ทอม แคลนซี (อังกฤษ: Tom Clancy) ชื่อเต็มคือ โทมัส ลีโอ แคลนซี จูเนียร์ (อังกฤษ: Thomas Leo Clancy Jr.; 12 เมษายน พ.ศ. 2490 – 1 ตุลาคม พ.ศ. 2556)[1][2] เป็นนักเขียนนิยายสงครามและการเมืองชาวอเมริกัน นวนิยายสิบเจ็ดเรื่องของเขาติดอันดับหนังสือขายดี ด้วยยอดจำหน่ายกว่า 100 ล้านเล่มในการจัดพิมพ์[3]

ทอม แคลนซี
แคลนซี ที่ห้องสมุดเบิร์นของวิทยาลัยบอสตันเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2532
แคลนซี ที่ห้องสมุดเบิร์นของวิทยาลัยบอสตันเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2532
เกิดโทมัส ลีโอ แคลนซี จูเนียร์
12 เมษายน ค.ศ. 1947(1947-04-12)
บอลทิมอร์, แมรีแลนด์, สหรัฐอเมริกา
เสียชีวิตตุลาคม 1, 2013(2013-10-01) (66 ปี)
บอลทิมอร์, แมรีแลนด์, สหรัฐอเมริกา
อาชีพนักเขียนนวนิยาย
สัญชาติอเมริกัน
จบจากLoyola College (BA)
ช่วงเวลาพ.ศ. 2527–2556
แนว
คู่สมรส
  • วันดา โทมัส คิง (สมรส 1969; หย่า 1999)
  • อเล็กซานดา มารี ลีเวลเลน (สมรส 1999)
บุตร5

ชีวิตช่วงต้น

แก้

แคลนซีเกิดที่โรงพยาบาลแฟรงกลินสแควร์ (Franklin Square) เมืองบอลทิมอร์ รัฐแมริแลนด์ และเติบโตขึ้นมาในย่านนอร์ทวูด[4][5][1] แคลนซีเป็นบุตรคนที่สองในหมู่พี่น้องสามคนร่วมกับโธมัส ผู้ซึ่งทำงานให้แก่การไปรษณีย์แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา และแคเธอรีน[6]

อาชีพนักประพันธ์

แก้

แคลนซีในวัยเด็กอยากจะเป็นทหาร แต่มีปัญหาสายตาสั้น แต่ด้วยความสนใจในนาวิกศาสตร์และการบิน ทำให้บทประพันธ์ของเขาได้รับคำยกย่องว่า เป็นนักประพันธ์ที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการทหารไว้อย่างมาก และเป็นข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน[7]

แคลนซีเริ่มต้นอาชีพนักประพันธ์ด้วยผลงานชิ้นแรก ล่าตุลาแดง ใน พ.ศ. 2528 ซึ่งเขาได้เสนอขายต่อสถาบันข่าวทหารเรือด้วยจำนวนเงิน 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ[3] รวมทั้งได้รับคำชมจากสถาบันแห่งนี้ด้วยเช่นกัน[7]

การเสียชีวิต

แก้

แคลนซีเสียชีวิตในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2556 หลังจากเจ็บป่วยไม่นาน ที่โรงพยาบาลจอนส์ฮอปกินส์ ใกล้กับบ้านที่บอลทิมอร์ของเขา รวมอายุได้ 66 ปี และไม่ได้เปิดเผยสาเหตุของการเสียชีวิต เขามีบุตรสี่คนกับภรรยาคนแรก และบุตรสาวอีก 1 คนกับอเล็กซานดรา มารี ลีเวลลีน ภรรยาคนที่สอง[8]

