อลิสในแดนมรณะ (ละครโทรทัศน์)
อลิสในแดนมรณะ (ญี่ปุ่น: 今際の国のアリス; โรมาจิ: Imawa no Kuni no Arisu; อังกฤษ: Alice in Borderland) เป็นละครชุดสตริมมิงทางโทรทัศน์ญี่ปุ่น ค.ศ. 2020 แนวระทึกขวัญ–วิทยาศาสตร์ที่ได้รับเค้าโครงจากมังงะโดย ฮาโระ อาโซ ละครชุดกำกับโดย ชินซูเกะ ซาโต นำแสดงโดย เค็นโตะ ยามาซากิ และ ทาโอะ สึจิยะ เมื่อพวกพ้องติดอยู่ในโตเกียวที่ไร้ผู้คนและถูกบังคับให้แข่งกันในเกมที่มีความอันตรายต่าง ๆ ประเภทและความยากของแต่ละเกมได้รับการกำหนดโดยไพ่ผู้เล่น เพื่อที่จะยืดอายุของ "วีซ่า" ซึ่งหากหมดอายุ ผู้เล่นจะถูกประหารโดยลำแสงเลเซอร์ยิงลงมาจากท้องฟ้าในที่สุด
อลิสในแดนมรณะ | |
---|---|
ใบปิดประชาสัมพันธ์ | |
ญี่ปุ่น | 今際の国のアリス |
ประเภท | |
เค้าโครงจาก | นวนิยายภาพต้นฉบับ "อลิสในแดนมรณะ" โดย ฮาโระ อาโซ ตีพิมพ์โดย โชงากูกัง |
เขียนโดย |
|
กำกับโดย | ชินซูเกะ ซาโต |
แสดงนำ |
|
ผู้ประพันธ์เพลง | ยูตากะ ยามาดะ |
ประเทศแหล่งกำเนิด | ประเทศญี่ปุ่น |
ภาษาต้นฉบับ | ภาษาญี่ปุ่น |
จำนวนฤดูกาล | 2 |
จำนวนตอน | 16 (รายชื่อตอน) |
การผลิต | |
ผู้อำนวยการผลิต | คาอาตะ ซากาโมโตะ |
ผู้อำนวยการสร้าง | อากิระ โมริอิ |
ผู้กำกับภาพ | ทาโร คาวาซุ |
ผู้ลำดับภาพ |
|
กล้อง | กล้องหลายตัว |
ความยาวตอน | 41–80 นาที |
บริษัทผู้ผลิต | โรบอตคอมมูนิเคชันส์ |
��อกอากาศ | |
เครือข่าย | เน็ตฟลิกซ์ |
ออกอากาศ | 10 ธันวาคม ค.ศ. 2020 – ปัจจุบัน |
มีการประกาศฤดูกาลแรกของละครชุดในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2019 และเริ่มถ่ายทำตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงเดือนธันวาคม ค.ศ. 2019 โดยมีบริเวณต่าง ๆ ของชิบูยะ และสตูดิโอฉากเขียวซึ่งใช้เป็นบริเวณจำลองของทางม้าลายชิบูยะเป็นพื้นที่ถ่ายทำ เทคนิคพิเศษทางภาพของรายการสร้างขึ้นเป็นการร่วมมือนานาชาติระหว่างดิจิทัลฟรอนเทียของประเทศญี่ปุ่น และทีมจากประเทศสิงคโปร์ สหรัฐ และประเทศอินเดีย ยูตากะ ยามาดะ ซึ่งร่วมงานกับซาโตเป็นผู้ประพันธ์เพลงประกอบของละครชุด
ฤดูกาลแรกเผยแพร่เป็นครั้งแรกบนผู้ให้บริการสตริมมิง เน็ตฟลิกซ์ ในวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 2020 และได้รับบทปริทัศน์เชิงบวกจากนักวิจารณ์ที่ชื่นชอบฉากโลดโผน งานกล้อง และการแสดง นักวิจารณ์เปรียบเทียบละครชุดกับรายการอื่น ๆ ในแนวเอาชีวิตรอดอย่างภาพยนตร์ เกมนรก โรงเรียนพันธุ์โหด (ค.ศ. 2000) และ ลูกบาศก์มรณะ (ค.ศ. 1997) การตอบรับที่ดีและยอดผู้เข้าชมที่สูงในหลายประเทศของฤดูกาลแรกทำให้เน็ตฟลิกซ์ผลิตละครชุดต่อสองสัปดาห์ให้หลังการเผยแพร่เป็นครั้งแรก โดยมีการเผยแพร่ฤดูกาลที่สองในวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2022
นักแสดง
แก้ตัวละครหลัก
แก้- เค็นโตะ ยามาซากิ แสดงเป็น เรียวเฮ อาริซุ:
ชายหมกหมุ่นกับวิดีโอเกมอายุ 24 ปีที่ "ไม่ลงรอยกับครอบครัวของเขา"[4][5] - ทาโอะ สึจิยะ แสดงเป็น ยูซูฮะ อูซางิ:
นักปืนเขาที่ถูกส่งมาในเมืองร้างของโตเกียวเพียงไม่นานหลังการเสียชีวิตของพ่ออันเคารพของเธอ อูซางิร่วมมือกับอาริซุไม่นานหลังการเสียชีวิตของเหล่าเพื่อนของเขา[4][5] - นิจิโร มูรากามิ แสดงเป็น ชุนตาโร ชิชิยะ:
ผู้เล่นที่น่าสงสัย เงียบขรึม และมีเล่ห์เหลี่ยม เขาร่วมมือกับคูอินะในการขโมยสำรับไพ่ของคนขายหมวก ผู้นำและผู้ก่อตั้งเดอะบีช โดยเชื่อว่าหากตามหาไพ่ได้ครบสำรับ พวกเขาจะถูกพาตัวออกจากเมืองร้างได้ ต่อมาเขาเริ่มสนใจอาริซุและอูซางิหลังช่วยกันเอาตัวรอดจากเกม "วิ่งไล่จับ"[5][6] - อายากะ มิโยชิ แสดงเป็น อัน ริซูนะ:
สมาชิกของเดอะบีชผู้ใช้การคิดเชิงเหตุผลในการเข้าร่วมเกมที่มีความยากเพื่อรับชัยชนะ อันเป็นหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญในเกมสุดท้ายของฤดูกาลแรก[4][5] - โดริ ซากูราดะ แสดงเป็น ซูงูรุ นิรางิ:
สมาชิกของเดอะบีชที่ยังเยาว์วัยแต่อันตราย โดยได้รับการอธิบายว่าเขามี "พฤติกรรมโหดร้ายที่เกิดข��้นจากอดีตที่ซับซ้อน" นิรางิฆ่าผู้เล่นอย่างกระหน่ำในช่วงท้ายของฤดูกาลแรก[4][5] - อายะ อาซาฮินะ แสดงเป็น ฮิการิ คูอินะ:
เพื่อนสนิทของชิชิยะที่เธอช่วยขโมยสำรับไพ่ของคนขายหมวก เธอเป็นอดีตพนักงานขายร้ายเสื้อผ้า คูอินะเปิดเผยว่าเป็นคนข้ามเพศในภาพย้อนหลังในตอนที่ 7 ซึ่งเธอถูกปฏิเสธโดยพ่อของเธอ[4][5]
ตัวละครสมทบ
