในไทยลีกและไทยฮอนด้าในไทยลีก 2 ไม่ส่งทีมเข้าแข่งขันในฤดูกาล 2563 สมาคมฟุตบอลฯ มีมติให้คงจำนวนทีมในไทยลีกและไทยลีก 2 เป็น 16 และ 18 ทีมตามเดิมเพื่อให้จำนวนทีมเหมาะสมและเอื้อต่อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด ทำให้สุพรรณบุรีที่จบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 14 ในไทยลีกยังคงแข่งขันในไทยลีกต่อไป ส่วนราชนาวีที่จบฤดูกาลในอันดับที่ 16 ในไทยลีก 2 ฤดูกาล 2562 ยังคงแข่งขันในไทยลีก 2 เช่นกัน ในขณะที่อุบล ยูไนเต็ดซึ่งเป็นสโมสรที่ดีที่สุดเป็นอันดับสองในกลุ่มตกชั้นนั้นไม่ผ่านคลับไลเซ���ซิงและถูกปรับตกชั้นไปแข่งขันในไทยลีก 4 ทำให้สิทธิ์การแข่งขันในไทยลีก 2 ฤดูกาล 2563 ตกเป็นของอยุธยา ยูไนเต็ด[3][4]
วันสำคัญ
[แก้]- 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2458 - สโมสรนักเรียนนายเรือ (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น สโมสรฟุตบอลราชนาวี) ได้ครองถ้วยทองของหลวงเป็นสโมสรแรกของประเทศ
- 10 มกราคม พ.ศ. 2499 - วันจัดตั้ง สโมสรฟุตบอลราชนาวี
การบริหารจัดการ
[แก้]ในปี พ.ศ. 2552 แม้ว่าทีมราชนาวี-ระยอง จะไม่มีนักฟุตบอลระดับซูเปอร์สตาร์ และผลงานอยู่ในโซนท้ายตารางต้องลุ้นไม่ให้ทีมตกชั้นจนถึงนัดสุดท้าย แต่ด้วยความสำเร็จการเข้ามาทำทีมของกมล สุวรรณเจริญ ที่มีระบบเงินเดือน เบี้ยเลี้ยง และการประชาสัมพันธ์ ทำให้ราชนาวี-ระยอง เก็บยอดบัตรผ่านประตูสะสมมากที่สุดในบรรดา 16 สโมสร[5] และรวมรายได้ค่าของที่ระลึกแล้วเป็นรองแค่สโมสรเมืองทองหนองจอกทีมแชมป์ในปีนั้นแค่ทีมเดียวเท่านั้น
ในปี พ.ศ. 2558 ทีมราชนาวีได้ผู้สนับสนุนหลัก คือ บริษัท เอช อาร์ โปรเฟสชั่นแนล คอนซัลติ้ง แอนด์ เซอร์วิส จำกัด โดยนายสมฤทธิ์ ศรีทองดี
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2558 พลเรือเอก ประพฤติพร อักษรมัต ประธานสโมสรฟุตบอลราชนาวี ซึ่งได้รับการโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศสูงขึ้น ได้เป็นประธานเปิดสนามฟุตบอลราชนาวี (สนาม 2) เพื่อเป็นสถานที่ฝึกสอนเยาวชน ACADEMY NAVY FC ซึ่งเป็นบุตรหลานกำลังพลทหารเรือและเยาวชนในท้องถิ่น เพื่อเสริมทีมราชนาวีในอนาคต และเป็นสนามสำรองเพื่อฝึกซ้อมนักเตะสโมสรราชนาวี โดยสุเมธ กองพัฒนากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีเค ชูส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้มอบเงินสนับสนุน ซึ่งจะเป็นการปั้นเยาวชนเสริมทีมในอนาคต
ตราสโมสร
[แก้]-
ฤดูกาล 2499-2551
-
ฤดูกาล 2552
-
ฤดูกาล 2553
-
ฤดูกาล 2555–ปัจจุบัน
ผู้เล่น
[แก้]ผู้เล่นชุดปัจจุบัน
[แก้]หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
|
ผู้เล่นคนสำคัญในอดีต
[แก้]- สุขสันต์ คุณสุทธิ์
- สุรศักดิ์ ตังสุรัตน์
- ชายชาญ เขียวเสน
- ขวัญชัย เฟื่องประกอบ
- ประเสริฐ อินนุ้ย[6]
- สมเจตร สัตบุษ
- เอกรัตน์ ทรัพย์สิน
- บรรลือศักดิ์ ยอดยิ่งยง
- สมสักดิ์ อักษร
- ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์
ผู้เล่นชุดชนะเลิศถ้วยทองของหลวง พ.ศ. 2458
[แก้]- นายเจริญ (พลเรือโท หลวงเจริญราชนาวา) เป็นหัวหน้าทีม
- นายสวัสดิ์ เดชะไกสะยะ (นาวาตรี หลวงสวัสดิ์เดชไพศาลย์)
- นายแหวน (เรือตรี แหวน กัณหวยัคฆ์)
- นายแดง (นาวาเอก หลวงสำแดงพิชชาโชติ)
- นายดำ ทังสุบุตร (นาวาโท หลวงขยันสงคราม)
- นายสวัสดิ์ ศิริเวทย์
- นายสุภี จันทนมาศ (นาวาเอก หลวงสุภีอุทกธาร)
