แอนดี แคร์โรล
แอนดรูว์ ทอมัส แคร์โรล (อังกฤษ: Andrew Thomas Carroll; เกิด 6 มกราคม ค.ศ. 1989) เป็นนักฟุตบอลชาวอังกฤษในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า โดยเล่นให้กับเรดิง
ข้อมูลส่วนตัว | |||
---|---|---|---|
ชื่อเต็ม | แอนดรูว์ ทอมัส แคร์โรล[1] | ||
วันเกิด | [1] | 6 มกราคม ค.ศ. 1989||
สถานที่เกิด | เกตส์เฮด อังกฤษ | ||
ส่วนสูง | 1.93 m (6 ft 4 in)[2] | ||
ตำแหน่ง | กองหน้าตัวเป้า | ||
ข้อมูลสโมสร | |||
สโมสรปัจจุบัน | เรดิง | ||
หมายเลข | 2 | ||
สโมสรเยาวชน | |||
–2006 | นิวคาสเซิลยูไนเต็ด | ||
สโมสรอาชีพ* | |||
ปี | ทีม | ลงเล่น | (ประตู) |
2006–2011 | นิวคาสเซิลยูไนเต็ด | 80 | (31) |
2007–2008 | → เพรสตันนอร์ทเอนด์ (ยืมตัว) | 11 | (1) |
2011–2013 | ลิเวอร์พูล | 44 | (6) |
2012–2013 | → เวสต์แฮมยูไนเต็ด (ยืมตัว) | 24 | (7) |
2013–2019 | เวสต์แฮมยูไนเต็ด | 102 | (26) |
2019–2021 | นิวคาสเซิลยูไนเต็ด | 37 | (1) |
2021–2022 | เรดิง | 8 | (2) |
2022 | เวสต์บรอมมิช อัลเบียน | 15 | (3) |
2022– | เรดิง | 17 | (4) |
ทีมชาติ‡ | |||
2007–2008 | อังกฤษ อายุไม่เกิน 19 ปี | 8 | (4) |
2009–2010 | อังกฤษ อายุไม่เกิน 21 ปี | 5 | (2) |
2010–2012 | อังกฤษ | 9 | (2) |
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 14 มกราคม 2023 ‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้แก่ทีมชาติล่าสุด ณ วันที่ 16:41, 16 กรกฎาคม 2019 (UTC) |
สโมสรอาชีพ
แก้แคร์โรลเคยเป็นเด็กปั้นจากทีมเยาวชนของนิวคาสเซิลมาก่อนที่จะย้ายไปด้วยค่าตัวที่ไม่สมเหตุสมผล เขาเคยได้รับการเปรียบเทียบกับ อลัน เชียเรอร์ อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษ และนิวคาสเซิล ซึ่งเขาก็ได้รับสืบทอดเบอร์ 9 ต่อจาก เชียเรอร์ เนื่องจากมีทักษะการโหม่งบอลที่ยอดเยี่ยม เขาเคยได้รับฉาย���หอคอยเพชฌฆาต เนื่องจากเป็นนักฟุตบอลที่ตัวสูงที่สุดในทีมชุดใหญ่ของนิวคาสเซิล แคร์โรลเคยเล่นให้แก่ เปรสตัน นอร์ทเอนด์ ในสัญญายืมตัวมาแล้ว โดยแคร์โรล์ถือเป็นนักเตะอารมณ์ร้อนคนนึง โดยเขาทำข่าวฉาวด้วยการชกต่อยกับ สตีเวน เทย์เลอร์ กองหลังตัวหลักของทีมในสนามซ้อมจนเทย์เลอร์ขากรรไกรหัก โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเดือนมีนาคม ปี 2010 และยังเคยมีเรื่องกับ ชาร์ล เอ็นซ็อกเบีย ซึ่งในขณะนั้นอยู่นิวคาสเซิลยูไนเต็ด
นอกจากนี้ แคร์โรล ยังมีคุณย่าเป็นชาวสก็อต ทำให้เขาสามารถเลือกที่จะเล่นให้ทีมชาติสกอตแลนด์ได้ แต่เขาก็เลือกที่จะเล่นให้ทีมชาติอังกฤษในที่สุด
นิวคาสเซิลยูไนเต็ด
แก้ในฤดูกาล 2008-2009 แคร์โรล กลับมาเล่นให้แก่ นิวคาสเซิล อีกครั้ง ซึ่งเขาก็ได้รับ โอกาสมากขึ้นในฐานะตัวสำรอง โดยได้ลงสนามไปทั้งหมด 16 เกมทำไป 3 ประตู พร้อมกับได้รับการต่อสัญญาใหม่จากสโมสรไปอีก 3 ปีครึ่ง แต่น่าเสียดายที่ปีนั้น นิวคาสเซิลตกชั้นสู่ เดอะแชมเปียนชิป