แก้- ยูกิ โมรินางะ แสดงเป็น โชตะ เซงาวะ:
นักเทคนิคระบบสารสนเทศและเพื่อนของอาริซุและคารูเบะ โชตะได้รับแผลไฟไหม้ที่ขาของเขาขณะเข้าร่วมเกมชื่อ "อยู่หรือตาย" จึงทำให้เขาถ่วงเพื่อนของเขาในขณะที่กำลังฟื้นตัว[4][5][7] - เคตะ มาจิดะ แสดงเป็น ไดกิจิ คารูเบะ:
บาร์เทนเดอร์และเพื่อนของอาริซุและโชตะ ก่อนที่เขาจะถูกส่งมาในเมืองร้าง คารูเบะเตรียมขอสมรสกับผู้หญิงที่เขาทำงานร่วมกันที่บาร์ซึ่งเป็นคนรักของนายจ้างเขา[4][5][7] - โช อาโอยางิ แสดงเป็น อางูนิ โมริโซโนะ:
นักสู้ผู้แข็งแกร่งและเพื่อนสนิทของคนขายหมวก ในช่วงแรก อางูนิถูกมองว่าเป็นสมาชิกของสำคัญของเดอะบีชก่อนที่จะพัฒนาตนเองเป็นผู้นำซึ่งหลงตัวเองและทารุณโหดร้ายในช่วงท้ายของละครชุดหลังอางูนิถูกบังคับโดยสถานการณ์ให้ฆ่าคนขายหมวก[4][5]
- โนบูอากิ คาเนโกะ แสดงเป็น ทาเกรุ ดัมมะ / คนขายหมวก:
ผู้นำและผู้ก่อตั้ง "เดอะบีช" ซึ่งเป็นโรงแรมที่มีผู้เล่นจำนวนมากอาศัยอยู่ ภารกิจหลักของเขาคือการรวบรวมไพ่ผู้เล่นทั้งหมดที่ได้รับจากการชนะเกมต่าง ๆ[4][5] - ริอิซะ นากะ แสดงเป็น มิระ คาโนะ:
หญิงลึกลับที่มี "ความสละสลวยงดงาม" ผู้ที่ภายหลังเปิดเผยว่าเป็น "เกมมาสเตอร์"[4][5][7]
- ยูตาโร วาตานาเบะ แสดงเป็น โคได ทัตตะ:
ชายเยาว์วัยที่ได้รับการช่วยเหลือโดยอาริซุระหว่างเกมและภายหลังเป็นสมาชิกของเดอะบีช[4] - คินะ ยาซากิ แสดงเป็น โมโมกะ อิโนอูเอะ:
สมาชิกของเดอะบีชและเพื่อนสนิทของฮาซาฮิ โมโมกะฆ่าตัวตายในช่วงท้ายของฤดูกาลแรกหลังไม่อยากที่จะเป็น "ดีลเลอร์" ต่อไป[8] - สึโยชิ อาเบะ แสดงเป็น เคอิจิ คูซูรีว:
เป็นผู้เล่นชั้นสูงของเดอะบีช[4]
ฤดูกาลแรกเท่านั้น
แก้- ชุนตาโร ยานางิ แสดงเป็น ทากาโตระ ซามูระ / เดอะลาส์ตบอส:
ชายพิลึกและสมาชิกอันตรายของเดอะบีช ใบหน้าของเดอะลาส์ตบอสถูกปกคลุมด้วยรอยสักและเดินทางไปไหนมาไหนด้วยคาตานะเป็นปกติ ในเกมสุดท้าย เขาพ่ายแพ้ให้กับคูอินะในการต่อสู้โดยคูอินะ[4][5] - อายาเมะ มิซากิ แสดงเป็น ซาโอริ ชิบูกิ:
เป็นคนแรกที่อาริซุและเพื่อนพ้องของเขาพบเจอขณะอยู่ในเมืองร้าง ในตอนแรก ชิบูกิเสนอท่าทีฉลาดเหมือนผู้เล่นที่มีประสบการณ์และคอยช่วยเหลือให้ผ่านเกมแรกไปได้ อย่างไรก็ตาม เธอได้รับการเปิดเผยว่าเป็นคนที่มักชักจูงบุคคลอื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่เธอต้องการในเวลาต่อมา[4] - มิซูกิ โยชิดะ แสดงเป็น อาซาฮิ คูโจ:
สมาชิกของเดอะบีชและเพื่อนสนิทของโมโมกะ อาซาฮิถูกฆ่าโดย "เกมมาสเตอร์" หลังเธอเปิดเผยตนว่าเป็น "ดีลเลอร์" ผู้เล่นซึ่งช่วยเหลือในการจัดเกมเพื่อต่ออายุวีซ่า[4]
ฤดูกาลที่สองเท่านั้น
แก้- โทโมฮิซะ ยามาชิตะ แสดงเป็น คีวมะ
- เรียวเฮ ชิมะ แสดงเป็น ชิตาระ
- เอชิน แสดงเป็น มากิ
- ฮายาโตะ อิโซมูระ แสดงเป็น ซูนาโตะ บันดะ
- ไมงูมะ คัตสึยะ แสดงเป็น โอกิ ยาบะ
- ไค อิโนวากิ แสดงเป็น มัตสึชิตะ
- โฮนามิ ซาโต แสดงเป็น โคโตโกะ
- อิปเป โนซาวะ แสดงเป็น อิปเป โอกิ
- ยูริ สึเนมัตสึ แสดงเป็น อากาเนะ เฮยะ
- อายูมิ ทานิดะ แสดงเป็น ชิราบิ
- ชิฮิโระ ยามาโมโตะ แสดงเป็น ลิซะ
ตอน
แก้ตอน | ชื่อ | กำกับโดย | เขียนโดย | วันที่เผยแพร่ครั้งแรก | |
---|---|---|---|---|---|
1 | "ตอน 1" | ชินซูเกะ ซาโต | โยชิกิ วาตาเบะ, ยาซูโกะ คูรามิตสึ และ ชินซูเกะ ซาโต | 10 ธันวาคม ค.ศ. 2020 | |
ในโตเกียว อาริซุที่หมกหมุ่นกับวิดีโอเกมนัดเจอกับเหล่าเพื่อนของเขา โชตะ และ คารูเบะ ขณะที่กำลังเต้นอยู่กลางทางม้าลายชิบูยะ ทั้งสามคนสร้างความวุ่นวายจนเป็นผลให้พวกเขาถูกไล่ล่าโดยตำรวจ เมื่อซ่อนอยู่ในห้องน้ำด้วยกัน พวกเขาออกมาโดยพบว่าไม่มีใครอยู่ในเมือง ตกกลางคืนทั้งสามสังเกตป้ายโฆษณาซึ่งนำพาพวกเขาไปยัง "พื้นที่เล่นเกม" ด้านในพบโทรศัพท์มือถือซึ่งใช้เพื่อบอกระดับความยากของเกมวางไว้เป็นกอง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายสาวและผู้หญิงชื่อชิบูกิเข้าร่วมการเล่นเกม เธอกล่าวกับพวกเขาว่าเมื่อครั้งผู้เล่นเข้ามายังพื้นที่เล่นเกมแล้วจะกลับออกไปไม่ได้และจะถูกลำแสงเลเซอร์ยิงจนเสียชีวิตหากพวกเขาออกมา ในเกมแรกของพวกเขา ระดับความยาก "สามดอกจิก" ชื่อ "อยู่หรือตาย" เหล่าผู้เล่นถูกบังคับให้เลือกระหว่างสองประตูภายใต้ระยะเวลาที่จำกัด ประตูบานหนึ่งจะเป็นทางเข้าไปสู่อีกห้องหนึ่งที่มีตัวเลือกเหมือนกัน และอีกบานหนึ่งคือความตาย สุดท้ายมีเพียงแค่ทั้งสามคนและชิบูกิที่สามารถรอดออกมาได้ ส่วนโชตะได้รับบาดเจ็บ เมื่อออกไปด้านนอกพวกเขาแต่ละคนได้รับ "วีซ่า" ซึ่งจะยืดระยะเวลาชีวิตของตนออกไปหากพวกเขาเข้าร่วมเกมมากขึ้น แต่จะถูกกำจัดหากวีซ่าหมดอายุ | |||||
