วิกทอเรีย เบคแคม

วิกทอเรีย แคโรไลน์ เบคแคม (อังกฤษ: Victoria Caroline Beckham OBE; นามสกุลเดิม อดัมส์; เกิด 17 เมษายน ค.ศ. 1974)[1][2] เป็นนักร้อง นางแบบ และนักออกแบบแฟชั่นชาวอังกฤษ

วิกทอเรีย เบคแคม
เบคแคมในปี 2010
ข้อมูลพื้นฐาน
ชื่อเกิดวิกทอเรีย แคโรไลน์ อดัมส์
เกิด (1974-04-17) 17 เมษายน ค.ศ. 1974 (50 ปี)
ฮาร์โลว์ สหราชอาณาจักร
แนวเพลง
อาชีพ
  • นักร้อง
  • นางแบบ
  • นักออกแบบแฟชั่น
  • นักจัดรายการวิทยุ
  • นักธุรกิจ
เครื่องดนตรีเสียงร้อง
ช่วงปี1994–ปัจจุบัน
ค่ายเพลงVirgin (1996–2002)
19/Telstar (2002–2004)
อดีตสมาชิกสไปซ์เกิลส์
คู่สมรสเดวิด เบคแคม (สมรส 1999)

เธอประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงในทศวรรษ 1990 กับวงป็อปหญิงล้วนที่ชื่อ สไปซ์เกิลส์ ในฉายา พอช สไปซ์ และยังเป็นชื่อเล่นที่สื่อแท็บลอยด์อังกฤษเรียก หลังจากที่วงสไปซ์เกิลส์ได้แยกย้ายกันไป วิกทอเรียไม่ได้จริงจังกับการทำเพลงป็อป เธอมีซิงเกิลท็อปเท็นในสหราชอาณาจักร 10 เพลง มีซิงเกิลแรกที่ออกมาคือ "Out of Your Mind" ติดชาร์ตอันดับ 2 ในชาร์ตซิงเกิลแห่งสหราชอาณาจักร และถือเป็นอันดับซิงเกิลสูงสุดของเธอจนถึงปัจจุบันนี้ โดยเธอเซ็นสัญญาการทำอัลบั้มเพลงกับ Virgin Records และ Telstar Records

วิกทอเรียเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ เธอมีผลงานด้านแฟชั่น การออกแบบไลน์ของยีนส์ยี่ห้อ Rock & Republic และต่อมาออกแผนในแบรนด์ของเธอเองที่ชื่อ dVb Style เธอยังได้ออกแว่นตากันแดดและน้ำหอมของเธอเองในชื่อ Intimately Beckham ที่ออกจำหน่ายในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา และเธอยังร่วมกับร้านในญี่ปุ่นที่ชื่อ Samantha Thavasa เธอออกกระเป๋าถือและอัญมณี นอกจากนี้ยังออกหนังสือสองเล่มที่มีติดหนังสือยอดนิยม ในหนังสืออัตชีวประวัติตัวเธอ และคู่มือแฟชั่นอีกเล่ม

ทางด้านผลงานโทรทัศน์ เธอมีสารคดีและรายการเรียลลิตี้เกี่ยวกับตัวเธอเอง ถึง 5 รายการ ซึ่งรวมถึงรายการ Being Victoria Beckham และ The Real Beckhams รายการสารคดีสุดท้ายถึงปัจจุบันนี้คือรายการ Victoria Beckham: Coming to America ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องที่เธอย้ายไปสหรัฐอเมริกากับครอบครัวในปี 2007 เธอยังมีส่วนร่วมในรายการซีรีส์ทางโทรทัศน์ของสถานีโทรทัศน์อเมริกัน ที่ชื่อ Ugly Betty และยังเป็นคณะกรรมการรับเชิญใน Project Runway

เธอแต่งงานกับนักฟุตบอลชาวอังกฤษที่ชื่อ เดวิด เบคแคม และมีบุตรชายร่วมกัน 3 คนและบุตรสาว 1 คน ทั้งคู่มีทรัพย์สินร่วมกับประมาณ 112 ล้านปอนด์[3]

อ้างอิง

แก้

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้