ในฤดูกาล 2009-2010 หลังจาก นิวคาสเซิลยูไนเต็ด ตกชั้นสู่ เดอะแชมเปียนชิป ทำให้นักเตะในตำแหน่งกองหน้าอย่าง โอบาเฟมี่ มาร์ตินส์ ที่ย้ายออกไป ฮอฟเฟนไฮม์, ไมเคิล โอเวน ที่ย้ายไปร่วมทีม แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด โดยไม่คิดสินจ้าง และการเลิกเล่นของ มาร์ค วิดูก้า ทำให้แคร์โรลมีโอกาสลงเล่นมากขึ้นจนเป็นตัวหลักในตำแหน่งกองหน้าซึ่งแคร์โรลยิงไป 17 ประตูในลีก ช่วยให้ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด คว้าแชมป์ เดอะแชมเปียนชิป มาครอง รวมแคร์โรลยิงในทุกรายการไป 19 ประตู พร้อมกับพาทีมกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลต่อมาได้สำเร็จ อีกทั้งจากผลงานรองดาวซัลโวของลีก ทำให้เขาได้รับ เลือกให้ติดทีมยอดเ��ี่ยม ประจำฤดูกาลอีกด้วย
ในฤดูกาล 2010-2011 แคร์โรล สามารถทำแฮตทริกได้ในเกมส์พบ แอสตันวิลลา โดย นิวคาสเซิลยูไนเต็ด ชนะ 6-0 [3][4] โดยแคร์โรลลงเล่นทั้งหมด 19 นัด ยิงได้ 11 ประตู ก่อนจะย้ายไปร่วมทีม ลิเวอร์พูล ในสิ้นเดือนมกราคม 2011
ลิเวอร์พูล
แก้ในสิ้นเดือนมกราคม 2011 แคร์โรล ย้ายไป ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ ก่อนปิดตลาดไม่กี่ชั่วโมง ทำสถิติเป็นนักเตะสัญชาติอังกฤษที่แพงที่สุดในโลก โดย แคร์โรล ได้สวมหมายเลข 9 แทน เฟร์นันโด ตอร์เรส ที่ย้ายไปร่วมทีม เชลซี และแคร์โรลได้ลงประเดิมสนามให้ ลิเวอร์พูล เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2011 ที่เอาชนะ คู่ปรับตลอดกาล แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 3-1 โดยถูกส่งลงไปเป็นตัวสำรองในช่วงท้ายเกม อีก 4 วันต่อมา แคร์โรล์ ก็มีโอกาสได้สัมผัสเกมยุโรปกับลิเวอร์พูลเป็นครั้งแรก ในการไปเยือน บราก้า ในศึกยูโรป้า ลีก โดยลงเป็นตัวสำรองอีกครั้งในต้นครึ่งหลัง ต่อมา ในวันที่ 29 มีนาคม 2011 แคร์โรล์ มีโอกาสได้ลงเป็นตัวจริงให้กับลิเวอร์พูลเป็นนัดแรก ในเกมพบกับ ซันเดอร์แลนด์ ต่อมา ในเดือนเมษายน ปี 2011 แคร์โรล ทำประตูแรกให้แก่ลิเวอร์พูล ในเกมส์พบ แมนเชสเตอร์ซิตี ซึ่ง แคร์โรลทำได้ 2 ประตู และ ลิเวอร์พูล ชนะ 3-0 พร้อมกับรับตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมประจำเกมไปครอง อย่างไรก็ตามในช่วงท้าย ๆ ฤดูกาล แคร์โรล์ มีอาการบาดเจ็บรบกวน แม้จะฟิตกลับ มาแต่ เคนนี่ ดัลกลิช ก็ไม่ต้องการฝืนใช้งานมาก โดย ดัลกลิช ต้องการให้เขา ได้พักอย่างเต็มที่เพราะเกรงว่าร่างกายดาวยิงรายนี้ยังไม่เข้าที่มากนัก เคนนี่ ดัลกลิช ยังใจดีส่ง แคร์โรล์ ลงสนามพบกับนิวคาสเซิ่ลทีมเก่าด้วยแต่ก็ใน ฐานะตัวสำรองเท่านั้น