2 | "ตอน 2" | ชินซูเกะ ซาโต | โยชิกิ วาตาเบะ, ยาซูโกะ คูรามิตสึ และ ชินซูเกะ ซาโต | 10 ธันวาคม ค.ศ. 2020 | |
ปราศจากไฟฟ้า, อินเทอร์เน็ต หรือทางที่จะออกไปจากเมืองร้าง อาริซุและคารูเบะตัดสินใจที่ร่วมเล่นเกมครั้งถัดไปเพื่อต่ออายุวีซ่าของตนออกไปโดยทอดทิ้งชิบูกิให้ดูแลโชตะที่ได้รับบาดเจ็บ ณ พื้นที่เล่นเกมตั้งอยู่ในอพาร์ทเมนท์ ทั้งคู่พบกับกลุ่มผู้เล่นใหญ่ รวมถึงผู้หญิงลึกลับชื่ออูซางิ ผู้ชายแข็งแกร่งชื่ออางูนิ และผู้เล่นที่ดูมีเล่ห์เหลี่ยมและเงียบขรึมชื่อชิชิยะ ก่อนเกมจะเริ่มต้น อาริซุเรียนรู้ว่าความหมายของแต่ละไพ่ ได้แก่ โพดำ หมายถึงเกมที่สัมพันธ์กับการใช้พละกำลัง, ดอกจิก หมายถึงเกมที่เล่นเป็นทีม, ข้าวหลามตัด หมายถึงเกมที่ใช้เชาวน์ปัญญา และโพแดง หมายถึงเกมแห่งการทรยศหักหลัง ระดับความยากของเกมปัจจุบันคือ "ห้าโพดำ" ชื่อ "วิ่งไล่จับ" ผู้เล่นจะต้องหนีจากคู่สังหารโหดขณะที่ต้องตามหาห้องซึ่งติดตั้งปุ่มสองปุ่มที่จะหยุดการระเบิดของตึกได้ ท้ายที่สุดผู้เล่นหลายคนสามารถหนีออกไปได้หลังอาริซุ ชิชิยะ และอูซางิ ร่วมมือกันจนพบห้องดังกล่าวแม้ว่าอาริซุจะรู้สึกผิดที่เขาเห็นการกำจัดของหนึ่งในผู้สังหาร ในระหว่างที่กำลังออกจากมาจากพื้นที่เล่นเกม คูราเบะพบวิทยุสื่อสารบอกให้เขา "กลับไปยังชายหาด" | |||||
3 | "ตอน 3" | ชินซูเกะ ซาโต | โยชิกิ วาตาเบะ, ยาซูโกะ คูรามิตสึ และ ชินซูเกะ ซาโต | 10 ธันวาคม ค.ศ. 2020 | |
เช้าวันถัดมา คารูเบะแสดงวิทยุสื่อสารที่เจอระหว่างเล่นเกมและบอกข้อความที่ได้ยินให้แก่กลุ่มของเขา หลังตระหนักว่าชิบูกิและโชตะมีเวลาเพียงสิ้นสุดของวันเท่านั้นที่สามารถต่ออายุวีซ่าของตนได้ ทั้งกลุ่มไปยังสวนพฤกษศาสตร์เพื่อเข้าร่วมเกมถัดไปของพวกเขาและเป็นผู้เล่นเพียงกลุ่มเดียวของเกมนี้ ระดับความยากคือ "เจ็ดโพแดง" ชื่อ "เล่นซ่อนหา" ซึ่งมีแค่ผู้เล่นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถรอดชีวิตออกจากสวนฯ ได้ เมื่อเกมเริ่มขึ้น ผู้เล่นได้รับชุดสวมศีรษะพร้อมด้วยระบบการจดจำใบหน้าและพวกเขาถูกกำหนดด้วยสัญลักษณ์ของสัตว์ต่าง ๆ โดยผู้เล่นสามคนเป็น "แกะ" และผู้เล่นลำดับที่สี่เป็น "หมาป่า" ในการเล่น ผู้เล่นสามารถสลับสัญลักษณ์ของสัตว์ตนเองได้เมื่อมองไปหาที่ตาของผู้เล่นอีกคน ผู้เล่นคนใดที่ได้รับสัญลักษณ์หมาป่าเป็นคนสุดท้ายของเกมจะเป็นผู้ชนะ หลังจากความวุ่นวายเกิดขึ้น อาริซุได้รับสัญลักษณ์หมาป่าและใช้เวลาในเกมที่เหลือในการตามหาเพื่อนของเขาที่กำลังซ่อนตนเพื่อสละชีวิตให้แก่อาริซุ กลุ่มของอาริซุพูดคุยกันเกี่ยวกับความสัมพันธ์เพื่อนของพวกเขาด้วยน้ำตาผ่านชุดสวมศีรษะที่ได้รับ สุดท้ายมีเพียงแค่อาริซุรอดออกมาได้ | |||||
4 | "ตอน 4" | ชินซูเกะ ซาโต | โยชิกิ วาตาเบะ, ยาซูโกะ คูรามิตสึ และ ชินซูเกะ ซาโต | 10 ธันวาคม ค.ศ. 2020 | |
ระหว่างอูซางิกำลังหาอาหาร เธอพบกับอาริซุในสภาพอิดโรยและรู้สึกผิดจากการเสียชีวิตของเพื่อน ๆ เขา ทั้งสองตัดสินใจร่วมมือกันและเดินทางไปยังพื้นที่เล่นเกมในรถบัสที่ตั้งอยู่ใต้ทางลอดอุโมงค์ พวกเขาพบกับผู้เล่นอื่นอีกสามคนและค้นพบว่าได้ร่วมเล่นเกมระดับความยาก "สี่ดอกจิก" ชื่อ "ระยะทาง" ผู้เล่นถูกบอกให้ "ไปถึงเส้นชัย" เหล่าผู้เล่นตัดสินใจว่าเส้นชัยนั้นอาจอยู่สุดทางอุโมงค์ อาริซุ อูซางิ และผู้เล่นอีกสองคนออกวิ่งไปโดยทอดทิ้งผู้เล่นอีกคนที่ข้อเท้าแพลงบนรถบัสที่สามารถใช้งานได้แต่ไร้น้ำมันดีเซล เมื่อถึงครึ่งทาง เสือดำตัวใหญ่ถูกปล่อยและทำให้หนึ่งคนจากในกลุ่มถูกฆ่า และเมื่อถึงปลายทางของอุโมงค์ อาริซุพบน้ำมันดีเซลในรถจักรยานยนตร์และตัดสินใจวิ่งกลับไปหาผู้เล่นที่ถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง จากนั้นจึงรู้สึกตนว่าด้านข้างรถบัสมีคำว่า "เส้นชัย" (GOAL) เขียนไว้และทุกคนในกลุ่มกำลังวิ่งไปยังทิศทางที่ไม่ถูกต้อง อูซางิกลับมาทันเวลา ทั้งเธอ อาริซุ และผู้เล่นที่ข้อเท้าแพลงรอดออกมาได้และเดินออกไปหลังเกมสิ้นสุดลง | |||||
5 | "ตอน 5" | ชินซูเกะ ซาโต | โยชิกิ วาตาเบะ, ยาซูโกะ คูรามิตสึ และ ชินซูเกะ ซาโต | 10 ธันวาคม ค.ศ. 2020 | |
