ข้ามไปเนื้อหา

ฉบับร่าง:อัครเดช วันไชยธนวงศ์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

อัครเดช วันไชยธนวงศ์ (เกิด พ.ศ. 2509) ชื่อเล่น เกี๊ยก อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน และอดีตกรรมการสภาวิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน

อัครเดช วันไชยธนวงศ์
นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน
ดำรงตำแหน่ง
24 ธันวาคม พ.ศ. 2549 – 17 ธันวาคม พ.ศ. 2567
(17 ปี 358 วัน)
ก่อนหน้าสุรสิทธิ์ ตรีทอง
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิดพ.ศ. 2509 (58–59 ปี)
อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี
พรรคการเมืองกลุ่มดีต่อเนื่อง
คู่สมรสสุวรรณา วันไชยธนวงศ์
ทรัพย์สินสุทธิTBA (พ.ศ. 2568)[1]
ชื่อเล่นเกี๊ยก

ประวัติ

อัครเดช เกิดเมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2509 ที่จังหวัดเพชรบุรี ภายหลังเปลี่ยนเป็น พ.ศ. 2510 เนื่องจากไม่ถูกชะตา เป็นบุตรนายสมบูรณ์ นางอำพล วันไชยธนวงศ์[2] ด้านครอบครัวสมรสกับนางสุวรรณา วันไชยธนวงศ์ มีบุตร 4 คน

งานการเมือง

อัครเดช เข้าสู่การเมืองโดยการลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดแม่ฮ่องสอน สังกัดพรรคชาติไทย แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง ต่อมาได้รับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอนครั้งแรกในปี พ.ศ. 2549 แทนนายสุรสิทธิ์ ตรีทอง และได้รับเลือกรวม 3 สมัย และได้รับเป็นกรรมการสภาวิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน[3]

นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด

อัครเดช วันไชยธนวงศ์ ได้รับการเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั้งหมด 3 สมัย คือ

  1. การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดในประเทศไทย พ.ศ. 2549 จังหวัดแม่ฮ่องสอน
  2. การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดในประเทศไทย พ.ศ. 2554 จังหวัดแม่ฮ่องสอน
  3. การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดในประเทศไทย พ.ศ. 2563 จังหวัดแม่ฮ่องสอน

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

อ้างอิง

  1. [1]
  2. กล้าท้าชน “ทักษิณ” บ้านใหญ่ “วันไชยธนวงศ์” ป่วน พท.เชียงราย
  3. รายชื่อกรรมการสภาวิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน
  4. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๖๓, เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๑ ข หน้า ๗๓, ๒๒ มกราคม ๒๕๖๔
  5. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นต่ำกว่าสายสะพาย ประจำปี ๒๕๖๐, เล่ม ๑๓๔ ตอนที่ ๕๒ ข หน้า ๒, ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๐