ในฤดูกาล 2011-2012 แคร์โรลได้มีโอกาสลงเล่นตัวจริง และ ตัวสำรองสลับกันไปบ้าง ในวันที่ 24 สิงหาคม 2011 ในลีกคัพ รอบ 2 แคร์โรล ได้ทำประตูแรกให้แก่ลิเวอร์พูล เอาชนะ Exeter City 3-0 ต่อมา ในวันที่ 1 ตุลาคม 2012 แคร์โรล ได้ทำประตูแรกให้แก่ลิเวอร์พูล ใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2011–12 ในเกมส์ที่เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน คู่ปรับร่วมเมืองไป 2-0 ต่อมา แคร์โรลก็ทำประตูที่ 2 ในฤดูกาล ในเกมส์ที่เอาชนะ เวสต์บรอมวิช 2-0 ต่อมา ในเอฟเอคัพ รอบ 3 แคร์โรลก็ทำประตูแรกในปี 2012 โดยเอาชนะ โอลดัมแอทเลติก 5-1 และในวันที่ 28 มกราคม 2012 ในเอฟเอคัพ รอบ 4 แคร์โรลก็โหม่งให้ เดิร์ค เคาท์ ทำประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด คู่ปรับตลอดกาลไป 2-1 ในวันที่ 31 มกราคม 2012 แคร์โรลก็ทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในเกมส์ที่เอาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 3-0 ต่อมา ในเอฟเอคัพ รอบ 5 ลิเวอร์พูล พบ ไบรท์ตัน โดย แคร์โรลทำประตูได้ในนาที 53 ทำให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ ไบรท์ตันไป 3-1 และจบลงด้วยลิเวอร์พูลชนะไป 6-1 ต่อมา ในลีกคัพ นัดชิงชนะเลิศ ที่สนามนิวเวมบลีย์ แคร์โรล ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ลีกคัพ สมัยที่ 8 มาครอง จากการยิงจุดโทษตัดสินชนะ คาร์ดิฟซีตี ผลประตูรวม 3-2 และเป็นแชมป์แรกของ แคร์โรล นับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ต่อมา แคร์โรล ก็ทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก โดยทำประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 3-2 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ต่อมา ในเอฟเอคัพ รอบรองชนะเลิศ ที่สนามนิวเวมบลีย์ แคร์โรล ได้ทำประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน คู่ปรับร่วมเมืองไป 2-1 โดยแคร์โรลทำประตูสำคัญได้ในนาที 87 ทำให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ กับ เชลซี ที่สนามนิวเวมบลีย์ ซึ่ง แคร์โรล ลงสนามเป็น���ัวสำรองมาทำประตูตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-2 จากนั้นยังบุกต่อเนื่อง และมีโอกาสตีเสมอจากแคร์โรลที่โหม่งเหมือนจะข้ามเส้น แต่โดน ปีเตอร์ เช็ค ควักบอลออกมาได้ สุดท้าย ลิเวอร์พูล ก็เป็นฝ่ายแพ้ไป ทำให้ ลิเวอร์พูลพลาดโอกาสคว้าแชมป์เอฟเอคัพ อย่างน่าเสียดาย
ในฤดูกาล 2012-2013 แคร์โรล ได้ลงสนามให้กับ ลิเวอร์พูล แค่ 2 นัดเท่านั้น เนื่องจาก ลิเวอร์พูล ได้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ มาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ ทำให้ แคร์โรล ไม่อยู่ในแผนการทำทีมของ ร็อดเจอร์ โดย แคร์โรล ตัดสินใจย้ายไปร่วมทีม เวสต์แฮมยูไนเต็ด ด้วยสัญญายืมตัว
เวสต์แฮมยูไนเต็ด (ยืมตัว)