อาริซุและอูซางิแอบตามกลุ่มผู้เล่นที่สวมแถบป้ายคล้ายกันไว้ที่ข้อมือโดยหวังว่าจะพบกับ "ชายหาด" หากทำเช่นนั้น หลังจากพบตึกโรงแรมขนาดใหญ่ที่จุผู้เล่นจำนวนมาก ทั้งสองถูกลักพาตัวและนำตัวไปหาคนขายหมวก ผู้นำของสถานที่แห่งนี้ เขายืนยันว่าทั้งสองได้พบกับเดอะบีช (ชายหาด) แล้ว นอกจากนี้คนขายหมวกได้อธิบายว่าภารกิจหลักของพวกเขาคือการเก็บรวบรวมไพ่ผู้เล่นที่ได้รับจากการชนะเกม โดยเชื่อว่าเมื่อผู้เล่นรวบรวมไพ่ทั้งหมดได้ พวกเขาจะสามารถออกจากเมืองร้างได้ เขาเปิดเผยว่ายังไม่เคยมีการปล่อยไพ่หน้าคน (face card) จนถึงตอนนี้ หลังอาริซุและอูซางิถูกบังคับให้อยู่ที่เดอะบีช ทั้งสองเข้าร่วมกับกลุ่มผู้เล่นเพื่อพยายามเก็บไพ่บางส่วนที่เหลืออยู่ หลังจากคืนที่ยาวนั้น คนขายหมวกเปิดเผยต่อ "ผู้เล่นชั้นสูง" รวมถึงอาริซุที่เข้าร่วมเกมเพื่อ "ทดสอบ" จากอันว่าไพ่ตัวเลขที่เหลือเพียงใบเดียวคือ "สิบโพแดง" | |||||
6 | "ตอน 6" | ชินซูเกะ ซาโต | โยชิกิ วาตาเบะ, ยาซูโกะ คูรามิตสึ และ ชินซูเกะ ซาโต | 10 ธันวาคม ค.ศ. 2020 | |
คนขายหมวกเข้าร่วมเกมเพื่อต่ออายุวีซ่าของเขา แต่ผู้ติดตามของเขานำร่างที่เสียชีวิตของเขากลับมายังเดอะบีช โดยอธิบายว่าเขาถูกยิงที่หน้าอกในระหว่างการเล่นเกม หลังอางูนิรู้ถึงการเสียชีวิตของคนขายหมวก เขาได้รับการเลือกให้เป็นผู้นำคนใหม่ของเดอะบีชและได้รับสำรับไพ่ของคนขายหมวก ขณะที่อาริซุร่วมมือกับชิชิยะและคูอินะเพื่อขโมยสำรับไพ่นั้นโดยไม่รู้ตัวว่าเขากำลังถูกใช้โดยทั้งสองที่กำลังพยายามหาสำรับไพ่ด้วยตัวพวกเขาเอง อาริซุถูกมัดตัวไว้ในห้องโดยที่รู้ว่าวีซ่าของเขาจะหมดอายุภายในเที่ยงคืน ชิชิยะและคูอินะเตรียมตัวที่จะหลบหนีพร้อมด้วยสำรับไพ่ที่ขโมยมาได้สำเร็จ แต่ถูกขัดขวางไม่ให้ทำเช่นนั้นโดยกำแพงแสงเลเซอร์ ผู้เล่นที่อยู่ในเดอะบีชมุ่งหน้าไปยังโถงรับรองของโรงแรมหลังรู้ว่าเดอะบีชนั้นกลายเป็นพื้นที่เล่นเกม ผู้เล่นพบกว่าพวกเขากำลังจะร่วมเล่นเกมชื่อ "ล่าแม่มด" ระดับความยาก "สิบโพแดง" | |||||
7 | "ตอน 7" | ชินซูเกะ ซาโต | โยชิกิ วาตาเบะ, ยาซูโกะ คูรามิตสึ และ ชินซูเกะ ซาโต | 10 ธันวาคม ค.ศ. 2020 | |
หลังจากการพบร่างของหญิงสาวชื่อ โมโมกะ ที่ถูกแทงจนเสียชีวิต ผู้เล่นได้รับแจ้งกฎของเกมว่าทุกคนจะต้องร่วมมือกันหา "แม่มด" ที่ฆ่าโมโมกะซึ่งแอบซ่อนตัวอยู่ และให้โยนผู้ต้องสงสัยลงกองเพลิงเพื่อรับชัยชนะ ด้วยระยะเวลาเพียงสองชั่วโมงในการหาฆาตกร อางูนิและกองกำลังทหารของเขาตัดสินใจโยนทุกคนลงกองเพลิงเพื่อเก็บไพ่ใบสุดท้าย ขณะที่ผู้คนจำนวนมากถูกฆ่า อูซางิร่วมมือกับกลุ่มผู้เล่นเพื่อหาอาริซุจนเจอและช่วยเขาออกมาได้หลังอาคารถูกลอบวางเพลิง ในขณะเดียวกัน คูอินะฆ่าหนึ่งในกองกำลังทหารอันตรายซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามลาสต์บอส และชิชิยะทำให้นิรางิได้รับบาดเจ็บ หลังจากคิดวิเคราะห์ถึงตรรกะแห่งเกม อาริซุบอกกับกลุ่มว่าเขารู้ตัวตนแท้จริงของแม่มดลับ ขณะที่อันเรียนรู้ว่าคนขายหมวกถูกฆ่าและตามหาลายนิ้วมือบนร่างของโมโมกะ หลังจากเธอสามารถระบุผู้ร้ายตัวจริง อันถูกทุบจนหมดสติ | |||||
8 | "ตอน 8" | ชินซูเกะ ซาโต | โยชิกิ วาตาเบะ, ยาซูโกะ คูรามิตสึ และ ชินซูเกะ ซาโต | 10 ธันวาคม ค.ศ. 2020 | |
ในภาพย้อนหลัง โมโมกะเดินร่อนเร่ในเมืองร้างกับเพื่อนของเธอ อาซาฮิ และถ่ายวิดีโอเก็บไว้ด้วยโทรศัพท์มือถือที่ใช้งานได้ ในปัจจุบัน อาริซุเผชิญหน้ากับอางูนิที่บอกกับกลุ่มผู้เล่นที่เหลือว่าเขาเป็น "แม่มด" แต่เหยื่อคือคนขายหมวกไม่ใช่โมโมกะ เพื่อนสนิทของเขาที่อางูนิยิงเป็นการป้องกันตัว อาริซุสรุปว่าอางูนิไม่ใช่แม่มดแต่เป็นโมโมกะที่ฆ่าตัวตายในตอนแรกเริ่มของเกม ขณะที่อางูนิพยายามฆ่านิรางิ[7] ซึ่งยังมีความปรารถนาในการฆ่าทุก ๆ คนที่ยังมีชีวิตรอด ผู้เล่นที่เหลือโยนโมโมกะลงกองเพลิงและชนะเกม จากนั้นผู้รอดชีวิตออกมาจากโรงแรมที่เพลิงกำลังลุกไหม้ ชิชิยะเก็บไพ่ใบสุดท้าย วันถัดมา อาริซุและอูซางิชมวิดีโอหลายคลิปที่บันทึกโดยอาซาฮิซึ่งฆ่าตัวตายระหว่างเกม ในวิดีโอเหล่านั้น อาซาฮิและโมโมกะเปิดเผยว่าพวกเขาเป็น "ดีลเลอร์" หรือกลุ่มของผู้เล่นที่ร่วมจัดเกมเพื่อต่ออายุวีซ่าของพวกเขา[8] ในวิดีโอหนึ่ง ทั้งสองเดินทางไปยังที่หลบซ่อนใต้ดินซึ่งเต็มไปด้วย "เกมมาสเตอร์" อาริซุและอูซางิสามารถหาแหล่งกบดานได้ หากแต่เมื่อไปถึงพบแต่ "เกมมาสเตอร์" จำนวนมากถูกสังหาร ชิชิยะและคูอินะซึ่งพบฐานที่มั่นเช่นเดียวกันและทราบข้อเท็จจริงว่า "เกมมาสเตอร์" คือผู้เล่นจริง ผู้หญิงชื่อมิระปรากฏตัวและแนะนำชุดเกมใหม่เพื่อรวบรวมไพ่หน้าคนให้สำเร็จ |
