ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ขนมไทย"
บรรทัด 29: | บรรทัด 29: | ||
* [[ขนมปุยฝ้าย]] |
* [[ขนมปุยฝ้าย]] |
||
* [[ขนมเปียกปูน]] |
* [[ขนมเปียกปูน]] |
||
* [[ขนมเบื้อง]] |
|||
* [[ขนมเบื้องญวณ]] |
|||
* [[ขนมผิง]] |
* [[ขนมผิง]] |
||
* [[ขนมฟักทอง]] |
* [[ขนมฟักทอง]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 01:53, 9 สิงหาคม 2549
ขนมไทย เป็นของหวานที่ทำและรับประทานกันในอาณาจักรไทย มีเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมประจำชาติไทยคือ มีความละเอียดอ่อนประณีตในการเลือกสรรวัตถุดิบ วิธีการทำ ที่พิถีพิถัน รสชาติอร่อยหอมหวาน สีสันสวยงาม รูปลักษณ์ชวนรับประทาน ตลอดจนกรรมวิธีการรับประทานที่ปราณีตบรรจงของขนมแต่ละชนิด ซึ่งยังแตกต่างกันไปตามลักษณะของขนมชนิดนั้นๆ
ขนมไทยที่นิยมทำกันทุกๆ ภาคของประเทศไทย ในพิธีการต่างๆ เนื่องในการทำบุญเลี้ยงพระ ก็คือขนมจากไข่ และมักถือเคล็ดจากชื่อและลักษณะของขนมนั้นๆ งานศิริมงคลต่างๆ เช่น งานมงคลสมรส ทำบุญวันเกิด หรือทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ส่วนใหญ่ก็จะมีการเลี้ยงพระกับแขกที่มาในงาน เพื่อเป็นศิริมงคลของงานขนมก็จะมีฝอยทอง เพื่อหวังให้อยู่ด้วยกันยืดยาว มีอายุยืน ขนมชั้นก็ให้ได้เลื่อนขั้นเงินเดือน ขนมถ้วยฟูก็ขอให้เฟื่องฟู ขนมทองเอกก็ขอให้ได้เป็นเอก เป็นต้น
ของหวานไทยหรือขนมไทย กล่าวได้ว่ามีอยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน เพราะเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่บ่งบอกว่า คนไทยเป็นคนมีลักษณนิสัย อย่างไร เนื่องด้วยขนมไทยแต่ละชนิด ล้วนมีเสน่ห์มี รสชาติ ที่แตกต่างกันออกไป แต่แฝงไปด้วยความละเมียดละไม ความวิจิตรบรรจง อยู่ในรูปลักษณ์ กลิ่น รสของขนมที่สำคัญ ขนมไทยแสดงให้เห็นว่าเป็นคนใจเย็น รักสงบ มีฝีมือเชิงศิลปะ ขนมธรรมดาๆ ทำด้วยแป้ง น้ำตาล มะพร้าว เป็นส่วนประกอบ สำคัญ สามารถดัดแปลงเป็นขนมหลายชนิด หน้าตา แตกต่างกัน
ในสมัยโบราณคนไทยจะทำขนมเฉพาะวาระสำคัญเท่านั้น เป็นต้นว่างานทำบุญ เทศกาลสำคัญ หรือต้อนรับแขกสำคัญ เพราะขนมบางชนิดจำเป็นต้องใช้กำลังคนอาศัยเวลาในการทำพอสมควร ส่วนใหญ่เป็น ขนมประเพณี เป็นต้นว่า ขนมงาน เนื่องในงานแต่งงาน ขนมพื้นบ้าน เช่น ขนมครก ขนมถ้วย ฯลฯ พวกนี้มีเห็นทั่วไป ส่วนขนมในรั้วในวังจะมีหน้าตาจุ๋มจิ๋ม ประณีตวิจิตรบรรจงในการจัดวางรูปทรงขนมสวยงาม