ผลงาน

แก้

เรียงตามลำดับการตีพิมพ์

แก้

ชื่อแปลภาษาไทย แปลโดย สุวิทย์ ขาวปลอด

  • The Hunt for Red October (2527) ล่าตุลาแดง
    กัปตันมาร์โก ราเมียส ขโมยเรือดำน้ำใหม่ล่าสุดของโซเวียต ชื่อ ตุลาแดง (Red October) และมุ่งสู่สหรัฐอเมริกา เป็นผลงานชิ้นแรกที่ปรากฏตัวละคร แจ็ค ไรอัน
  • Red Storm Rising (2529) เกมถล่มโลก
    เมื่อโซเวียตสูญเสียคลังน้ำมันจากการก่อการร้าย จึงมีแผนจะครอบครองตะวันออกกลาง โดยบุกยุโรปก่อนให้พันธมิตรเข้าใจผิด (ไม่ใช่ซีรีส์ของไรอัน)
  • Patriot Games (2530) เด็ดหัววีรบุรุษ
    แจ็ค ไรอันได้ไปขัดขวางการลอบสังหารราชวงศ์อังกฤษโดยบังเอิญ และทำให้มีผู้ตามล่าแจ็ค ไรอันถึงบ้านในสหรัฐอเมริกา
  • The Cardinal of the Kremlin (2531) แผนชิงฟ้า
    แจ็ค ไรอัน ต้องเข้าไปพัวพันกับการช่วยเหลือแหล่งข่าวระดับสูงของโซเวียต ในชื่อ Cardinal ผู้ส่งข่าวลับมายังรัฐบาลสหรัฐอเมริกามาเป็นเวลานานให้หนีออกจากโซเวียต โดยมีฉากหลังเป็นการต่อสู้ทั้งทางการเมืองและทางสายลับในเรื่องระบบป้องกันขีปนาวุธของทั้งสองประเทศ
  • Clear and Present Danger (2532) เคลียร์แล้วลุยเจ็บปวด
    เมื่อเพื่อนรักประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ ถูกสังหารโหด โดยมีส่วนพัวพันกับยาเสพติด จึงสั่งให้ ซีไอเอ ปฏิบัติภารกิจลับชื่อ ทาร์พัน โดยส่งหน่วยจู่โจมขนาดเล็ก นำโดย จอห์น คลาร์ก เข้าไปจัดการพ่อค้ายาโคลัมเบีย เมื่อพ่อค้ายารู้ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามยึดเงินของกลาง ทำให้หน่วยรบถูกลอยแพในโคลัมเบีย แจ๊ค ไรอัน รักษาการ รอง ผอ. ซีไอเอ จึงต้องเข้าไปช่วยเหลือหน่วยทหารออกมา
  • The Sum of All Fears (2534) นักรบเกมโลกันต์
  • Without Remorse (2536) ลบรอยแค้น
  • Debt of Honor (2537) หักปีกอินทรี
    เรื่องนี้เป็นที่กล่าวขานกันมาก เพราะเขียนไว้ก่อนเหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน พ.ศ. 2544 โดยในเรื่องมีฉากนักบินผู้มีความแค้นต่อสหรัฐอเมริก�� ขับเครื่องบินโดยสารเปลี่ยนเส้นทางไปชนรัฐสภาสหรัฐฯ
  • Executive Orders (2539) ขย้ำพยัคฆราช
    แจ็ค ไรอัน เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาแทนตำแหน่งที่ว่างลงอย่างกะทันหัน เขาต้องนำพาประเทศให้พ้นจากวิกฤตทางการเมืองและการก่อการร้าย ในเรื่องนี้ จอห์น คลาร์ก เข้ามามีบทบาทอยู่ด้วยในช่วงสั้น ๆ
  • SSN (2539)
  • Rainbow Six (2541) อุดมการณ์เฉียดนรก
  • The Bear and the Dragon (2543) รุกฆาต
  • Red Rabbit (2545) กระต่ายแดงแรงฤทธิ์
  • The Teeth of the Tiger (2546)
  • Lock on ล็อกเป้าสังหาร
  • Dead or Alive คมเพชฆาต
  • Mirror Image ศัตรูคู่ขนาน
  • Against all Enemies ชนแหลก
  • Threat Vector มังกรผยอง
  • Command Authority อินทรีประจัญบาน
  • Support and Defend หนีสุดขีดล่าสุดแค้น
  • Full Force and Effect อหังการเหยียบฟ้า
  • Underfire หักเหลี่ยมรัฐประหาร
  • Commander in Chief ประธานาธิบดีประจัญบาน
  • True Faith and Allegiance ไฟล์เปิดนรก

เรียงตามลำดับเวลาในเรื่อง

แก้

นับเฉพาะเรื่องในชุดของตัวเอก แจ็ค ไรอัน และจอห์น คลาร์ก

  • Without Remorse
  • Patriot Games
  • Red Rabbit
  • The Hunt for Red October
  • The Cardinal of the Kremlin
  • Clear and Present Danger
  • The Sum of All Fears
  • Debt of Honor
  • Executive Orders
  • Rainbow Six
  • The Bear and the Dragon
  • The Teeth of the Tiger