การผลิต
แก้การพัฒนา
แก้วันที่ 16 กรกฎาคม ค.ศ. 2019 เน็ตฟลิกซ์ประกาศว่าพวกเขาจะผลิตละครชุดภาคคนแสดงที่ดัดแปลงจากมังงะเรื่องอลิสในแดนมรณะ โดยมี โยชิกิ วาตาเบะ, ยาซูโกะ คูรามิตสึ และ ชินซูเกะ ซาโต เป็นผู้ประพันธ์บทของแต่ละตอน ขณะที่ซาโตจะเป็นผู้กำกับทิศทางของละครชุดให้เป็น "ภาพยนตร์ที่ยาวมาก ๆ เรื่องหนึ่ง"[2][9][10] ไม่กี่เดือนต่อมา ในวันที่ 4 สิงหาคม เค็นโตะ ยามาซากิ และ ทาโอะ สึจิยะ ได้รับการเปิดเผยว่าเป็นตัวละครหลักของละครชุดโดยแสดงเป็น เรียวเฮ อาริซุ และ ยูซูฮะ อูซางิ ตามลำดับ[11]
การถ่ายทำ
แก้การถ่ายทำละครชุดเริ่มต้นเมื่อต้นเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2019 เมื่อยามาซากิถูกพบเห็นระหว่างการถ่ายทำในโดเง็นซากะ เขตหนึ่งของชิบูยะ ในวันที่ 8 สิงหาคม[12] วันถัดมา มีการพบเห็นทีมถ่ายทำใกล้ร้านค้าแห่งหนึ่งในเมืองฟูกูโตมิ นครโยโกฮามะ[12] ตั้งแต่วันที่ 17 จนถึง 20 กันยายน ยามาซากิและสึจิยะถูกพบเห็นระหว่างการถ่ายทำในอพาร์ทเมนท์ทางด้านหน้าของสถานีคิตะซูซุรันไดในเส้นทางสายอาริมะในนครโคเบะ[12] อ้างจากบริษัทผู้ผลิต โรบอทคอมมูนิเคชัน บทละครชุดได้รับการแก้ไขใหม่ "ให้เข้ากับผังอาคาร"[5] ฉากจากตอนปฐมทัศน์ปรากฏตัวละครที่เล่นโดยยามาซากิ อาริซุ พบเพื่อนของเขา โชตะ และ คารูเบะ ใกล้กับทางม้าลายชิบูยะที่วุ่นวายในโตเกียวนั้นจะต้องถ่ายทำในสตาร์บัคส์แต่เดิม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความซับซ้อนของฉากกระจกพื้นหลัง จึงเปลี่ยนมาเป็นด้านหน้าของป้ายนอกสถานีชิบูยะ[13] นอกจากนี้ ฉากที่ถ่ายทำภายในสถานีชิบูยะซึ่งตัวละครหลักเข้าไปยังห้องน้ำและออกมาพบกับโตเกียวที่ไร้ผู้คนนั้นถ่ายทำในเทกยาวสี่นาที[13][14] ขณะที่ตัวละครประกอบฉากได้รับการสรรหาสำหรับละครชุดตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม จนถึง 11 ธันวาคมในหลากหลายเมือง[12][15][16] ผู้เขียนมังงะต้นฉบับของละครชุดซึ่งได้รับเค้าโครงในการผลิต ฮาโระ ฮาโซ ได้รับอนุญาตให้เยี่ยมชมฉากส่วนหนึ่ง[17] การถ่ายทำเกิดขึ้นในหลากหลายเมืองและสิ้นสุดลงในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2019[12]
การถ่ายทำสำหรับฤดูกาลที่สองเสร็จสิ้นในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2022[18]
เทคนิคพิเศษทางภาพ
แก้ระหว่างการถ่ายทำ ฉากที่ให้ความสำคัญกับเมืองโตเกียวร้างนั้นถ่ายโดยใช้เทคนิคพิเศษทางภาพเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งยังใช้ฉากเขียวเป็นจำนวนมาก ซาโตอธิบายว่าเขามีผู้ช่วยผู้กำกับเป็นผู้วิ่งบนทางม้าลายชิบูยะพร้อมด้วยกล้องเล็ก ๆ หนึ่งตัว "เพื่อตัดสินใจว่าส่วนไหนควรที่จะสร้างขึ้นมาจริง ๆ หรือส่วนไหนควรใช้เทคนิคพิเศษ"[10][19] โดยใช้สตูดิโออาชิกางะสแครมเบิลซีตี[19] ฉากขนาดใหญ่ราว 100 กิโลเมตรจากโตเกียวถูกสร้างขึ้นสำหรับภาพยนตร์เรื่องแก๊งม่วนป่วนโตเกียว (ซึ่งถ่ายทำในช่วงเดียวกัน)[20][21] ฉากซึ่งปรากฏทางม้าลายชิบูยะถูกถ่ายทำโดยใช้ฉากเขียวเป็นหลัก ขณะที่ถนนและประตูตั๋วที่ทางเข้าฝั่งตะวันออกถูกสร้างขึ้นด้วยคอมพิวเตอร์กราฟิกส์[5][22] เพื่อคงไว้ซึ่ง "ความถูกต้อง" ของฉาก ผู้กำกับเทคนิคพิเศษทางภาพ อัตสึชิ โดอิ ได้สร้างเงาจากอาคารโทกีวซึ่งมักจะทอดแสงเป็นปกติ[14] ฉากในตอนที่ 4 ซึ่งแสดงทางลอดอุโมงค์ท่วมไปด้วยน้ำนั้นถูกสร้างขึ้นโดยความช่วยเหลือของการสร้างมโนภาพขั้นต้น (previsualization) ซึ่งทำให้ทีมผลิตละครชุดสามารถ "ทดลองกับองค์ประกอบที่หลากหลายก่อนถ่ายทำจริง"[5] เสือดำซึ่งปรากฏในตอนเดียวกันถูกสร้างขึ้นด้วยเทคนิคพิเศษทางภาพหลังทีมผลิตเข้าเยี่ยมชมสวนสัตว์หลายแห่ง[19] นอกจากนี้ ผู้ชนะรางวัลออสการ์ Erik-Jan de Boer ได้เข้าร่วมกำกับการผลิตเสือที่ปรากฏในตอนที่ 5 ซึ่งผลิตโดยแอนิเบรน สตูดิโอแอนิเมชันในอินเดีย[13] ผู้สร้างเทคนิคพิเศษทางภาพนอกจากกิตติประกาศปิดเรื่อง (post-credit) ที่ให้ไว้ท้ายตอนถูกเพิ่มเติมโดยการช่วยเหลือของดิจิทัลฟรอนเทียของญี่ปุ่นซึ่งทำงานร่วมกับทีมจากสิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา และอินเดียในการร่วมมือนานาชาติ[23]