ประวัติความเป็นมาของขนมไทย
ประเทศไทยครั้งยังเป็นสยามประเทศได้ติดต่อค้าขายกับชาวต่างชาติ เช่น จีน อินเดีย มาตั้งแต่สมัยสุโขทัย โดยส่งเสริมการขายสินค้าซึ่งกันและกัน ตลอดจนแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมด้านอาหารการกินร่วมไปด้วย ต่อมาในสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ ได้มีการเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศต่างๆ อย่างกว้างขวางไทยได้รับเอาวัฒนธรรมด้านอาหารของชาติต่างๆ มาดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น วัตถุดิบที่หาได้ เครื่องมือเครื่องใช้ ตลอดจนการบริโภคนิสัยแบบไทยๆ จนทำให้คนรุ่นหลังๆ แยกไม่ออกว่าอะไรคือขนมที่เป็นไทยแท้ๆ และอะไรดัดแปลงมาจากวัฒนธรรมของชาติอื่น เช่น ขนมที่ใช้ไข่และขนมที่ต้องเข้าเตาอบ ซึ่งเข้ามาในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จากคุณท้าวทองกีบม้าภรรยาเชื้อชาติญี่ปุ่น สัญชาติโปรตุเกสของเจ้าพระยาวิชเยนทร์ ผู้เป็นกงศุลประจำประเทศไทยในสมัยนั้น ไทยมิใช่เพียงรับทองหยิบ ทองหยอด และฝอยทองมาเท่านั้น หากยังให้ความสำคัญกับขนมเหล่านี้โดยใช้เป็นขนมมงคลอีกด้วย ส่วนใหญ่ตำรับขนมที่ใส่มักเป็น "ของเทศ" เช่น ทองหยิบ ฝอยทอง ทองหยอดจากโปรตุเกส มัสกอดจากสกอตต์
รายชื่อขนมไทย
- กระยาสาร์ท
- กล้วยไข่เชื่อม
- กล้วยบวชชี
- กลีบลำดวน
- แกงบวดฟักทอง
- ขนมกล้วย
- ขนมครก
- ขนมชั้น
- ขนมด้วง
- ขนมตาล
- ขนมถังแตก
- ขนมถ้วยฟู
- ขนมน้ำดอกไม้
- ขนมปุยฝ้าย
- ขนมเปียกปูน
- ขนมเบื้อง
- ขนมเบื้องญวณ
- ขนมผิง
- ขนมฟักทอง
- ขนมมันสำปะหลัง
- ขนมเหนียว
- ขนมสอดไส้
- ขนมสาลี่
- ขนมหน้านวล
- ขนมหม้อแกง
- ข้าวต้มน้ำวุ้น
- ข้าวต้มผัด
- ข้าวตู
- ข้าวเม่าคลุก
- ข้าวเหนียวแก้ว
- ข้าวเหนียวแดง
- ข้าวเหนียวมูนหน้าต่างๆ
- จาวตาลเชื่อม
- เฉาก๊วย
- ซ่าหริ่ม
- ตะโก้แห้ว
- เต้าส่วน
- แตงไทยน้ำกะทิ
- ถั่วกวน
- ถั่วดำแกงบวด
- ถั่วตัด
- ถั่วแปบ
- ทับทิมกรอบ
- ทองม้วน
- ทองหยิบ
- ทองหยอด
- ทองเอก
- ฝอยทอง
- มันแกงบวด
- มันต้มน้ำตาล
- มันสำปะหลังเชื่อม
- มะพร้าวแก้ว
- เม็ดขนุน
- สังขยาฟักทอง
- สาเกเชื่อม
- สาคูเปียกข้าวโพด
- เสน่ห์จันทร์
- บัวลอยเผือก
- บ้าบิ่น
- ปลากริมไข่เต่า
- เผือกกวน
- รวมมิตร
- ลอดช่องน้ำกะทิ
- ลูกเดือยน้ำกระทิ
- วุ้นกะทิ
- วุ้นกรอบ