ผลงานที่ได้รับการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์

แก้
  • The Hunt for Red October (ปฏิบัติการล่าตุลาแดง) (2533) นำแสดงโดย อเล็ก บอลด์วิน (ไรอัน) และ ฌอน คอนเนอรี (ราเมียส)
  • Patriot Games (เกมอำมหิตข้ามโลก) (2535) แฮร์ริสัน ฟอร์ด แสดงเป็น แจ็ค ไรอัน
  • Clear and Present Danger (แผนอันตรายข้ามโลก) (2537) แฮร์ริสัน ฟอร์ด แสดงเป็น แจ็ค ไรอัน และ วิลเลียม เดโฟ แสดงเป็นจอห์น คลาร์ก
  • The Sum of All Fears (วิกฤตนิวเคลียร์ถล่มโลก) (2545) เบ็น เอฟเฟลค เป็นแจ็ค ไรอัน มอร์แกน ฟรีแมน แสดงเป็นผู้อำนวยการ ซีไอเอ มีการจัดเรียงลำดับเวลาแตกต่างจากในหนังสือ
  • Tom Clancy's Without Remorse (2021) Michael B. Jordan is John Kelly

วิดีโอเกม

แก้

ผลงานของทอม แคลนซี ได้นำไปสร้างเป็นวิดีโอเกมแนวสงคราม จารกรรม และการต่อต้านการก่อการร้าย ดังนี้

  • Tom Clancy's Rainbow Six siege นำมาจากหนังสือชื่อเดียวกัน
  • Tom Clancy's Ghost Recon
  • Tom Clancy's Splinter Cell
  • Tom Clancy's Endwar
  • Tom Clancy's Hawx
  • Tom Clancy's Splinter Cell:Blacklist ภาคต่อของ Tom Clancy's Splinter Cell
  • Tom Clancy's The Division (ทอม แคลนซีส์ เดอะดิวิชัน) (2559)
  • Tom Clancy's Ghost Recon® Wildlands

รางวัลที่ได้รับ

แก้
  • แคลนซีเป็นหนึ่งในสามนักประพันธ์ที่มียอดจำหน่ายสองล้านเล่มในการตีพิมพ์ครั้งแรกของช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 (อีกสองคนได้แก่จอห์น กริแชม และเจ. เค. โรว์ลิง) นวนิยาย พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) เรื่องClear and Present Danger ของแคลนซีทำยอดจำหน่ายฉบับปกแข็งได้ 1,625,544 เล่ม ส่งผลให้เป็นนวนิยายขายดีอันดับ 1 ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1980 [9]
  • แคลนซีได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาอักษรศาสตร์ และเข้าร่วมพิธีรับปริญญาที่สถาบันโพลิเทคนิคเรนส์ซเลียร์ใน พ.ศ. 2535 และหลังจากนั้นทางโรงเรียนได้รับการอ้างถึงในผลงานหลักของเขาเป็นจำนวนมาก[10]

อ้างอิง

แก้
  1. 1.0 1.1 Clancy, Tom (October 31, 1997). "alt.books.tom-clancy". groups.google.com. สืบค้นเมื่อ 2012-03-20.
  2. A few sources, such as Who's Who and "Tom Clancy". Encyclopedia Britannica Online. สืบค้นเมื่อ March 20, 2012., give his birth date as March 12, 1947. He died Wednesday October 2, 2013.
  3. 3.0 3.1 Bosman, Julie (2013-10-02). "Tom Clancy, Best-Selling Novelist of Military Thrillers, Dies at 66". New York Times. สืบค้นเมื่อ 2013-10-02.
  4. Kaltenbach, Chris (2013-10-02). "Clancy invented 'techno-thriller,' reflected Cold War fears". The Baltimore Sun. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-10-04. สืบค้นเมื่อ 3 October 2013.
  5. "Tom Clancy: Bibliography and list of works". Biblio.com. สืบค้นเมื่อ 3 October 2013.
  6. Arnold, Laurence. "Tom Clancy, Whose Novels Conjured Threats to U.S., Dies at 66". Bloomberg. สืบค้นเมื่อ 3 October 2013.
  7. 7.0 7.1 ไทยบันเทิง, "ข่าวดึก". รายการทางไทยพีบีเอส: ศุกร์ที่ 5 ตุลาคม 2556
  8. "Tom Clancy, author of 'Hunt for Red October' and 'Patriot Games,' dead at 66". NY Times. สืบค้นเมื่อ 2 October 2013.
  9. "Washington Post". Washington Post. 1997-06-01. สืบค้นเมื่อ 2010-02-28.
  10. "Rensselaer Magazine: Summer 2004: At Rensselaer". Rpi.edu. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-05-28. สืบค้นเมื่อ 2010-02-28.

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้
 
Wikiquote
วิกิคำคมภาษาอังกฤษ มีคำคมที่กล่าวโดย หรือเกี่ยวกับ: ทอม แคลนซี

บทวิจารณ์วรรณกรรม

แก้