ดนตรี
แก้ดนตรีประกอบสำหรับอลิสในแดนมรณะ ได้รับการประพันธ์ทั้งหมดโดยยูตากะ ยามาดะ ซึ่งเคยทำงานกับซาโตในภาพยนตร์เรื่องเทพมรณะ (ค.ศ. 2018) และ คิงดอม มหาสงครามกู้แผ่นดิน (ค.ศ. 2019) ละครชุดอำนวยการผลิตโดย โคเฮ ชิดะ เพลงเล่นโดยวงดุริยางค์ฟิลม์ฮาร์โมนิกแห่งปราก เพลง "กูดไทมส์" โดย Jan Erik Nilsson ถูกนำมาเล่นหลายครั้งตลอดละครชุด[5]
การตลาดและการเผยแพร่
แก้ในวันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 2020 เน็ตฟลิกซ์เผยแพร่วิดีโอแนะนำ (teaser) เปิดเผยว่าอลิสในแดนมรณะ จะเปิดตัวใน 190 ประเทศบนแพลตฟอร์มในวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 2020[24] ในวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 2020 ภาพจำนวน 6 ชุดได้รับการเผยแพร่เพื่อส่งเสริมละครชุด[25] 4 วันถัดมา เน็ตฟลิกซ์เผยแพร่วิดีโอตัวอย่าง (trailer) ร่วมกับใบปิดและรายชื่อนักแสดงหลัก[4] อ้างอิงจากนักวิจารณ์หลายคน ฤดูกาลแรกของอลิสในแดนมรณะ ครอบคลุม 31 บทของมังงะต้นฉบับโดยเว้น 33 บทที่เหลือไว้[6] ฤดูกาลแรกถูกเผยแพร่ในวันที่ 10 ธันวาคม[20] และในช่วงสัปดาห์แรก ๆ ละครชุด "ได้รับการจัดให้อยู่ในรายการสิบอันดับแรกที่ชมเยอะที่สุด" บนเน็ตฟลิกซ์ในราว 40 ประเทศ รวมถึง มาเลเซีย ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม[20] ในภาพรวม ละครชุดทำได้ดีกว่าในประเทศที่ตั้งอยู่ในเอเชียและยุโรปมากกว่าประเทศในอเมริกาเหนือ[20] ในวันที่ 24 ธันวาคม ค.ศ. 2020 เน็ตฟลิกซ์ประกาศผลิตฤดูกาลที่สองของละครชุดเพียงสองสัปดาห์หลังการเผยแพร่ฤดูกาลแรก[20][26]
ในวันที่ 7 ตุลาคม ค.ศ. 2020 ฮาโระ อาโซ ผู้เขียนมังงะต้นฉบับของละครชุดซึ่งได้���ับเค้าโครงในการผลิต ประกาศแผนที่จะ "ร่วมฉลอง" และส่งเสริมละครชุดเน็ตฟลิกซ์โดยการเขียนมังงะชุดใหม่ภายใต้ชื่ออลิสในบอเดอร์แลนด์รีไทร์ (Alice in Borderland Retry) ลงโชเน็งซันเดย์รายสัปดาห์[27] จัดจำหน่ายในวันที่ 14 ตุลาคม (ฉบับที่ 46, ค.ศ. 2020 ของโชเน็งซันเดย์รายสัปดาห์) และมังงะเล่มแรก ทังโกบง ในวันที่ 11 ธันวาคม หนึ่งวันหลังการเผยแพร่ครั้งแรกของอลิสในแดนมรณะ มังงะชุดสิ้นสุดลงในวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 2021 (ฉบับที่ 8, ค.ศ. 2021 ของนิตยสารโชเน็งฯ) เล่มที่สองและสุดท้ายของทังโกบง ได้รับการจัดจำหน่ายในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021[28][29]
การตอบรับ
แก้หลังจากการเผยแพร่อลิสในแดนมรณะ ละครชุดได้รับบทปริทัศน์เชิงบวกเป็นส่วนใหญ่จากนักวิจารณ์ซึ่งชมเชยการใช้เทคนิคพิเศษทางภาพ, การถ่ายภาพ, การตัดต่อ, การแสดงของ เค็นโตะ ยามาซากิ และ ทาโอะ สึจิยะ และการจำลองความรุนแรงอย่างมีนัยสำคัญ[30][31] แต่ได้รับข้อคิดเห็นผสมกันทั้งบวกและลบในการดำเนินเรื่องโดยไม่มีการให้ความสำคัญอย่างพิเศษเกี่ยวกับการพัฒนาตัวละครและเนื้อเรื่องในภาพรวมโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงหลังของละครชุด[32][33] รอตเทนโทเมโทส์ในฐานะผู้รวบรวมบทปริทัศน์ได้รับอัตราเห็นชอบ 71% โดยยึดตามบทปริทัศน์ 7 บท ด้วยอัตราเฉลี่ยที่ 7/10[34] หนึ่งเดือนหลังจากการเผยแพร่ฤดูกาลแรกได้รับการเผยแพร่ นิตยสารไวราตี เปิดเผยว่าละครชุดได้รับการเข้าชมใน 18 ล้านครัวเรือน[35]
จากเดอะเจแปนไทมส์ เจมส์ แฮดฟิลด์ ชื่นชมการกำกับของซาโตแต่วิจารณ์ตัวละครว่า "ตัวละครเพียงบางตัวเท่านั้นที่ได้สร้างความประทับใจ แต่สึจิยะนำไ��สู่ตัวละครนำหญิงโลดโผนนั้นเป็นผล และนิจิโร มูรากามิ สนุกกับการเป็นสันโดษพร้อมด้วยรอยยิ้มแสยะ (smirking loner) ของเขา"[32] เขียนให้กับเรดีสเตดีคัต โจนาธาน วิลสัน ให้บทปริทัศน์เชิงบวกในภาพรวม ยกย่องละครชุดสำหรับการข้าม "บทเปิดเรื่อง (exposition) และการสร้างปูมหลังอย่างระมัดระวัง" และ "เข้าเรื่องอย่างไม่อ้อมค้อม" วิลสันยังเปรียบเทียบละครชุดเชิงบวกกับภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่องเกมนรก โรงเรียนพันธุ์โหด และภาพยนตร์ระทึกขวัญอเมริกันซอว์ เกมต่อตาย..ตัดเป็น[36] Ars Technica นักสื่อมวลชน เจนนิเฟอร์ อูลเล็ตต์ เรียกละครชุดว่า "เข้มข้นทางอารมณ์" และเปรียบเทียบเกมในละครชุดกับเกมที่พบในหนังสือสงครามเกมคนอัจฉริยะ และวัยเยาว์อันสิ้นสูญ และภาพยนตร์ ค.