แก้ในวันที่ 30 สิงหาคม 2012 แคร์โรล ได้ย้ายไป เวสต์แฮมยูไนเต็ด ด้วยสัญญายืมตัว พร้อมอ็อปชั่นซื้อขาดในซัมเมอร์หน้า
เกียรติประวัติ
แก้สโมสร
แก้- นิวคาสเซิลยูไนเต็ด
- เดอะแชมเปียนชิป 1 สมัย : 2009–10
- ลิเวอร์พูล
- ลีกคัพ 1 สมัย : 2011–12
เกียรติประวัติส่วนตัว
แก้- Jackie Milburn Trophy – 2007
- Football League Championship PFA Team of the Year (1): 2009–10
สถิติ
แก้สโมสร
แก้สโมสร | ฤดูกาล | ลีก | ลีก | ฟุตบอลถ้วย | ลีกคัพ | ยุโรป | รวม | |||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | |||
นิวคาสเซิลยูไนเต็ด | 2006–07 | พรีเมียร์ลีก | 4 | 0 | 1 | 0 | 0 | 0 | 2 | 0 | 7 | 0 |
2007–08 | 4 | 0 | 2 | 0 | 0 | 0 | – | 6 | 0 | |||
เปรสตัน นอร์ทเอนด์ (ยืมตัว) | 2007–08 | เดอะแชมเปียนชิป | 11 | 1 | 0 | 0 | 1 | 0 | – | 12 | 1 | |
รวม | 11 | 1 | 0 | 0 | 1 | 0 | 0 | 0 | 12 | 1 | ||
นิวคาสเซิลยูไนเต็ด | 2008–09 | พรีเมียร์ลีก | 14 | 3 | 2 | 0 | 0 | 0 | – | 16 | 3 | |
2009–10 | เดอะแชมเปียนชิป | 39 | 17 | 3 | 2 | 0 | 0 | – | 42 | 19 | ||
2010–11 | พรีเมียร์ลีก | 19 | 11 | 0 | 0 | 1 | 0 | – | 20 | 11 | ||
รวม | 80 | 31 | 8 | 2 | 1 | 0 | 2 | 0 | 91 | 33 | ||
ลิเวอร์พูล | 2010–11 | พรีเมียร์ลีก | 7 | 2 | 0 | 0 | 0 | 0 | 2 | 0 | 9 | 2 |
2011–12 | 35 | 4 | 6 | 4 | 6 | 1 | – | 47 | 9 | |||
2012–13 | 2 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 2 | 0 | ||
รวม | 44 | 6 | 6 | 4 | 6 | 1 | 2 | 0 | 58 | 11 | ||
เวสต์แฮมยูไนเต็ด (ยืมตัว) | 2012–13 | พรีเมียร์ลีก | 1 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | – | 1 | 0 | |
รวม | 1 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 1 | 0 | ||
รวมทั้งหมด | 136 | 38 | 14 | 6 | 8 | 1 | 4 | 0 | 162 | 45 |
ประตูในนามทีมชาติ
แก้ประตูที่ | วันที่ | สนาม | คู่แข่งขัน | ประตู | ผล | การแข่งขัน |
---|---|---|---|---|---|---|
1. | 29 มีนาคม 2011 | สนามกีฬาเวมบลีย์, ลอนดอน อังกฤษ | กานา | กระชับมิตร | ||
2. | 15 มิถุนายน 2012 | สนามโอลิมปิสกีเนชันแนลสปอตส์คอมเพล็กซ์, เคียฟ ยูเครน | สวีเดน | ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 |
อ้างอิง
แก้- ↑ 1.0 1.1 Hugman, Barry J., บ.ก. (2010). The PFA Footballers' Who's Who 2010–11. Edinburgh: Mainstream Publishing. p. 78. ISBN 978-1-84596-601-0.
- ↑ "Player Profile: Andy Carroll". Premier League. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-03-27. สืบค้นเมื่อ 28 December 2013.
- ↑ "Andy Carroll shows shades of Alan Shearer for Newcastle United". guardian.co.uk. 21 September 2009.
- ↑ "Local hero Carroll delighted to emulate Shearer". Northern Echo. 12 January 2009.