- นายเจียม เจียรกุล (พลเรือโท หลวงเจียรกลการ)
- นายภูหิน สถาวรวณิช
- นายลอย ปสุตนาวิน (เรือเอก ลอย ปสุตนาวิน)
- หม่อมราชวงศ์พงษ์ นวรัตน (นาวาตรี หลวงพงษ์นวรัตน์)
ผลงาน
[แก้]ผลงานสูงสุด
[แก้]- ไทยลีกคัพ ชนะเลิศ 1 ครั้ง 2533 (ในนามทีมกรุงเทพมหานคร)
- ควีนสคัพ - ชนะเลิศ 1 ครั้ง - 2549
- ถ้วย ค - ชนะเลิศ 1 ครั้ง - 2532
- ถ้วย ง - ชนะเลิศ 1 ครั้ง - 2517
- ไทยลีก - สูงสุดอันดับ 7 (2546/47)
- ไทยลีก ดิวิชั่น 1(ไทยลีก 2 ในปัจจุบัน) - รองชนะเลิศ 3 ครั้ง - 2542, 2545, 2549
ผลงานของสโมสรในแต่ละฤดูกาล
[แก้]ฤดูกาล | ลีก | เอฟเอคัพ | ลีกคัพ | ลีก 3 คัพ | ผู้ยิงประตูสูงสุด | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ระดับ | แข่ง | ชนะ | เสมอ | แพ้ | ได้ | เสีย | คะแนน | อันดับ | ชื่อ | จำนวนประตู | ||||
2564–65 | ไทยลีก 2 | 34 | 2 | 5 | 27 | 28 | 71 | 11 | อันดับที่ 18 | รอบคัดเลือก | รอบเพลย์ออฟ | – | อเดโฟลาริน ดูโรซินมี | 8 |
2565–66 | ไทยลีก 3 โซนภาคตะวันออก |
22 | 4 | 9 | 9 | 20 | 27 | 21 | อันดับที่ 11 | รอบ 64 ทีมสุดท้าย | รอบเพลย์ออฟ | – | ศิริชัย ภูมิพัฒน์ | 4 |
2566–67 | ไทยลีก 3 โซนภาคตะวันออก |
20 | 7 | 7 | 6 | 38 | 20 | 28 | อันดับที่ 4 | รอบแรก | รอบ 32 ทีมสุดท้าย | รอบ 32 ทีมสุดท้าย | พงศ์พันธ์ พาระพันธ์ | 6 |
2567–68 | ไทยลีก 3 โซนภาคตะวันออก |
รอบคัดเลือกรอบสอง |
แชมป์ | รองแชมป์ | อันดับที่สาม | เลื่อนชั้น | ตกชั้น |
รายชื่อหัวหน้าผู้ฝึกสอน
[แก้]- สุขสันต์ คุณสุทธิ์ ฤดูกาล 2552
- อนันต์ อมรเกียรติ ฤดูกาล 2553
- นาวาเอก เรืองฤทธิ์ แสงแก้ว ฤดูกาล 2553
- วรกรณ์ วิจารณ์ณรงค์ ฤดูกาล 2554
- นาวาโท สมศักดิ์ อักษร ฤดูกาล 2554
- สมชาย ชวยบุญชุม ฤดูกาล 2554
- สุขสันต์ คุณสุทธิ์ ฤดูกาล 2555 - 2556
- วิสูตร วิชายา ฤดูกาล 2556
- Marinho Rodrigues Taimar ฤดูกาล 2556
- นาวาเอก สุรศักดิ์ ตังสุรัตน์ ฤดูกาล 2557 - 2558
- อาจหาญ ทรงงามทรัพย์ ฤดูกาล 2558 เลคหลัง
- สเตฟาโน คูกูรา ฤดูกาล 2558 เลคหลัง - 2559
- สมชาย ชวยบุญชุม ฤดูกาล 2560
- วิริยะ เผ่าพันธุ์ ฤดูกาล 2561
- ชำนาญ แพรขุนทด ฤดูกาล 2561
- เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์ ฤดูกาล 2561
- ลูโบเมียร์ ริสตอฟสกี ฤดูกาล 2561
- ลิม จ็อง เฮือน ฤดูกาล 2562
- วิริยะ เผ่าพันธุ์ ฤดูกาล 2562
- เฉลิมวุฒิ สง่าพล ฤดูกาล 2563–64
- มิซูโอะ คัตโตะ ฤดูกาล 2564–65
- เฉลิมวุฒิ สง่าพล ฤดูกาล 2564–65
- นิวัฒน์ จิตพูลผล ฤดูกาล 2564–65, ฤดูกาล 2565–66
- กรณ์ภพ ทรัพย์สิน ฤดูกาล 2565–66 - 2566–67
- สมชาย ชวยบุญชุม ฤดูกาล 2566–67 เลคหลัง
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "สโมสรฟุตบอลราชนาวี". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-09-15. สืบค้นเมื่อ 2021-08-30.
- ↑ แข้งราชนาวีฟิตหนัก ร่วมฝึกหน่วยซีลก่อนลุยไทยลีก - ข่าวไทยรัฐ
- ↑ "มิติใหม่ลูกหนังไทย! ส.บอล มีมติ อยุธยา ยู – นาวี ไม่ตกชั้น T2". supersubthailand.com. 23 พฤศจิกายน 2019. สืบค้นเมื่อ 24 พฤศจิกายน 2019.
- ↑ ส.บอลประกาศ 18 ทีมลุยที 2 ปีหน้า
- ↑ ยอดทีมของแฟน...ราชนาวี-ระยอง - สยามสปอร์ต
- ↑ "จากโค้ช "ฟุตซอล สู่แชมป์ "ฟุตบอล" - ไทยลีก ออนไลน์ - SMMOnline". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-09-14. สืบค้นเมื่อ 2014-12-22.