ศ. 1997 ลูกบาศก์มรณะ[6] Melanie McFarland จากซาลอน เปรียบเทียบอลิสในแดนมรณะ กับละครชุดของซีบีเอสออลแอ็กเซสเดอะสแตนด์ โดยกล่าวว่าอลิสในแดนมรณะ "รับมือกับกลไกของการนำเสนอตัวละครได้มีประสิทธิภาพกว่าและไม่ได้สลัดผู้ชมทิ้งโดยเอนเอียงอย่างหนักไปทางภาพย้อนหลัง [...] แต่ไม่เหมือนกับ "เดอะสแตนด์" ที่โครงร่างเนื้อเรื่อง "ขั้นก่อนหน้า" ไม่ได้ครอบคลุมจนถึงจุดที่จะดึงการดำเนินเรื่อง"[3] จากยาฮู! นิวส์ Lim Yian Lu สรรเสริญละครชุดสำหรับ "โครงเรื่องที่ระทึกขวัญ" โดยกล่าวว่ามัน "จะทำให้คุณเพลิดเพลินและต้องการมากยิ่งขึ้นแม้ว่าจะมีฉากที่น่าสยดสยองและเต็มไปด้วยเลือดก็ตาม"[37] เขียนให้กับอนิเมะนิวส์เน็ตเวิร์ก Theron Martin จัดละครชุดให้อยู่ในระดับ ซี+ และบทปริทัศน์เชิงผสมบวกและลบในด้านการผลิตของละครชุด, ดนตรีประกอบ, เนื้อเรื่องหลัก และการแสดง ขณะที่อธิบายว่ามันให้ "ความเพลิดเพลินในปริมาณน้อย" สำหรับความยาวตอนเท่านี้[33] หลังจากการชมตอนแรกของละครชุด และชื่นชมบรรยากาศ เพลงประกอบ และความสามารถในการ "สับเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว" พนักงานที่ดีไซด์เดอร์ แนะนำให้ผู้ชมชมละครชุดนี้[38]
อ้างอิง
แก้- ↑ Natividad, Sid (December 16, 2020). "5 Best Sci-Fi (& 5 Best Fantasy) Shows Of 2020, According To IMDb". Screen Rant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 24, 2020. สืบค้นเมื่อ December 24, 2020.
- ↑ 2.0 2.1 Balkovich, Robert (January 15, 2021). "The sci-fi thriller series everyone's binging on Netflix". Looper. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 16, 2021. สืบค้นเมื่อ January 16, 2021.
- ↑ 3.0 3.1 McFarland, Melanie (December 24, 2020). "Forget "The Stand" – "Alice in Borderland" is the wild dystopian ride we've been waiting for". Salon. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 24, 2020. สืบค้นเมื่อ December 24, 2020.
- ↑ 4.00 4.01 4.02 4.03 4.04 4.05 4.06 4.07 4.08 4.09 4.10 4.11 4.12 4.13 4.14 4.15 Loo, Egan (October 28, 2020). "Live-Action Alice in Borderland Series' English-Subtitled Trailer Previews Battle Royale-Level Stakes". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 23, 2020. สืบค้นเมื่อ December 23, 2020.
- ↑ 5.00 5.01 5.02 5.03 5.04 5.05 5.06 5.07 5.08 5.09 5.10 5.11 5.12 5.13 5.14 5.15 "Alice in Borderland". Robot Communications. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 23, 2020. สืบค้นเมื่อ December 23, 2020.
- ↑ 6.0 6.1 6.2 Ouellette, Jennifer (December 20, 2020). "Review: Alice in Borderland takes us down a deliciously bonkers rabbit hole". Ars Technica. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 23, 2020. สืบค้นเมื่อ December 23, 2020.
- ↑ 7.0 7.1 7.2 7.3 Leung, Hilary (December 23, 2020). "Alice in Borderland: The Netflix Thriller's Biggest Changes to the Manga". Comic Book Resources. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 24, 2020. สืบค้นเมื่อ December 24, 2020.
- ↑ 8.0 8.1 Leung, Hillary (December 31, 2020). "Alice in Borderland: Why It's Worse To Be a Dealer Than a Player". Comic Book Resources. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 31, 2020. สืบค้นเมื่อ December 31, 2020.
- ↑ Antonio Pineda, Rafael (July 16, 2019). "Netflix Produces Live-Action Alice in Borderland Series". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 22, 2020. สืบค้นเมื่อ December 22, 2020.
- ↑ 10.0 10.1 Vélez, Diva (December 23, 2020). "Interview: Alice In Borderland Director Sato Shinsuke on Finding Hope". Screen Anarchy. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 23, 2020. สืบค้นเมื่อ December 23, 2020.
- ↑ Hodgkins, Crystalyn (August 4, 2019). "Kento Yamazaki, Tao Tsuchiya Star in Live-Action Alice in Borderland Series for Netflix". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 22, 2020. สืบค้นเมื่อ December 22, 2020.
- ↑ 12.0 12.1 12.2 12.3 12.4 "『今際の国のアリス』ロケ地&撮影場所、エキストラ募集情報まとめ!【山﨑賢人×土屋太鳳" ["Alice in Borderland" Location & shooting location, extra recruitment information summary! [Kento Yamazaki x Tao Tsuchiya]]. Muuviii (ภาษาญี่ปุ่น). January 22, 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 23, 2020. สืบค้นเมื่อ December 23, 2020.
- ↑ 13.0 13.1 13.2 "Here are 10 facts about 'Alice in Borderland' as it announces second season". ABS-CBNnews.com. December 24, 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 24, 2020. สืบค้นเมื่อ December 24, 2020.
- ↑ 14.0 14.1 Yong Ping, Teng (December 24, 2020). "Netflix orders 2nd season of Alice In Borderland, its global hit Japanese series". Yahoo!. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 25, 2020. สืบค้นเมื่อ December 25, 2020.
- ↑ "Netflix『今際の国のアリス』ボランティアエキストラ大募集!!" [Netflix "Alice in Borderland" Volunteer Extras Wanted!!!]. Ashikaga Eizou (ภาษาญี่ปุ่น). September 20, 2019. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 23, 2020. สืบค้นเมื่อ December 23, 2020.
- ↑ "終了 * [12/11]NETFLIX大作ドラマ「今際の国のアリス」エキストラ募集" [End * [12/11] NETFLIX blockbuster drama "Alice in Borderland " extra recruitment] (ภาษาญี่ปุ่น). December 11, 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 23, 2020. สืบค้นเมื่อ December 23, 2020.
- ↑ "今際の国のアリス:原作者・麻生羽呂が撮影現場を見学 本編にも出演? 山崎賢人&佐藤信介監督との3ショットが解禁" [Alice in Borderland: Haro Aso, the original author, visited the shooting site and appeared in the main story? 3 shots with Kento Yamazaki & Shinsuke Sato lifted]. Mantan-Web (ภาษาญี่ปุ่น). November 14, 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 23, 2020. สืบค้นเมื่อ December 23, 2020.
- ↑ Elliott, Warren (March 29, 2022). "Alice in Borderland Season 2 Cast React To Filming Wrap In New Video". Screen Rant. สืบค้นเมื่อ March 30, 2022.
- ↑ 19.0 19.1 19.2 『今際の国のアリス』メイキング映像 – Netflix ["Alice in Borderland" Making Video – Netflix]. Netflix (ภาษาญี่ปุ่น). December 13, 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 22, 2020. สืบค้นเมื่อ December 22, 2020 – โดยทาง YouTube.
- ↑ 20.0 20.1 20.2 20.3 20.4 Frater, Patrick (December 24, 2020). "Netflix Gives Second Season to Japan Thriller 'Alice in Borderland'". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 24, 2020. สืบค้นเมื่อ December 24, 2020.
- ↑ "Alice In Borderland Renewed For Season 2". 8 Days. December 24, 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 25, 2020. สืบค้นเมื่อ December 25, 2020.
- ↑ Tao Tsuchiya on Instagram (ภาษาญี่ปุ่น). December 13, 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-01-16. สืบค้นเมื่อ December 23, 2020.
- ↑ Steen, Emma (January 19, 2021). "Five things you didn't know about Netflix's 'Alice in Borderland'". Time Out. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 21, 2021. สืบค้นเมื่อ January 21, 2021.
- ↑ Hodgkins, Crystalyn (September 19, 2020). "Netflix's Live-Action Alice in Borderland Show's Teaser Video Reveals December 10 Premiere". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 22, 2020. สืบค้นเมื่อ December 22, 2020.
- ↑ "今際の国のアリス:ショートヘア×タンクトップ姿の土屋太鳳 山崎賢人と森の中… 不穏な空気漂う場面写真一挙解禁" [Alice in Borderland: Tao Tsuchiya in short hair and tank top Kento Yamazaki and in the woods ... A scene photo with a disturbing air is lifted at once]. Mantan-Web (ภาษาญี่ปุ่น). October 24, 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 24, 2020. สืบค้นเมื่อ December 24, 2020.
- ↑ Hodgkins, Crystalyn (December 24, 2020). "Live-Action Alice in Borderland Series Gets 2nd Season". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 24, 2020. สืบค้นเมื่อ December 24, 2020.
- ↑ Mateo, Alex (October 7, 2020). "Alice in Borderland Manga Returns Despite Creator's Plans to Retire". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 4, 2021. สืบค้นเมื่อ January 4, 2021.
- ↑ Hodgkins, Crystalyn (January 3, 2021). "Haro Aso's Alice in Borderland Retry Manga Ends in 2nd Volume". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 4, 2021. สืบค้นเมื่อ January 4, 2021.
- ↑ Antonio Pineda, Rafael (January 12, 2021). "Haro Aso's Alice in Borderland Retry Manga Ends in 2 Chapters". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 16, 2021. สืบค้นเมื่อ January 16, 2021.
- ↑ Adamec, Caroline (December 22, 2020). "'Alice in Borderland': An Achievement in Hard World Building – Manga Series". Hollywood Insider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 25, 2020. สืบค้นเมื่อ December 25, 2020.
- ↑ K., Neetha (December 10, 2020). "Alice in Borderland': Does Netflix adaptation live up to the manga? Fans are 'totally hooked' to the J-drama". Meaww. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 25, 2020. สืบค้นเมื่อ December 25, 2020.
- ↑ 32.0 32.1 Hadfield, James (December 3, 2020). "'Alice in Borderland': Deadly journey through the looking glass leaves little impression". The Japan Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 23, 2020. สืบค้นเมื่อ December 23, 2020.
- ↑ 33.0 33.1 Martin, Theron (December 22, 2020). "Alice in Borderland Live-Action TV Series | Review". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 27, 2020. สืบค้นเมื่อ December 27, 2020.
- ↑ "Alice in Borderland: Season 1". Rotten Tomatoes. Fandango Media. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 31, 2020. สืบค้นเมื่อ November 25, 2021.
- ↑ Frater, Patrick (January 19, 2021). "East Asian Series Score Global Audiences on Netflix (Exclusive)". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 27, 2021. สืบค้นเมื่อ February 17, 2021.
- ↑ Wilson, Jonathon (December 10, 2020). "Alice in Borderland review – a lean, mean modernization of the Battle Royale formula". Ready Steady Cut. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 23, 2020. สืบค้นเมื่อ December 23, 2020.
- ↑ Yian Lu, Lim (December 18, 2020). "Review: Netflix's Alice in Borderland keeps you at the edge of your seat". Yahoo! News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 25, 2020. สืบค้นเมื่อ December 25, 2020.
- ↑ Keller, Joel (December 11, 2020). "Stream It Or Skip It: 'Alice In Borderland' On Netflix, A Thriller Where People Play Life-And-Death Games In An Abandoned Tokyo". Decider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 23, 2020. สืบค้นเมื่อ December 23, 2020.